บทความนี้จะมาแนะนำให้รู้จักประโยค หรือ Sentense ในภาษาอังกฤษ มีกี่รูปแบบ มีกี่ชนิด เพื่อจะได้ใช้งานให้ถูกต้อง พร้อมยกตัวอย่าง ประโยคแบบต่างๆ และคำแปล ประกอบให้เข้าใจ

 

โครงสร้างประโยคในภาษาอังกฤษ

โครงสร้างของประโยคจะมีดังนี้
ประธานของประโยค (Subject) + กริยา (Verb) + กรรม (Object) แต่กรรมอาจจะไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับกริยาที่ใช้

ตัวอย่างประโยค
1. ประธานของประโยค (Subject) + กริยา (Verb) แบบไม่มีกรรม (Object) เช่น Somsri runs. สมศรีวิ่ง ประธานของประโยค = Somsri / กริยา = run วิ่ง ประธานเป็นเอกพจน์ จึงต้องเติม s เป็น runs แปลว่า วิ่ง สมศรีวิ่ง เป็นประโยคที่ไม่จำเป็นต้องมีกรรมมารับ เพราะฟัง หรือ อ่านแล้วก็เข้า ใจ ว่าใคร ทำอะไร อย่างไร

2. ประธานของประโยค (Subject) + กริยา (Verb) + แบบมีกรรม (Object) เช่น Somchai and Somsak hit the dog. ทอมตีสุนัข ประธานของ ประโยค = Somchai and Somsak / กริยา = hit / ประธานเป็นพหูพจน์ มี 2 คนขึ้นไป (สมชาย และ สมศักดิ์) จึงไม่ต้องเติม es หรือ s ใช้ hit แปลว่า ตี เป็นประโยคที่ต้องมีกรรมมารับ ก็คือ สุนัข ไม่เช่นนั้นจะเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์ เพราะไม่รู้ว่า ตีอะไร ทั้งสองคนทำอะไร

 

ประโยคในภาษาอังกฤษแบบต่างๆ

ประโยคในภาษาอังกฤษมีหลายแบบ ตัวอย่างเช่น

 

1. ประโยคบอกเล่า

ประโยคแบบนี้จะเป็นการบอกกล่าว เล่าเรื่อง บอกให้ฟัง ว่าใครทำอะไรที่ไหน อย่างไร เช่น

 

ตัวอย่างประโยค: Tom eats fruit.
คำแปล : ทอมกินผลไม้
คำอธิบายเพิ่มเติม : บอกเล่าให้รู้ว่า ทอมทำอะไร ประธาน (Tom) + กริยา (eat กิน ทาน แต่ประธานเป็นเอกพจน์จึงเติม s) ผลไม้ (fruit)

 

ตัวอย่างประโยค: Tom and his wife have many dogs.
คำแปล : ทอมและภรรยาของเขามีสุนัขหลายตัว
คำอธิบายเพิ่มเติม : ประธานมี 2 คน เป็นพหูพจน์ (Tom and his wife) กริยา (have มี) สุนัขหลายตัว (many dogs)

 

2. ประโยคปฏิเสธ

ประโยคแบบนี้จะเป็นการบอกกล่าว เล่าเรื่อง บอกให้ฟัง ว่าใครทำอะไรที่ไหน อย่างไร แต่มีความหมายเป็นปฏิเสธ ไม่ใช่ ไม่ชอบ ไม่มี ไม่... เช่น

 

ตัวอย่างประโยค: Tom doesn't eat fruit.
คำแปล : ทอมไม่กินผลไม้
คำอธิบายเพิ่มเติม : บอกเล่าให้รู้ว่า ทอมทำอะไร ประธาน (Tom) + กริยาช่วย (doesn't ไม่ ประธานเอกพจน์ใช้ doesn't) + กริยาหลัก (eat กิน ทาน) ผลไม้ (fruit)

 

ตัวอย่างประโยค: Tom and his wife don't like dog.
คำแปล : ทอมและภรรยาของเขาไม่ชอบสุนัข
คำอธิบายเพิ่มเติม : ประธานมี 2 คน เป็นพหูพจน์ (Tom and his wife) + กริยาช่วย (don't ไม่ ประธานพหูพจน์ใช้ don't) + กริยาหลัก (have มี) สุนัข (dog)

 

3. ประโยคคำถาม

ประโยคแบบนี้จะเป็นการถาม ว่าใครทำอะไรที่ไหน อย่างไร อาจจะตั้งคำถามด้วยคำแสดงคำถาม อย่าง What, Who, When, Where, Which, Why, How หรือคำไม่แสดงคำถาม อย่าง Do, Does, Is, Are, Was, Were, Can, Has, Have, May, Shall, Will เช่น

 

ตัวอย่างประโยค: What is your name?. My name is Tom
คำแปล : คุณชื่ออะไร? / ฉันชื่อทอม
คำอธิบายเพิ่มเติม : ประโยคคำถามขึ้นต้นด้วย What

 

ตัวอย่างประโยค: Do you like dog? No, I don't.
คำแปล : คุณชอบสุนัขหรือไม่? ไม่, ฉันไม่ชอบ
คำอธิบายเพิ่มเติม :ประโยคคำถามขึ้นต้นด้วย Do


4. ประโยคขอร้อง

เป็นประโยคที่ขอร้อง อ้อนวอน ขอความช่วยเหลือ ให้ผู้หนึ่งผู้ใด ทำอะไรบางอย่าง หรือ ช่วยเหลือตนเอง หรือข้อร้องไม่ให้ทำอะไรบางอย่าง เช่น

 

ตัวอย่างประโยค: Please call me tonight.
คำแปล : โปรดโทรศัพท์หาฉันคืนนี้


ตัวอย่างประโยค: Please don't leave me.
คำแปล : โปรดอย่าทิ้งฉันไป หรือ โปรดอย่าไปจากฉัน

5. ประโยคคำสั่ง

เป็นประโยคที่สั่งให้ทำอะไรบางอย่าง หรือสั่งห้ามไม่ให้ทำอะไรบางอย่าง เช่น

 

ตัวอย่างประโยค: Call me tomorrow.
คำแปล : โทรหาฉันพรุ่งนี้ด้วย / เป็นการสั่ง จะไม่มีคำว่า Please ได้โปรด หรือ กรุณา ในการใช้งานจริง จะใช้น้ำเสียงจริงจังเข้ม ดุ เอาจริงเอาจัง

 

ตัวอย่างประโยค: Don't go out.
คำแปล : อย่าออกไปข้างนอก / เป็นการสั่งห้ามไม่ให้ออกไปข้างนอก

 

6. ประโยคอุทาน

เป็นการพูดอุทาน เปล่งเสียงอุทาน แบบต่างๆ อาจจะชื่นชม หรือ บ่น ระบายความรู้สึก เช่น

 

ตัวอย่างประโยค: What a good day!
คำแปล : ช่างเป็นวันที่ดีอะไรเช่นนี้ / ชื่นชม มีความพอใจในสิ่งนั้น

 

ตัวอย่างประโยค: How hot it is!
คำแปล : ช่างร้อนอะไรอย่างนี้ / บ่น ระบายความรู้สึก

 

ชนิดของประโยคในภาษาอังกฤษ

1. ประโยคความเดียว

ประโยคความเดียว จะเป็นประโยคง่ายๆ มี ประธานเดียว กริยาเดียว แม้ประโยคอาจจะสั้นหรือยาว ก็เข้าใจได้ง่าย

ตัวอย่างประโยค: Tom likes the dog.
คำแปล : ทอมชอบสุนัข
คำอธิบายเพิ่มเติม : ตัวอย่างนี้เป็นประโยคง่ายๆ สั้นๆ บอกว่า ทอมชอบสุนัข

 

ตัวอย่างประโยค: Sara has the small white dog.
คำแปล : ซาร่ามีสุนัขสีขาวตัวเล็กๆ
คำอธิบายเพิ่มเติม : ประโยคมีความยาวขึ้น แต่ก็มีประธานคนเดียว กริยาเดียว มีการใช้คำคุณศัพท์ขยาย dog ให้รู้ว่าเป็นสุนัข แบบใด ตัวเล็ก ตัวใหญ่ สีอะไร เลยทำให้ประโยคดูยาวขึ้น

 

2. ประโยคความรวม

ประโยคความรวมจะเป็นการรวมประโยคความเดียวเข้าด้วยกัน เพื่อลดการพูดถึง กล่าวถึงแบบซ้ำซ้อน โดยจะมีการใช้คำเชื่อมประโยคด้วย and และ / or หรือ / but แต่ / for สำหรับ / สามารถแยกประโยคออกจากกันได้ โดยความหมายยังสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น

ตัวอย่างประโยคความเดียว 1: Tom likes the dog. ทอมชอบสุนัข
ตัวอย่างประโยคความเดียว 2: Tom likes the cat. ทอมชอบแมว
ตัวอย่างประโยคความรวม: Tom likes the dog and the cat. ทอมชอบสุนัขและแมว
คำอธิบายเพิ่มเติม : การใช้ประโยคความรวมจะช่วยลดการพูดถึงซ้ำๆ ยืดยาว โดยใช้/ and และ / เชื่อมประโยค

 

ตัวอย่างประโยคความเดียว 1:I wants to meet Tom. ฉันต้องการพบทอม
ตัวอย่างประโยคความเดียว 2 :I wants to meet Sara. ฉันต้องการพบซาร่า
ตัวอย่างประโยคความรวม:I wants to meet Tom or Sara. ฉันต้องการพบทอม หรือ ซาร่า
คำอธิบายเพิ่มเติม : การใช้ประโยคความรวมจะช่วยลดการพูดถึงซ้ำๆ ยืดยาว โดยใช้ / or หรือ / เชื่อมประโยค

 

3. ประโยคความซ้อน

ประโยคความซ้อนจะเป็นการรวมประโยคความเดียวเข้าด้วยกัน หรือรวมประโยคความเดียวกับอนุประโยคหรือประโยคย่อย (Clause) จะไม่ สามารถแยกประโยคออกจากกันได้ อาจจะทำให้ความหมายไม่สมบูรณ์ ฟังไม่เข้าใจ

ตัวอย่างประโยคความซ้อน: I know what you need. ฉันรู้ว่าคุณต้องการอะไร
ตัวอย่างประโยคความเดียว: I know. ฉันรู้ / ประโยคความเดียว แต่ไม่สมบูรณ์ ไม่รู้ว่า รู้เรื่องอะไร
ตัวอย่างประโยคความเดียว: you need. คุณต้องการ / ประโยคไม่สมบูรณ์ไม่รู้ว่าต้องการอะไร
คำอธิบายเพิ่มเติม : ประโยคความซ้อนนี้จะใช้ what เชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน เป็น We know what you need. ฉันรู้ว่าคุณต้อง การอะไร

 

ตัวอย่างประโยคความซ้อน: Tom hits the dog that bites his son. ทอมตีสุนัขซึ่งกัดลูกชายของเขา
ตัวอย่างประโยคความเดียว: Tom hits the dog. เป็นประโยคความเดียวที่สมบูรณ์ เข้าใจได้ว่า ใครทำอะไร ที่ไหน
ตัวอย่างประโยคความเดียว: bites his son. กัดลูกชายของเขา / ประโยคไม่สมบูรณ์ ขาดประธาน
คำอธิบายเพิ่มเติม : ประโยคความซ้อนนี้จะใช้ that เชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน เป็น Tom hits the dog that bites his son. ทอมตี สุนัขซึ่งกัดลูกชายของเขา

 

4. ประโยคผสมความซ้อนและความรวม

ลักษณะประโยคแบบนี้จะเป็นการรวมประโยคความซ้อน และ ประโยคความรวมเข้าด้วยกัน จุดสังเกตุคือมี 3 ประโยคผสมกัน แต่อาจจะไม่ สมบูรณ์ ขาดประธาน หรือ กรรม ตัวอย่าง เช่น

ตัวอย่างประโยคผสม: He said that he wants to meet Tom or Sara. เขาพูดว่า เขาต้องการพบทอม หรือ ซาร่า
ตัวอย่างประโยคความซ้อน: He said that. เขาพูดว่า
ตัวอย่างประโยคความรวม: He wants to meet Tom or Sara. เขาต้องการพบทอม หรือ ซาร่า เป็นประโยคความรวมที่ใช้ /or หรือ / เชื่อมประโยค ซึ่งเกิดความประโยคความเดียว He wants to meet Tom. และ He wants to meet Sara. มารวมกัน
คำอธิบายเพิ่มเติม : วิธีสังเกตุประโยคแบบนี้ ก็คือจะสามารถแยกได้ 3 ประโยค แต่อาจจะไม่มีความหมาย

 

สำหรับบทความนี้ก็หวังว่า คงจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ ที่กำลังศึกษาภาษาอังกฤษด้วยตนเอง เกี่ยวกับประโยค รูปแบบ และชนิดของ ประโยคในภาษาอังกฤษ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบทความในเว็บไซต์ของเรา