ผู้สูงวัยโดยเฉพาะในชนบทที่ยากจนและขาดความรู้ มักจะไม่ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย แต่เน้นใช้ยา รักษาที่ปลายเหตุ ไปหาหมอ ไปโรงพยาบาลกันมากกว่าผู้สูงวัยที่มีการศึกษาหรืออยู่ในครอบคัวคนมีฐานะ ซึ่งจะให้ความสำคัญกับสุขภาพมากกว่า
การออกกำลังกายในผู้สูงวัย เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวเอง ลดความเจ็บป่วยได้อย่างมาก แต่สำหรับ ผู้สูงวัยบางกลุ่มในชนบทที่การศึกษาน้อย ชาวบ้านทั่วไป น้อยคนจะเห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย เพราะชินกับการรักษาตัว เองทางลัด ด้วยการกินยา ไปหาหมอ หากไปโรงพยาบาลในต่างจังหวัด จะพบผู้ป่วยที่เป็นคนสูงวัยจำนวนมาก กินยาแล้วหายไว แต่ไม่ ออกกำลังกายดูแลตัวเอง
ตัวอย่างความเชื่อและการปฏิบัติแบบผิดๆ ในการดูแลตัวเองในผู้สูงวัยบางกลุ่ม
ผู้สูงวัยจำนวนไม่น้อยที่มีความเชื่อและการปฏิบัติไม่ถูกต้อง ในการออกกำลังกาย จึงไม่ยอมทำอะไร เช่น
1. การออกกำลังกายให้ร่างกายได้ขยับเขยื้อน กลัวจะได้รับบาดเจ็บ แขนขาหัก พิการ เป็นภาระคนอื่น การชวนผู้สูงวัยออกกำลังกายจึง อาจเป็นเรื่องยากพอๆ กับปลุกเด็กน้อยไปโรงเรียน หรือให้แปรงฟัน จนกว่าจะเจ็บป่วยและแก้ปัญหาถูกทางจึงจะยอมทำ
2. การออกกำลังกายสมอง ให้สมองได้คิด ได้อ่าน ก็พากันกลัวจะทำให้สมองเสื่อม กลัวเป็นบ้า เพราะอ่านมากไป จึงเอาแต่ดูทีวี สมอง ก็ยิ่งเสื่อมเร็ว เพราะไม่ได้ถูกใช้คิดอะไร ดูผ่านตาไปเท่านั้น
3. การกินอาหาร การกินอาหารแบบชาวบ้าน เรียบง่าย มักจะไม่ค่อยเจ็บป่วย บรรดา ยายทวด ตาทวดของกระผม อายุก็เฉียดร้อยกัน ทั้งนั้น ไม่เคยมีใครเคยกินอาหารเหลา เลิศรสสักคน มีแต่ ผักน้ำพริก อาหารพื้นบ้าน อาหารที่เราคิดว่าดี และแพงนั้น ไม่ได้ทำให้ปลอด โรคอย่างที่คิด
4. เน้นกินยา เพราะหายเร็ว แต่ไม่แก้ที่ต้นเหตุอย่างการออกกำลังกาย เน้นแก้ที่ปลายเหตุ อาการเจ็บป่วยก็ไม่มีวันหาย
การที่ผู้สูงวัยหลายคนคิดแบบนี้ หากมองอีกมุมก็เป็นเรื่องดี เพราะจะตายเร็วกว่าที่คิด อาจจะไม่เป็นภาระลูกหลาน แต่สำหรับคนที่ เป็นลูกหลาน อาจจะต้องเสี่ยงกับการต้องดูแลอย่างยาวนานกว่าจะตาย เพราะการอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร ก็จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ช่วย เหลือตัวเองไม่ได้ ส่วนการที่สมองไม่ได้ออกกำลังกาย อาการหลงๆ ลืมๆ ย่อมจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน สรุปแล้ว ก็เป็นภาระลูกหลานและ รัฐบาลในอนาคต อย่างแน่นอน
การออกกำลังกายมีความสำคัญกับทุกคน ไม่เฉพาะคนแก่ แม้จะเป็นเด็ก คนหนุ่มสาว วัยกลางคน วัยไหนก็ตาม หากไม่ออกกำลัง กาย ร่างกายย่อมอ่อนแอ มีโอกาสเจ็บป่วยเหมือนกันหมด แต่คนสูงวัย ร่างกายอ่อนแอกว่า จึงมีโอกาสเจ็บป่วย บาดเจ็บสูงกว่า
แนวทางปฏิบัติเรื่องการออกกำลังกายที่ผู้สูงวัยควรทำ
การชวนผู้สูงวัยออกกำลังกาย ในบางครอบครัว โดยเฉพาะคนชนบท การศึกษาน้อย เป็นเรื่องยากมาก ผู้เขียนเองก็ใช้เวลานานมาก กว่าจะชวนเสด็จแม่ให้ออกกำลังกายได้สำเร็จ เพราะชินกับการกินยา เป็นอะไรนิดหน่อยก็กินยา ไปหาหมอ เมื่อผู้สูงวัยในครอบครัวไม่ ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย ก็ต้องหาวิธีการต่างๆ เช่น
1. ปรึกษาหมอ เพราะผู้สูงวัยมักจะฟังหมอมากกว่า
ปรึกษาพูดคุยกับหมอ ที่มีจรรยาบรรณ เพื่อให้หมอแนะนำ การดูแลตัวเองเวลาเจ็บป่วย เพราะผู้สูงวัยมักจะฟังหมอมากกว่า
2. เอาความตาย ความเจ็บป่วยมาเป็นแรงใจในการออกกำลังกาย
ผู้สูงวัยที่กลัวตาย กลัวเจ็บป่วย การล่อหลอกให้ออกกำลังกายจะทำได้ง่ายกว่า ให้สังเกตุอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น แล้วชวนออกกำลัง กายให้ถูกจุด เช่น นั่งนานๆ แล้วปวดก้น ปวดหลัง ปวดแขน ปวดขา กล้ามเนื้อไม่มีแรง บีบแขนบีบขาเนื้อเหลวไปมด สาเหตุเพราะกล้าม เนื้ออ่อนแอ กล้ามเนื้อจึงไม่ช่วยป้องกันอะไรได้ เวลานั่งนานๆ จึงทำให้เจ็บปวด หากออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อก้น กล้ามเนื้อแผ่นหลัง แข็งแรง อาการเจ็บป่วยจะหายไป ไม่ต้องกินยา หลังจากที่ชวนออกกำลังกายอยู่หลายวัน ในที่สุด อาการก็ปวดก็หาย คราวนี้เสด็จแม่ก็ ออกกำลังกายเองเลย โดยไม่ต้องบอก
หากผู้สูงวัยเริ่มมีอาการเจ็บป่วยแล้ว การชวนออกกำลังกายจะเป็นเรื่องง่ายขึ้น เพราะหลายคนกลัวตาย ยังไม่อยากตาย จึงยอมร่วม มือเป็นมากขึ้น แต่หลังจากหายดีแล้วก็จะหยุดเหมือนเดิม ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้รู้แล้วว่า เมื่อเจ็บป่วยจะต้องทำอย่างไร
3. การออกกำลังกายสมอง ป้องกันสมองเสื่อมเร็วเกินไป
การคิดวิเคราะห์ คิดคำนวณบ่อยๆ ออกกำลังกายสมองบ่อยๆ ก็ยากที่จะทำให้สมองเสื่อม เพราะสมองถูกใช้งานอยู่บ่อยๆ นั่นเอง บางคนอายุ 90 กว่า สมองยังดีมาก อย่างคุณหมอ สมหมาย ซึ่งปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้ว การเป็นหมอ ต้องวิเคราะห์หาสาเหตุอาการ เจ็บป่วยของคนไข้อยู่บ่อยๆ ทำให้สมองได้ออกกำลังกาย ได้คิด วิเคราะห์ จึงไม่มีปัญหาเรื่องนี้
แต่คนสูงวัยส่วนใหญ่ หลายคนหยุดการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ มานานแล้ว และไม่ยอมใช้สมองคิดอะไร กลัวว่าใช้มากจะบ้า สมองจะเสื่อม จึงไม่แปลกที่สมองจะเริ่มแย่ แต่เรื่องนี้ยังสามารถฝึกได้ แก้ไขได้ หยุดการดูทีวี แล้วมาอ่านหนังสือ ฟังธรรมะ สนทนากับเพื่อนบ้านใน เรื่องที่สร้างสรรค์ หรือการดูวิดีโอ Youtube ก็ช่วยพัฒนาสมองได้ซึ่งต่างจากการดูรายการทีวี เพราะจะมีเรื่องราวน่ารู้ใหม่ๆ ที่ผู้สูงวัยไม่ เคยพบเห็นอย่างแน่นอน เกิดความตื่นเต้น เร้าใจ เกิดข้อสงสัย ทำให้เกิดการจดจำมากกว่า มีการใช้ความคิดมากกว่าการดูละครน้ำ เน่าๆ เดิมๆ ไร้สาระ
การทำประกันชีวิตในผู้สูงวัย
นอกจากการดูแลสุขภาพผู้สูงวัยด้วยการออกกำลังกายแล้ว การทำประกันชีวิต เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเหมือนกัน กรณีเจ็บ ป่วยจริง ตายจริง ก็จะมีภาระค่าใช้จ่าย ภาระต้องดูแล หากมีประกันชีวิตแบบต่างๆ มาช่วยลดภาระ ก็จะเป็นเรื่องดี ความเจ็บป่วยที่เกิด ขึ้นในครอบครัวผู้เขียนทำให้มีภาระหลายแสนบาท โชคดีที่ได้ประกันชีวิตมาช่วยบางส่วน จึงลดภาระไปได้อย่างมาก แต่ก็ทำให้ลำบาก ไปตามๆ กัน ถ้าหากต้องรักษายาวนานกว่านั้น คงต้องขายที่ดิน ขายบ้าน ขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด เพื่อใช้รักษาอย่างแน่นอน
ความเจ็บป่วยที่เกิดกับผู้สูงวัยนั้น บางรายมีค่าใช้จ่ายหลักล้าน หากเป็นโรคร้าย อย่างมะเร็ง การดูแลสุขภาพตัวเองเบื้องต้นสำหรับ ผู้สูงวัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการเจ็บป่วยมีค่ารักษา หลักแสนตามาอย่างแน่นอน แม้จะไม่ป่วยตาย ตายอย่างสงบก็ตาม ค่าใช้จ่ายใน การจัดงานศพ ปัจจุบันก็ว่ากันที่หลักแสนเช่นกัน
การเป็นคนสูงวัย ก็จงอย่าดื้อให้มากนัก ถ้ายังไม่ได้เตรียมเงินไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทำศพของตัวเองไว้ให้ลูกหลาน อย่าให้ เกิดความรู้สึกผิด น้ำตาตกในก่อนตาย เพราะคิดได้ก็สายไป เมื่อได้เห็นความลำบากของลูกหลานที่ต้องมาดูแลตัวเองและภาระค่าใช้ จ่ายหลักแสนหรืออาจจะหลักล้าน
ผู้เขียนคบผู้สูงวัยเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอายุใกล้ 80 หรือเกิน 90 ก็มี ได้เห็นความเป็นไปของแต่ละคน ความเจ็บป่วย วิธีการรักษา การ ดูแลตัวเอง การออกกำลังกาย บางคน 70 กว่า ยังแข็งแรงมาก 80 กว่าก็ยังขับรถได้ ปั่นจักรยาน วิ่ง เกิน 90 ก็ยังช่วยเหลือตัวเองได้ เพราะการออกกำลังกาย การดูแลตัวเอง