Sponsored Ads

เมื่อถ่ายแล้วแสบบ่อยๆ หรือมีอาการปวดรอบๆ ทวารหนัก ต้องรีบดูแลตัวเองแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ็บป่วยรุนแรง กลายเป็นแผลอักเสบ เรื้อรัง มีหนอง ฝี ซึ่งอาจจะเป็นฝีที่มีอันตรายอย่าง ฝีคันฑสูตร หรือ เป็นริดสีดวงทวาร ซึ่งก็จะมีวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นที่สามารถทำเองได้ และจะต้องทำอย่างเร่งด่วน เพราะการเจ็บป่วยบริเวณนี้ของร่างกาย มันทำให้ชีวิตยุ่งยากจริง/p>

 

การขับถ่ายเป็นสิ่งคนเราที่จะต้องทำเป็นประจำทุกวัน หากขับถ่ายได้ตามปกติ ก็จะมีความสุข หากขับถ่ายผิดปกติ ก็จะมีความทุกข์ และจะทุกข์หนักมากขึ้น หากมีอาการเจ็บป่วยเกิดขึ้นตามมา ที่เริ่มรุนแรงขึ้น จากแค่เจ็บแสบยามขับถ่าย หรือ เริ่มมีติ่ง มีเม็ด เกิดเป็นฝี ฝีแตกมีหนองไหลออกจากทวารหนัก หรือรอบทวารหนัก อันตรายอาจจะถึงแก่ชีวิต ถ้าเกิดการติดเชื้อเข้าไปในกระแสเลือด

 

ตอนนี้แหละที่จะรู้ซึ้งเลยว่า นรกมีจริง เพราะการเดิน นั่ง ยืน นอน ก็จะเจ็บปวดตลอดเวลา การรักษาตัวเอง ก็ไม่ง่าย ถ้าไม่ได้อยู่หอ อยู่บ้านคนเดียว เพราะเวลาเช็ดล้างแผล ทำความสะอาด จะต้องถอดหมด เพื่อความง่ายในการทำความสะอาดแผล ยิ่งช่วงฝีแตก หนองไหลตลอดเวลา ยิ่งลำบาก หมดทิชชู่เป็นกล่อง เช็ดหนองทั้งวัน มันสนุกเสียที่ไหนกัน ที่เล่ามาก็เป็นประสบการณ์ตรง ตั้งแต่เริ่มเป็นและน่าจะหาย ถ้ายังดูแลตัวเองต่อไปอย่างนี้ น่าจะกินเวลาทั้งหมด ประมาณ 3 เดือน แต่ถ้าไปหาหมอ แล้วผ่า รักษา จะเร็วกว่านี้ ผู้เขียนอายหมอ จึงรักษาเอง ซึ่งก็ต้องใช้เวลา ใครที่เป็นเหมือนผู้เขียนจะใช้แนวทางนี้ก็ได้นะ เจ็บนี้อีกนาน

 

เตรียมอุปกรณ์เพื่อตรวจตัวเองเบื้องต้น

เมื่อมีอาการถ่ายแล้วเจ็บแสบ หากเป็นติดต่อกันหลายวัน ก็ลองตรวจดูด้วยตัวเอง ง่ายๆ
1. ตั้งไฟฉาย หรือวางมือถือกับพื้น เปิดไฟฉาย ส่องขึ้นด้านบน นั่งคร่อมลงไป
2. ใช้กระจกแบบตั้งพื้น มีขายตามร้านทุกอย่าง 20 บาท วางเพื่อส่องดูรูทวารหนัก แหวกดูลึกๆ เข้าไปประมาณ 1.5-2 ซม. เพื่อตรวจสอบว่ามีแผล มีติ่ง ปุ่ม เม็ด หรือไม่ จะได้รีบหาทางรักษาแต่เนิ่นๆ
3. ทิชชู่แบบแผ่น ใช้สะดวก กรณีเกิดฝี หรือ มีหนองไหลออกจากรูทวารหนัก ก็ใช้รองก้น แต่ต้องใส่กางเกงในนะ เน้นฟิตๆ หน่อย ไม่ให้ทิชชู่ขยับ

 

 

ความผิดปกติในการขับถ่ายที่ต้องรีบใส่ใจ

เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับการขับถ่ายหนัก ต้องรีบใส่ใจ ผู้เขียนไม่ใช่หมอ แต่สิ่งที่จะบอกต่อไปนี้เป็นการสังเกตุจากความเจ็บป่วยที่เกิดกับตัวเอง ซึ่งไม่ดูแล ใส่ใจ จากเจ็บเล็กน้อย ก็ปล่อยให้กลายเป็นปัญหาใหญ่ เริ่มจาก
1. ถ่ายแล้วเจ็บแสบ แสดงว่าเกิดแผลในรูปากทวารหนัก ลึกเข้าไปประมาณ 1.5 ซม. แต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นไม่นาน วันสองวันหาย ก็ไม่ต้องกังวล


2. อาการเริ่มแรงขึ้น ถ่ายแล้วเจ็บแสบ ติดกันหลายวัน แสดงว่า ได้เกิดแผลเหนือปากรูทวารหนัก ต้องรีบหาหมอ หรือ ศึกษาการรักษาด้วยตัวเอง มีหมอ พยาบาล หลายคนมาทำช่องยูทูปให้ความรู้ ซึ่งหลายคนทำตาม ก็รักษาด้วยตัวเองให้หายได้


3. อาการเริ่มแรงมากขึ้น ไม่ถ่ายก็เจ็บแสบ หรือ ปวดจี๊ดๆ แสบๆ คันๆ ในรูทวารหนัก แสดงว่า แผลเริ่มลามใหญ่แล้ว ควรจะต้องไปหมอ หรือ ดูแลตัวเองได้แล้ว


4. อาการรุนแรงมากขึ้น แผลเริ่มอักเสบ มีหนอง เวลาถ่ายเจ็บแสบ ปวดจีดๆ หรือ แสบๆ คันๆ เจ็บๆ ในรูทวารหนัก และมีอาการปวดรอบรูทวารหนัก อาจจะปวดไปทางแก้มก้นซ้าย หรือ ขวา แต่ยังไม่มีเม็ด หรือ ฝี ที่ภายนอก รอบๆ ปากรูทวารหนัก ที่ก้นไม่มีฝี ไม่มีเม็ด แสดงว่า อาการอักเสบ ยังอยู่แค่ใกล้ๆ รูทวารหนัก ยังไม่ทะลุลำไส้บริเวณนี้


5. การอักเสบเริ่มลามไปถึงก้น บริเวณรอบรูปากทวารหนัก มีเม็ด มีฝีเกิดขึ้น แต่ฝียังไม่แตก มีหนองไหลออกจากรูทวารหนัก ก้อนแฉะ ต้องใส่ทิชชู่รองไว้ใต้กางเกงใน ปวดรอบปากรูทวารหนักตลอดเวลา อาจจะเป็นแก้มก้นซ้ายหรือขวา คลำดูมีเม็ด มีก้อน กรณีของผู้เขียนพบว่า มันใหญ่มาก เป็นก้อนใหญ่กว่าหัวแม่เท้า ตอนนี้แหละที่ชีวิตมีความทุกข์ทรมานไม่น้อย นั่งไม่ได้ นอนก็ต้องนอนคว่ำ เดินก็ปวด 


6. แล้วก็มาถึงอาการที่หนักที่สุด ฝีแตก แสดงว่าแผลตั้งแต่จุดเริ่มต้นก็คือ เหนือปากรูทวารหนัก ผนังลำไส้ใหญ่ อักเสบ เป็นหนอง ลามมาจนถึงก้น รอบปากรูทวารหนัก กลายเป็นฝี และฝีก็แตก เกิดเป็นหนองไหลออกมา ที่เล่ามาเป็นประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง  และนี่ก็คือช่วงเวลาที่เจ็บมากๆ ใช้ชีวิตลำบากมากขึ้น 

 

ความเจ็บป่วยที่ทวารหนักส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก

ใครที่ไม่เคยมีประสบการณ์เจ็บป่วย เช่น เป็นฝีที่ทวารหนัก เป็นริดสีดวงทวาร จะไม่รู้หรอกว่า มันส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตอย่างไร ผู้เขียนทำงานส่วนตัวอยู่ที่บ้าน ยังลำบาก เพราะต้องนั่งทำงาน นั่งแทบไม่ได้ ต้องลุกเดิน หรือ นอนทำงาน ถ้าเป็นพนักงานบริษัท เป็นลูกจ้าง ไม่ได้ทำงานส่วนตัวด้วยแล้ว ไม่อยากจะนึกเลยว่า ชีวิตจะลำบากเพียงใด 

ดังนั้นอย่าปล่อยให้เกิดการเจ็บป่วยที่บริเวณนี้ ต้องรีบดูแลตัวเอง อย่าให้อาการหนัก ผู้เขียนละเลยไม่สนใจ ปล่อยจนกระทั่ง เป็นฝี ฝีแตก ทะลุถึงก้น แค่คิดก็เจ็บ และสร้างความทรมานในการใช้ชีวิต และ ทำงานอย่างมากจริงๆ การรักษาด้วยตัวเอง อย่างนี้คาดว่าน่าจะกินเวลาตั้งแต่เริ่มเป็นจนกระทั่งหาย น่าจะประมาณ 3 เดือน ถ้าไปหาหมอจะเร็วกว่านี้ แต่อายหมอ ก็เลยไม่ไป อีกอย่าง ก็เคยเป็นมาหนหนึ่งแล้ว ก็รักษาตัวเอง แล้วหายได้ แต่เป็นมานานแล้วเมื่อสัก 20 กว่าปีก่อน จึงจำไม่ได้ ว่าต้องรักษาตัวเองอย่างไร

 

การดูแลตัวเองเบื้องต้น เมื่อมีอาการถ่ายแล้วเจ็บแสบ

สำหรับใครที่ถ่ายแล้วเจ็บแสบ ท้องผูก อย่าได้วางใจ ว่าเดี๋ยวก็หายเอง ตัวอย่างการดูแลตัวเอง ในเบื้องต้น

ศึกษาหาข้อมูล การดูแล รักษาตัวเอง

การเจ็บป่วยทุกวันนี้ เราสามารถดูแล รักษา ตัวเอง ในเบื้องต้น ได้ง่ายมากขึ้น เพราะมีคุณหมอ คุณพยาบาล หลายท่านออกมาให้ความรู้ ทำเว็บไซต์ ทำบล็อก ทำช่องยูทูป ให้ความรู้ จึงพอจะรักษาเองได้ หากไม่สะดวก ไม่มีเวลา เช่น อยู่ไกลโรงพยาบาล อายหมอ ไม่มีทรัพย์ ไม่มีเวลาไปโรงบาล ฯลฯ

 

 

แนวทางดูแลตัวเองแบบต่างๆ ในเบื้องต้น

1. เมื่อถ่ายแล้วมีอาการเจ็บแสบ ให้เปลี่ยนเมนูอาหารที่ย่อยได้ง่ายมากขึ้น หรือเน้นอาหารจืดๆ ไปจนกว่าจะหายเป็นปกติ
2. ถ้าอาการเจ็บแสบยังคงอยู่ต่อเนื่องหลายวัน ให้ตรวจดูด้วยตัวเอง ในรูทวารหนักมีการอักเสบ บวม มีอะไรผิดปกติหรือไม่ ลองกดๆ ดู เพื่อดูตำแหน่งที่ปวด และต้องรีบหาทางไปรับการตรวจและรักษาจากหมอแต่เนิ่นๆ
3. เมื่อเริ่มมีอาการรุนแรงมากขึ้น เช่น ปวดรอบทวารหนักตลอดเวลา ก็แสดงว่า การอักเสบเริ่มมากขึ้น แต่ยังรักษาได้ง่าย และอย่าให้มากไปกว่านี้ การกินยา และรักษาตัวเอง ก็มีพยาบาลบางท่านทำช่องยูทูปให้ความรู้ ทำตามก็หายได้ ถ้าอายหมอ

 


4. อาการเริ่มรุนแรงมากขึ้น เกิดเป็นฝี มีเม็ด มีลูกที่ก้น อาจจะเป็นแก้มก้นฝั่งซ้าย หรือ ขวา แสดงว่าการอักเสบภายในเริ่มหนัก มีหนอง ควรจะต้องหาหมออย่างเร่งด่วน อาจจะต้องผ่าฝี และนอนโรงพยาบาล

 

การดูแล รักษาตัวเอง เมื่ออาการรุนแรงถึงขีดสุด

การดูแลตัวเอง เมื่อมีอาการรุนแรงที่สุด เริ่มตั้งแต่ เป็นแผลในรูปทวารหนัก ถ่ายแล้วเจ็บแสบ แต่ก็ปล่อยให้เรื้อรัง เริ่มอักเสบ กลายเป็นหนอง และฝีรอบปากรูทวารหนัก จนกระทั่งฝีแตก ครบการวนลูปของโรค อาจจะใช้การดูแลตัวเองตามนี้ แต่ไม่แนะนำให้ทำตาม ให้ไปหาหมอ เพื่อรักษาให้ถูกต้อง

แต่ผู้เขียน อายหมอ จึงไม่ไปผ่าฝี เพื่อระบายหนองออกให้หมด ก็ดูแลตัวเอง ด้วยการศึกษาหาข้อมูลจากช่องของหมอ หรือ พยาบาลที่มีความรู้และประสบการณ์ กินยา ดูแลตัวเอง ด้วยวิธีนี้ เริ่มดีขึ้น แต่ต้องใช้เวลานานนนน
1. กินอาหารจืดๆ เหมือนอาหารคนป่วยในโรงพยาบาล เน้นทำอาหารกินเอง
2. ลดเครื่องดื่มมึนเมา ของหมักดอง อาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น หมู เป็ด เนื้อแดง
3. กินไข่ขาวให้มาก เพื่อไปรักษาซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย จากการอักเสบเป็นหนอง ฝี กรณีของผู้เขียนเป็นลูกใหญ่มาก ประมาณหัวแม่เท้า
4. กินยาตามที่หมอแนะนำ จะมียา Amoxicillin เป็นยาปฏิชีวนะรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะมีอยู่ในลำไส้ ทวารหนักของคนเรา ต้องกินไปจนหมด แม้จะหายแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันเชื้อดื้อยา และยาแก้ปวด Ibuprofen
5. พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง จะฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น

 

สรุป

เรื่องราวในบทความนี้ ก็เป็นประสบการณ์ตรงของตัวเอง มีอาการเจ็บแสบหลังขับถ่าย ก่อนหน้านี้หลายเดือน แต่ก็ไม่สนใจ และดื่มของมึนเมา เครื่องดื่มหมักดอง ขม มีฟอง ค่อนข้างหนัก แทบทุกวัน ผลก็คือ จากแค่เจ็บแสบ ก็เริ่มกลายเป็นเป็นแผลอีกเสบ เรื้อรัง กลายเป็นฝีใกล้ปากทวารหนัก จนกระทั่งฝีแตก เป็นหนอง หยดติ๋งๆ จึงเริ่มสนใจ ดูแลรักษาตัวเอง ก็โชคดีที่อาการไม่หนัก และตอนนี้อาการก็ดีขึ้น คาดว่าอีกสักครึ่งเดือนน่าจะหายเป็นปกติ ไม่อยากรักษาให้หายเร็วๆ อยากจะจดจำช่วงเวลาแบบนี้ เจอแบบนี้ ก็ดี จะใส่ใจดูแลตัวเองให้มากขึ้น

 

แต่สำหรับผู้อ่าน ไม่ต้องมาเลียนแบบนะ อีกอย่าง ผู้เขียนแค่ต้องการหาคอนเทนต์มาทำบทความเท่านั้น การปล่อยให้ตัวเองเจ็บป่วยแบบนี้ ก็ดี นอกจากได้คอนเทนต์มาเขียนแล้ว ก็ทำให้รู้สึกรักตัวเองมากขึ้น ได้เห็นจุดอ่อนของตัวเองมากขึ้น แม้จะไม่มีปัญหาเรื่องการทำงาน เรื่องรายได้ แต่ว่าอวัยวะบริเวณนี้ สำคัญเพียงใด และจะไม่ยอมให้เกิดการเจ็บป่วยแบบนี้ขึ้นอีกอย่างแน่นอน ต้องรีบดูแลตัวเอง เพราะกระทบต่อการใช้ชีวิต การทำงาน นั่งไม่ได้ ก็ทำงานไม่ได้ เดิน ยืน ยิ้ม กิน ถ่าย ทุกท่า ก็เจ็บปวดได้ตลอดเวลา ทรมานจริงๆ