ปัญหาจอทัชสกรีนของมือถือหรือแท็บเล็ตแตก เป็นเรื่องที่มีโอกาสเกิดขึ้น อาจจะหลุดมือ หล่นจากโต๊ะ เมื่อจอแตกจะมีค่าซ่อมตาม มาแพงมาก จนบางทีซ่อมไม่ลง ซื้อใหม่ดีกว่า แต่ทั้งนี้ก็มีแนวทางแก้ปัญหาในเบื้องต้น ที่อาจจะช่วยประหยัดเงินหลักพันบาทได้

 

 

สำหรับเครื่องที่ผู้เขียนใช้งานอยู่ เป็นของ Asus fonepad ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2014 ตอนนี้ ก็ 2018 เข้าไปแล้ว ที่แตกเพราะซนไป แกะเครื่อง แบบไม่ศึกษาหาความรู้ก่อน ซึ่งมีค่าซ่อมตามมาแพงมาก ร้านตามห้างคิดค่าซ่อม 2,200 คนกันเองรู้จักกัน เป็นช่างซ่อม ใกล้บ้าน คิดราคา 900 แต่ราคาอะไหล่จริงๆ ประมาณ 300 กว่าบาท เท่านั้นเอง สรุปว่า แพงมาก แพงเพราะการคิดค่าความรู้ของ ช่างนั่นเอง

 

หากเจอแบบนี้ ร้านซ่อมคิดแพงมาก ก็ต้องหาวิธีแก้ไขแบบต่างๆ เช่น

ศึกษาวิธีซ่อมและราคาค่าซ่อม

เมื่อจอแตกสิ่งที่จะต้องทำทันทีก็คือ ศึกษาค่าซ่อม วิธีซ่อม ซึ่งมีวิดีโอ Youtube สอนมากมาย ศึกษาให้รู้ขั้นตอนก่อน เพื่อป้องกัน ช่างฟันหัวแบะ อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่า ต้องทำอะไรบ้าง ซ่อมอย่างไรบ้าง

 

จอทัชสกรีนแตก แต่ยังใช้งานได้ ต้องรีบหาตัวช่วยทันที อย่ารอช้า เช่น ซื้อสาย OTG ซึ่งจะสามารถต่อเมาส์ คีย์บอร์ดได้ แปลงมือถือ เป็นคอมพิวเตอร์ได้เลย หรือซื้อคีย์บอร์ดบลูทูธเพื่อใช้สั่งงานคีย์บอร์ด แทนการทัชจากหน้าจอ เป็นต้น

การใช้สาย OTG เพื่อต่อเมาส์ คีย์บอร์ดกับมือถือ

หากมือถือหรือแท็บเล็ตที่ใช้งานอยู่นั้นรองรับสาย OTG ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีเพียงบางรุ่นเท่านั้นที่รองรับการใช้งาน ก็จะสามารถต่อเมาส์ หรือคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์เพื่อใช้สั่งงาน เข้าแอป ใช้งานแอปต่างๆ ได้

 

การใช้คีย์บอร์ดบลูทูธกับมือถือหรือแท็บเล็ต

กรณีที่จอทัชสกรีนแตก และยังใช้งานได้ แต่เครื่องรุ่นนั้นไม่รองรับสาย OTG อีกทั้งค่าซ่อมก็แพงมาก ไม่คุ้มซ่อม ยังมีอีกทางเลือก ด้วยการใช้บลูทูธคีย์บอร์ด ซึ่งจะสามารถใช้งานแอปต่างๆ ได้ พิมพ์ข้อความได้ การใช้คีย์บอร์ดแบบนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หาก ค่าซ่อมแพงมาก เพราะซื้อมาแล้วก็ยังใช้กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกหลายอย่าง ที่มีบลูทูธ

 

การเปลี่ยนตูดชาร์จเพื่อให้รองรับ OTG

กรณีค่าซ่อมจอแพงมาก ไม่คุ้มซ่อม ก็ยังพอมีอีกวิธีด้วยการเปลี่ยนตูดชาร์จให้รองรับ OTG แต่ก็ต้องดูว่ามือถือหรือแท็บเล็ตรุ่นนั้น รองรับหรือไม่ หากรองรับก็จัดการเปลี่ยนซึ่งราคาก็ไม่แพงมาก คราวนี้ก็จะสามารถต่อเมาส์หรือคีย์บอร์ดได้

ปกป้องหน้าจอมือถือหรือแท็บเล็ตด้วยเคสดีๆ

หลังจากซ่อมเสร็จแล้วหรือท่านใดที่เครื่องยังทำงานปกติ ไม่มีปัญหาอะไร ก็ควรซื้อหาเคสดีๆ ที่มีฝาปิดมาไว้งาน เพื่อปกป้องมือถือ หรือแท็บเล็ตจากการร่วงหล่น เคสราคาไม่แพง แต่มีประโยชน์มาก ทำมือถือตกหล่นจะช่วยป้องกันได้ ถ้าไม่โชคร้ายจริงๆ

 

กรณีจอทัชสกรีนแตก จะมี 2 แบบ คือจอนอกและจอใน หากแตกทั้งจอนอกและจอใน ค่าซ่อมจะแพงกว่า ทั้งนี้ควรหาข้อมูลสินค้า เองก่อน เพราะใน lazada มีครบทุกอย่าง และราคาถูกกว่าด้วย ผู้เขียนไปสอบถามตามห้าง ซึ่งคิดแพงมาก 2,200 บาท ทั้งๆ ที่ต้นทุน อะไหล่ไม่ถึง 300 บาท ค่าความรู้โหดมากจริงๆ ในขณะที่เครื่องมือสองซื้อขายกันไม่ถึง 2000 บาท </p