ช่วงนี้มีข่าวใหญ่โตเรื่องบัตรประจำตัวประชาชนหาย มีมิจฉาชีพนำไปใช้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเชื่อว่าสามารถเป็นไปได้ คนอื่น สามารถสวมรอยนำไปเปิดบัญชีธนาคารได้ ลงทะเบียนมือถือได้ และน่าจะยังมีอีกหลายกรณีที่สามารถทำได้เช่นกัน นี่คือประเทศไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นต้องหาวิธีป้องกันตัวเองด้วยการดูแลรักษาบัตรประชาชให้ดี

 

เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว อย่างการนำบัตรประชาชนไปเกิดบัญชีธนาคาร การลงทะเบียนมือถือ ไม่อยากจะเชื่อว่า ธนาคารยินยอม ให้เปิดบัญชีทั้งๆ ที่หน้าตาก็ไม่เหมือนกับในบัตร ปิดหน้าปิดตาแบบนี้ ไปเปิดบัญชีธนาคารก็ให้ผ่านถึง 7 แห่งด้วยกัน ระบบการตรวจ สอบเกิดอะไรขึ้น ทำไมหละหลวมได้ขนาดนี้ แถมยังสามารถเปิดเบอร์โทรศัพท์มือถือได้อีกต่างหาก (แสดงว่าอาจจะมีการเปลี่ยนรูปบน บัตรประจำตัวประชาชน ปลอมบัตรประชาชนได้อย่างแนบเนียนมาก) หากมีการหลอกลวงให้โอนเงินเข้าบัญชีนั้นๆ ก็มีโอกาสถูก ดำเนินคดีได้ทันที แม้จะเป็นผู้บริสุทธิ์ในก็ต้องถูกสอบสวน ต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์หากไม่มีหลักฐาน โอกาสเป็นแพะ ก็ง่ายเหลือเกิน แต่กว่าจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ตัวเองได้นั้น ไม่ง่ายนัก

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน แต่ละหน่วยงานก็มีระเบียบขั้นตอนที่ไม่ง่ายนัก อย่างธนาคาร เอง ก็สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้วว่า ใครถอนเงิน ใครมาเปิดบัญชี แต่ไม่ง่ายที่จะไปขอความช่วยเหลือ เพราะแต่ละแห่งมีหรือจะยอม ให้ความช่วยเหลือง่ายๆ เพราะกฏเกณฑ์ต่างๆ ค่อนข้างมาก ในส่วนเจ้าหน้าที่สอบสวนก็เช่นกัน ก็จำเป็นต้องยึดตามบทกฏหมายไปก่อน จะถูกหรือผิด หากหลักฐานไม่แน่นพอ บางทีก็จับขังไว้ก่อน หากไม่มีคนคอยช่วยเหลือนอกคุก ก็กลายเป็นแพะได้ไม่ยากเลย เพราะไม่มี ทางออกไปหาหลักฐานมาแก้ต่างได้

 

เมื่อมีการเปิดบัญชีการไปปิดบัญชีธนาคารนั้น เจ้าตัวต้องไปปิดเองนะ ไม่ใช่มิจฉาชีพ กลายเป็นปัญหาตามมาอีก เสียเวลา เสียค่ารถ เสียงานเสียการ จะเห็นว่ายุ่งยากไม่น้อยเลย แต่ยังมีอีก ต้องไปปิดเบอร์โทรศัพท์มือถือด้วยเช่นกัน

การปิดเบอร์โทรศัพท์มือถือนั้น ยุ่งยากกว่าการปิดบัญชีธนาคาร โดยเฉพาะหากเปิดบริการแบบรายเดือน การไปปิดบัญชีนั้น จะ ต้องเตรียมเงินไปเสียค่าโทรศัพท์เพิ่มเติมด้วย และบางบริษัทอย่าง dtac จะมีความยุ่งยากกว่ารายอื่น เพราะจะต้องเดินทางไปยังสำนัก งานใหญ่ที่ประจำอยู่แต่ละจุดเท่านั้น อย่างอยู่ปราจีนบุรีต้องไปปิดเบอร์ที่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต ค่ารถ ค่าโทรศัพท์ที่ค้างชำระ และอื่นๆ รวมแล้ว หลักพันบาท ยุ่งยากมาก ส่วนรายอื่นจะดีกว่า เพราะส่วนใหญ่ในตัวอำเภอหรือตำบลที่อยู่นั้นจะสามารถปิดเบอร์ได้ ไม่ต้อง เดินทางไปสำนักงานใหญ่

เมื่อบัตรประชาชนกลายเป็นดาบสองคมอย่างนี้ ก็ต้องหาทางป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด เช่น
1. ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนติดตัวไว้ พร้อมเขียนข้อความลงบนภาพสำเนาและเซ็นข้อความกำกับไว้บนภาพบัตร อย่าไปเขียนที่วางๆ รอบบัตร ถ้าทำสำเนาหาย ก็เป็นเรื่องได้เช่นกัน เช่น ข้อความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเท่านั้น ห้ามนำไปใช้อย่างอื่น พกพาไว้ ติดกระเป๋าแทนบัตรประจำตัวประชาชาน แม้อาจจะโอนปรับกรณีไม่พกบัตร ก็เสียไม่เกิน 200 บาท แต่ก็ยังดีกว่า หากทำบัตร ประชาชนหาย หรือโดนล้างกระเป๋าแน่นอน ค่าปรับถูกกว่าแน่นอน มีปัญหากับตำรวจแค่ฝ่ายเดียว แก้ปัญหาไม่ยาก แค่นำบัตรตัวจริง มายืนยันเท่านั้นเอง แต่ถ้าบัตรหายแล้วมีคนนำไปใช้งานเหมือนที่เป็นข่าว จะเป็นเรื่องใหญ่กว่ามาก ส่วนบัตรตัวจริง หาตู้เซฟมาเก็บไว้ ครับ ฮ่าๆๆ

 

2. การให้สำเนาบัตรประชาชนเพื่อการทำธุรกรรมใดๆ ก็ตาม ต้องขีดคร่อมและเขียนข้อความวัตถุประสงค์ลงบนภาพตัวบัตร ระบุ ให้ชัดเจนว่าใช้เพื่ออะไร อย่าเขียนในที่ว่างรอบๆ บัตรที่ถ่ายสำเนาไว้ เพราะจะสามารถนำไปใช้งานได้อีกเช่นกัน

 

3. ใช้มือถือถ่ายรูปบัตรประชาชนไว้ พร้อมพิมพ์ข้อความกำกับว่า ไว้สำหรับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเท่านั้น ซ่อนหมายเลขประจำตัว บางส่วนไว้ด้วย แล้วก็อัพโหลดเก็บไว้ในพื้นที่เก็บไฟล์ส่วนตัวในเน็ต เช่น ใน Google Drive หรืออีเมล์ กรณีเจ้าหน้าที่ต้องการตรวจสอบ สามารถเปิดให้ดูได้ จะเก็บเป็นวิดีโอก็ตามใจ แล้วก็จับภาพข่าวของ นิชา ไว้ด้วยนะครับ ไว้เป็นหลักฐานว่า เรื่องแบบนี้มันได้เกิดขึ้นมา แล้วในประเทศไทย เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ จนต้องป้องกันตัวเองแบบนี้ นอกจากนี้หากทำบัตรหาย ก็สามารถใช้ภาพถ่าย วิดีโอ เป็นหลักฐานได้ ไม่ต้องยุ่งยากหาคนไปยืนยัน ไปติดต่อผู้ใหญ่บ้าน

4. พกบัตรประเภทอื่นที่ออกโดยหน่วยงานราชการแทนบัตรประชาชน ส่วนบัตรประชาชนก็เก็บไว้ในตู้เซฟก็แล้วกัน เช่น ใบอนุญาต ขับขี่ หากไม่มีความจำเป็นต้องใช้ อย่าเลี่ยงพกพาจะดีกว่า หายแล้วไม่คุ้มจริงๆ รอให้ทางราชการมีระบบการจัดการที่ปลอดภัยกว่านี้ บัตรหายไปแจ้งทำบัตรใหม่ แต่ไม่ยอมยกเลิกบัตรเก่า แบบนี้ก็ไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน เพราะคนอื่นสามารถนำไปเปิดบัญชีได้ เปิด เบอร์มือถือได้ด้วย นี่ดีนะว่ายังไม่นำไปทำอย่างอื่น เพราะมีออีกหลายช่องทาง

การแก้ปัญหากรณีบัตรประชาชนหาย

กรณีบัตรประชาชนหาย ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เสียแล้ว
1. แจ้งความลงบันทึกประจำวันด่วนที่สุด
2. ดำเนินการทำบัตรใหม่ให้เร็วที่สุด แต่ทำบัตรแล้ว อย่าวางใจว่า บัตรเก่าจะถูกยกเลิก อย่าเพิ่งวางใจ ระบบราชการไทย ไม่เหมือนบัตร ATM ที่สามารถอายัดบัตรได้ทันที อีกทั้งมิจฉาชีพก็ยังสามารถปลอมบัตรเราได้ มีแค่สลิป ATM ยังทำบัตรปลอมได้เลย


3. แจ้งเพื่อนๆ ทางโซเชียล โพสต์รูปบัตรใหม่ และใบบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เผื่อมีคนแอบอ้างชื่อเราเพื่อยืมเงินหรือเผื่อหากมี การนำบัตรไปใช้ และมีการค้นหาข้อมูล ก็จะรู้ว่า ใครเป็นเจ้าของบัตรตัวจริง อาจส่งข้อมูลให้ทางธนาคารทางอีเมล์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ของธนาคาร และบริษัทมือถือ บางทีอาจต้องแจ้งให้หมดทุกที่ ป้องกันตัวเองไว้ก่อน เดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมีหลายรูปแบบ เสียเวลาหน่อย แต่ก็ เพื่อความปลอดภัย แจ้งไปขนาดนี้แล้ว หากยังเปิดบัญชีได้อีก ก็เตรียมฟ้องให้เต็มที่

 

หมั่นตรวจสอบข้อมูลตัวเองว่ามีใครแอบอ้างนำไปใช้หรือไม่

หมั่นตรวจสอบ โดยพิมพ์ชื่อตัวเอง ในช่องค้นหาของ Google เช่น โอนเงินเข้าบัญชี + ชื่อตัวเอง หรือพิมพ์หมายเลขบัตรประจำตัว ของตัวเอง หมายเลขบัญชีธนาคาร เพื่อดูว่า มีใครนำไปใช้หรือไม่ เพราะบางทีบัตรประชาชนไม่ต้องหายไปไหน ก็มีคนแอบอ้างให้โอน เงินหรือนำข้อมูลของเราไปใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน หากตรวจพบก็ต้องรีบดำเนินการหาทางป้องกันทันที เช่น แจ้งความลงบันทึกประจำ วันไว้

 

ตรวจสอบข้อมูลเจ้าของบัญขีก่อนโอนเงิน

ส่วนคนที่โดนมิจฉาชีพโทรศัพท์มาล่อลวงด้วยวิธีการต่างๆ ก็ต้องตรวจสอบให้ดีเสียก่อน หยิบมือถือขึ้นมา แล้วพิมพ์ชื่อนามสกุล ของผู้รับเงิน พิมพ์ชื่อบัญชีธนาคารเพื่อค้นหาข้อมูล ว่าเป็นใคร ชื่ออะไร หาข้อมูลก่อน หรือไม่ก็ไปแจ้งความ ขอความช่วยเหลือจากเจ้า หน้าที่ตำรวจ อย่าหลงเชื่อไปโอนเงิน นอกจากค้นหาจากชื่อแล้วให้ค้นหานามสกุลของผู้รับ เพื่อจะได้ไล่ตามหาญาติหรือคนรู้จักว่ามีตัว ตนหน้าตาอย่างไร เพื่อจะได้สอบถามกับทางญาติว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ เพื่อป้องกันตัวเองไว้ก่อน ไม่ใช่ใครให้โอนก็โอนทันที

การนำบัตรประชาชนไปใช้งานในทางผิดกฏหมายยังมีอีกหลายวิธี ในบางกรณีไม่มีบัตรประชาชนก็ยังเปิดบัญชีได้เลย ใช้แค่สลิป ATM เท่านั้ นนี่คือประเทศไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยการปลอมบัตรประชาชน แล้วขอแก้ไขข้อมูลบัญชีธนาคารเจ้าของบัญชี คราวนี้ก็ สามารถถอนเงินได้สบาย เรื่องนี้ก็เป็นข่าวใหญ่พอสมควร เพราะเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย

กรณีติดต่อกับผู้รับเงินทางแอป Line ก็ขอให้ส่งตำแหน่งที่อยู่มาให้ดูก่อน ว่าใช่ตัวจริงหรือไม่ จะได้ตรวจสอบในเบื้องต้นว่าเป็นตัว จริงหรือมิจฉาชีพ

ในเรื่องของการนำบัตรประชาชนไปเป็นหลักฐานการจดทะเบียนใช้งานซิมมือถือ ก็เช่นกัน บางคน บัตรประชาชนไม่หาย แต่มีคน แอบทำบัตรประชาชนปลอมนำไปเปิดใช้งานได้ แถมยังเปิดหมายเลขเดียวกันเสียด้วย นี่คือประเทศไทย กลายเป็นว่า เบอร์เดียว มีสอง คนใช้ จากนั้นก็ใช้เบอร์ดังกล่าวโทรหาคนใกล้ตัว เพื่อ... หาผลประโยชน์ เรื่องนี้ไม่สามารถทำได้ ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐ สถาบันการเงินหรือ บริษัทมือถือไม่หละหลวม มีความรอบคอบ หรือผิดพลาด ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ดังนั้นการหาทางป้องกันตัวเองในเบื้องต้นไว้ก่อนจะดี กว่า