Sponsored Ads

บทความแนะนำวิธีแก้ปัญหาการเงิน กรณีหมุนเงินไม่ทัน มีปัญหาการเงิน เงินขาดสภาพคล่อง สำหรับคนทำอาชีพอิสระ ทำงานส่วนตัว เพื่อให้สามารถเอาตัวรอดผ่านไปได้ ซึ่งปัญหาการเงินที่จะเกิดขึ้นนั้นก็มีหลายแบบ แต่ละปัญหา หากไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ก็ค่อนข้างยากในการแก้ปัญหา หรือนึกไม่ออก คาดไม่ถึง หรือ รู้เท่าไม่ถึงการณ์

 

 

การทำงานอิสระ ทำงานส่วนตัว ต้องยืนบนลำแข้งตัวเอง จึงมีโอกาสเกิดความผิดพลาดในเรื่องการใช้จ่าย เงินไม่พอใช้ มีปัญหาการเงินได้หลายรูปแบบ ในบทความนี้จะ พยายามยกตัวอย่างหลายๆ แบบ จากประสบการณ์ตรงและการศึกษาของผู้เขียนเอง

 

ตัวอย่างการแก้ปัญหาเรื่องเงิน หมุนเงินไม่ทัน สำหรับคนทำอาชีพอิสระ

แนวทางต่อไปนี้ ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ตามแต่สถานการณ์ที่ผู้อ่านกำลังประสบอยู่ในขณะนั้น ตัวอย่างเช่น

 

จำนำรถยนต์ หรือ รถจักรยานยนต์

หากมีรถยนต์ ก็สามารถนำไปจำนำก่อนได้ เพียงแต่ต้องเลือกผู้ให้บริการที่ดี อย่าง Auto Corner ที่ผู้เขียนเคยใช้บริการบ่อยๆ ค่อนข้างสะดวก แต่รถยนต์ต้องไม่ติดไฟแนนซ์ เป็นของเราเองแล้ว ขับรถไปจอด แล้วรับเช็ค นำเช็คไปขึ้นเงิน โดยค่าบริการอยู่ที่ หนึ่งแสนละ 1,000 บาท มีค่าจอดอีก 2,000 บาท เป็นเงิน 3000 บาทต่อเดือน ก็ถือว่าน้อยกว่า การกู้เงินนอกระบบ บางคนกู้เงิน 10,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยวันละ 200 บาท โหดมาก มาเก็บทุกวัน

 

บางคนซื้อรถยนต์ที่ราคาไม่ตก เอาไว้จำนำโดยเฉพาะ ไว้ขับบ้าง แต่กรณีเป็น รถที่ยังติดไฟแนนซ์ยังผ่อนไม่หมด ก็สามารถจำนำได้ แต่ไม่แนะนำ และสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการนำรถไปจำนำ ก็คือ ต้องมีปัญหาการเงินระยะสั้นเท่านั้น 1 - 2 เดือน ถ้า เกินกว่านั้น จงขายรถทิ้งไปเสีย เอาไม่อยู่แล้ว อย่าดันทุรัง

 

จำนองที่ดิน ขายที่ดิน

การซื้อที่ดินเก็บไว้ ก็สามารถนำไปจำนองได้ แต่ได้ราคาโคตรจะถูก อย่างที่ดินราคา 100,000 บาท ธนาคารให้ประมาณ 25,000 - 30,000 บาท หรือไม่ให้เลย กรณีนำไปจำนองก็เช่นกัน ก็ไม่ได้ราคา และต้องยังระวังอีกหลายอย่าง บางคนนำไปจำนองกับอีกคน แต่คนที่รับจำนองก็เอาไปจำนองต่ออีกทอด แย่เลยแบบนี้ เพราะตนเอง ก็เอาไปจำนองในราคาไม่สูง ด้วยหวังว่า จะได้ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงมากนัก เช่น ที่ดิน 2,000,000 บาท จำนองแค่ 200,000 บาท แต่คนรับจำนองเอาไปจำนองต่อ 1,000,000 บาท นี่คือเรื่องจริงที่มักจะเกิดขึ้น และต้องระวังให้มาก เพราะหากเจอปัญหาแบบนี้ แก้ไขยากมาก แต่สุดท้ายแล้วเรื่องการจำนองที่ดิน ก็มักจะทำให้ต้องเสียที่ดินไปในราคาแสนถูกเสมอ หากจะต้องจำนองจริงๆ จงเรียกราคาให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนรับจำนอง เอาที่ดินไปจำนองต่ออีกทอด

 

การนำที่ดินไปแปลงเป็นเงินนั้น บางคนมีเจ้าหนี้ที่ไว้ใจได้ ก็ให้ทางเจ้าหนี้เก็บโฉนดที่ดินไว้กับตัวเลย เวลาจะใช้เงิน ก็ใช้บริการได้ทันที วิธีนี้ก็สะดวก ดีกว่ารถยนต์ เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายในการดูแล

 

ส่วนการขายที่ดินนั้น เป็นเรื่องที่ต้องทำใจ เพราะขายยากมาก ดังนั้น หากมีที่ดิน และมีปัญหาการเงิน จะต้องรีบจัดการตั้งแต่เนิ่นๆ ล่วงหน้าหลายเดือน เพราะที่ดินขาย ยากมาก เพราะบางทีก็มีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง บางคนมีนักการเมืองท้องถิ่นเล็งไว้แล้ว ว่าจะกดราคาซื้อถูกๆ ก็ป่าวประกาศไปทั่วว่าตัวเองจะซื้อ ทำให้คนอื่นไม่กล้าซื้อ เพราะกลัวอิทธิพล สุดท้ายก็ขายไม่ได้ แม้เวลาจะผ่านไป สิบกว่าปี ดังนั้นหากมีปัญหาการเงิน อย่าคาดหวังอะไรมากับการจำนองหรือขายที่ดิน การขายให้ญาติ จะมีโอกาส ง่ายกว่า แต่เรื่องราคาก็อาจจะต้องทำใจ สำหรับคนทำอาชีพอิสระ ทำงานส่วนตัว เมื่อได้ซื้อที่ดินแล้ว จงแบ่งเป็นหลายแปลงเอาไว้ อย่างน้อยก็สัก 2 แปลง เผื่อเอาไปจำนอง หรือขาย อย่าเอาแปลงใหญ่ไปทั้งหมด

 

สำหรับคนทำอาชีพอิสระ ทำงานส่วนตัว เมื่อได้ซื้อที่ดินแล้ว จงแบ่งเป็นหลายแปลงเอาไว้ อย่างน้อยก็สัก 2 แปลง เผื่อเอาไปจำนอง หรือขาย อย่าเอาแปลงใหญ่ไปทั้งหมด หรือแบ่งเป็นแปลงเล็กๆ ไว้สักแปลง เอาไว้เผื่อให้มีที่อยู่

จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน อยากจะแนะนำแบบนี้ การซื้อที่ดิน เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำเป็นลำดับแรก เมื่อธุรกิจเริ่มไปได้ดี อย่าไปซื้อรถป้ายแดง ซื้อที่ดิน ก่อน จะถูกหรือแพงเอาไว้ก่อน จากนั้นจึงหาวิธีทำให้ที่ดินมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เพื่อความง่ายในการขาย หรือแลกเปลี่ยนเป็นเงิน เช่น การทำการเกษตร มีต้นไม้ที่ผลิตดอกออก ผลขายได้

ส่วนการปลูกบ้านในที่ดิน บ้านก็ต้องเป็นบ้านมาตรฐานที่สามารถเอาเข้าธนาคารได้ หรือขายได้ ไม่หลังใหญ่จนเกินไป ไม่ต้องเผื่อลูกหลานมากนัก เพราะในอนาคต อาจจะเหลือคนอยู่ไม่กี่คน ลูกหลานโตแล้วก็แยกตัว ไม่ได้มาอยู่ด้วยกัน หากจะต้องขายจะขายได้ง่ายกว่าที่ดินรกร้าง เพราะคนซื้อสามารถใช้ ประโยชน์ได้ทันที และสิ่งสำคัญมากอย่างหนึ่ง อย่าให้คนในครอบครัวมาวุ่นวายมากเกินไปนัก
การจัดสรรค์แบบที่ดิน ไว้เผื่อขายในอนาคตด้วยจะเป็นเรื่องดี หากต้องเดือดร้อน โดยอาจจะปลูกบ้านไว้ในตำแหน่งที่ดินที่ได้แบ่งไว้ หากทำได้ตามนี้ การขายทั้งที่ดินและบ้านจะมีโอกาสทำได้ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะการที่จะสามารถขายที่ดินได้นั้น ยังมี ตัวแปรอีกมาก ราวกับว่า ที่ดินจะเป็นเลือกเจ้าของ หากไม่ใช่ หรือยังไม่ถึงเวลา อย่างไรก็ขายไม่ได้

 

ในความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแล้ว ที่ดินไม่ควรซื้อไว้ขายต่อ แต่ควรซื้อไว้เพื่อจุดประสงค์ช่วยลดรายจ่ายในอนาคต เพราะหากสามารถทำธุรกิจบนที่ดินของตัวเองได้ ก็จะประหยัดค่าเช่า ค่าอาหาร ด้วยการปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์ในที่ดิน ส่วนเรื่องการขายต่อนั้น ถือเป็นผลพลอยได้ในอนาคต แต่อย่าไปคาดหวังมาก เพราะการขายที่ดิน ต้องใช้เวลา

 

ขายทรัพย์สิน ของที่ไม่ใช้

ทรัยพ์สินใดๆ ในบ้านที่ไม่ใช้ ก็ทยอยนำออกมาขาย แต่ควรจัดการทีเดียวให้หมด หลายๆ ชิ้น เพื่อให้ได้เงินเป็นก้อน ดีกว่าทยอยขายทีละชิ้น หากได้เงินก้อน อาจจะมีช่องทางนำเงินไปลงทุนเพิ่มเติมได้ แต่ขณะเดียวกัน ก็จะทำให้หมดเร็วได้เช่นกัน หากเป็นคนไม่มีระเบียบวินัยในชีวิต

 

ปิดไฟแนนซ์รถ ปิดไฟแนนซ์บ้าน

สำหรับคนทำอาชีพส่วนตัว เมื่อมีปัญหาการเงินเกิดขึ้น และมีหนี้รถยนต์ หรือบ้านที่ต้องผ่อน ต้องรีบวิเคราะห์สถานการณ์ให้ดี ว่าสามารถเอาตัวรอดได้หรือไม่ หากคิด ว่าไม่รอด ไม่มีช่องทางใดๆ สามารถแก้ไขปัญหาการเงินได้ ก็จงรีบตัดใจขายรถ ปิดไฟแนนซ์รถยนต์ หรือ บ้าน ซึ่งอาจจะหานายทุนมาช่วยปิดไฟแนนซ์ แล้วก็จ่ายค่าบริการ กันไป หรือยืมเงินเพื่อนฝูงมาก่อน การปิดหนี้ก้อนใหญ่จะช่วยให้การแก้ปัญหาการเงินทำได้ง่ายมากขึ้น ไม่ไหวก็ต้องยอมรับว่า ผิดพลาดไปแล้ว อย่าดันทุรัง จะยิ่งเจ็บตัว เพราะการผ่อนรถยนต์ ผ่อนบ้านเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่มีภาระผูกพันหลายปี

 

ขายรถยนต์ จักรยานยนต์ที่ติดไฟแนนซ์

หากสภาพการเงินมีปัญหาค่อนข้างหนัก กำลังจะมีปัญหาการเงินเกิดขึ้น และยากจะแก้ไขให้ผ่านไปได้ด้วยดี หากมีหนี้ต้องผ่อน มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่แม้จะยังติด ไฟแนนซ์ก็ต้องรีบตัดสินใจ ถ้าไม่ไหว ก็ต้องรีบขาย แต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะรถยนต์ เพราะยิ่งเก็บไว้ราคายิ่งตกมาก ผ่านไปแต่ละเดือน ราคาตกลงหลักหมื่นบาท โดยเฉพาะรถ ยนต์เครื่องใหญ่ อย่างพวก Honda CRV, Accord หรือ Toyota Camry รถเหล่านี้ราคาตกมาก

 

รถเหล่านี้ราคาตกมาก ในยามที่เจ้าของรถมีเงิน มีหน้ามีตา การงานดี รถจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ดูดี สร้างความภาคภูมิใจ แต่เมื่อใดที่มีปัญหาการเงิน จำเป็นจะ ต้องขาย รถเหล่านี้ จะสร้างความทุกข์ใจอย่างที่สุด เช่นกัน อย่าง Toyota Camry บางคนขายหน้าเต็นท์รถ 700,000 บาท แต่ราคาที่เต็นท์รับซื้อประมาณ 400,000 บาท เท่านั้น ราคาตกมาก ความต้องการก็น้อย ขายต่อไม่ง่าย เพราะคนมีเงินจริงๆ ก็จะหารถใหม่ไปเลย ส่วนคนไม่มีเงิน อาจจะมีปัญญาซื้อแต่ไม่มีปัญญาใช้ เพราะรายจ่ายสูง จึงไม่ใช่รถที่ขายง่าย เหมือนรถเล็กๆ ประหยัดน้ำมัน อย่างพวก Vios, City, Almera หากมีปัญหาการเงินและใช้รถที่ตลาดไม่นิยม ตัดใจขายได้ ก็จงทำไปเถิด

 

ส่วนรถจักรยานยนต์นั้น หากมีความจำเป็นต้องใช้ก็จะมีรถมือสองราคาหมื่นกว่าบาทให้เลือกมากมาย ผู้เขียนซื้อรถมาแค่ 9,000 บาท ก็ใช้งานได้ดี ในขณะที่เพื่อนผ่อนแบบฟรีดาวน์เดือนละ 2500 x 48 งวด รวม 120,000 บาท แพงมาก ก่อนสร้างหนี้ในลักษณะนี้จงคิดให้รอบคอบ

 

ยืมเงินคนอื่น

การหยิบยืมเงินคนอื่น หากมีเพื่อนฝูง หรือคนในครอบครัวที่สามารถช่วยเหลือกันได้ ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่การยืมเงินนั้น ก็อย่าให้เสียเปล่า เช่น เมื่อพิจารณาดูแล้ว ตนเองน่าจะไม่สามารถผ่านวิกฤติการเงินไปได้ง่ายๆ การยืมเงินมาเพื่อจัดการกับรายจ่ายจึงควรพิจารณาให้รอบด้าน หากมีภาระต้องผ่อน อย่างการผ่อนรถ การยืมเงินควรยืม มาเพื่อปิดไฟแนนซ์ แล้วขายรถทิ้งทันที แต่หากเป็นการนำเงินไปลงทุนเพิ่ม ก็ต้องวิเคราะห์ให้รอบด้าน จงพยายามรักษาเครดิตของตนเองไว้ให้ดี ยืมแล้วต้องรีบคืน เพราะคงจะไม่มีใครสามารถให้ยืมเงินได้บ่อยครั้ง

 

นอกจากนี้ก็อย่าไปคาดหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือ หรือต้องวิเคราะห์คนรอบตัว ให้ดี เช่น หากแต่ละคน แม้จะเป็นคนในครอบครัวก็ตาม เริ่มอายุมากขึ้น แต่ละคน เริ่มแยกตัวมีครอบครัวของตนเองแล้ว การให้ความช่วยเหลืออาจจะไม่ง่าย แม้จะเป็นพี่น้องที่เคยรักกันมากก็ตาม เมื่อต่างคนต่างมีครอบครัวก็เหมือนคนอื่นไปแล้ว เรื่องนี้ ต้องรู้ให้ทัน จะได้ไม่ตั้งความหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ก็จะไม่ประมาท ไม่ผิดพลาดในการใช้เงิน และหากพบว่าตัวเองเริ่มมีปัญหาการเงิน ก็ควร ปรึกษาคนรอบตัว แต่เนิ่นๆ เพื่อดูว่า จะมีใครสามารถช่วยเหลือได้บ้าง จะได้เตรียมรับมือ อย่ารอจนกระทั่งถึงกำหนดต้องจ่ายหนี้ แล้วค่อยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจาก คนรอบข้าง เพราะหากไม่มีใครช่วย ก็จะมีเวลาคิดอ่านหาวิธีแก้ไขต่อไป

 

ขอเครดิตคู่ค้า

กรณีเป็นงานที่ต้องมีการจ้างผลิต อาจจะขอเครดิตคู่ค้า หรือผู้ผลิต เลื่อนระยะเวลาออกไปก่อน หากโชคดีมีสินค้าดีๆ ที่สามารถทำตลาดได้ ก็จะมีโอกาสผ่านปัญหาการ เงินไปได้

 

ถอนเงินธนาคารจากหลายบัญชี

หนึ่งในวิธีถอนเงินจากธนาคาร ในยามที่แย่ๆ มากๆ ที่คนทำอาชีพอิสระ บางคนอาจจะเคยผ่าน ก็คือ แต่ละบัญชีธนาคาร มีเงินเหลือไม่ถึง 100 บาท จึงไม่สามารถถอน เงินออกมาได้ ก็จำเป็นจะต้องโอนเงินจากหลายบัญชีไปรวมกันในบัญชีใดๆ บัญชีหนึ่งให้ถึง 1 ร้อยบาท เพื่อให้สามารถกดถอนออกมาได้ ในยามยากนั้น เงิน 100 บาท ก็ยัง ชีพได้ทั้งอาทิตย์เลยทีเดียว

 

 

เก็บเงินข้างทาง

เชื่อไหมว่า ข้างทาง มักจะมีคนทำเงินหล่นไว้เสมอ ทั้งเหรียญทั้งแบงก์ เครียดมาก เงินหมด ก็ลองวิ่งออกกำลังกายข้างทาง แล้วก็พยายามสังเกตุว่ามีของมีค่าหล่นอยู่หรือ ไม่ หากโชคดี ก็อาจจะได้แบงก์ 500 แบงก์ 1,000 ก็เป็นได้ นี่เป็นวิธีแบบสิ้นคิดที่ผู้เขียนทำมาแล้ว มีคนทำเงินหล่นไว้จริงๆ

 

รีไฟแนนซ์รถยนต์

การรีไฟแนนซ์รถยนต์ เป็นอีกทางเลือกที่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องเป็นรถเล็กๆ ประหยัดน้ำมัน อย่างพวก City, Vios และ อีโค่คาร์ทั้งหลาย และต้องเป็น รุ่นที่คนนิยมใช้ หากเป็นรถใหญ่ เครื่องยนต์ใหญ่ พวก Honda Accord ก็อย่าไปรีไฟแนนซ์ ไม่คุ้ม ห้ามทำอย่างเด็ดขาด แต่ถ้าเลือกได้ ขายทิ้งแล้วหาซื้อรถมือสองมาไว้ใช้งาน หรือนำเงินไปจ่ายหนี้สินหรือไว้ใช้จ่ายที่จำเป็นจะดีที่สุด

 

รีไฟแนนซ์บ้าน

การรีไฟแนนซ์บ้าน เป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับคนมีบ้าน บางทีก็จะได้เงินก้อนใหญ่ มาไว้ใช้ลงทุน หรือช่วยแก้ปัญหาการเงินได้

 

ตัดใจ ปล่อยวาง กลับสู่สามัญ

ปัญหาการเงินเป็นเรื่องที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับเรา โดยเฉพาะคนทำอาชีพอิสระ หากวางแผนไม่ดี บริหารเงินไม่เป็น ปัญหาการเงินอาจจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง เป็นการสั่ง สอนเราไม่ให้ประมาท เมื่อเกิดปัญหาในลักษณะนี้ขึ้นมา ต้องรีบตั้งสติ และคิดวิเคราะห์ให้รอบด้าน และรีบตัดสินใจหาทางออก โดยเฉพาะหากมีหนี้สินระยะยาว ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ต้องรีบหาทางจัดการหนี้สินโดยเร็ว

 

หลายคนไม่กล้าตัดสินใจจัดการปัญหาอย่างเด็ดขาด อย่างมีรถยนต์ต้องผ่อนก็เสียดาย รู้สึกอายคนรอบข้าง ถ้าต้องขายรถ ยังจนไม่ลง ยังไม่ยอมรับความจริง ยิ่งยื้อ ราย จ่ายก็ยิ่งเพิ่ม ปัญหาก็ยิ่งยากจะแก้ไข ดังนั้น หากสามารถตัดใจปล่อยวางได้เร็วเท่าไรจะยิ่งเป็นผลดี แม้จะไม่เหลือสมบัติใดๆ แต่การไม่มีหนี้สิน ก็เป็นเรื่องที่ดี รายจ่ายก็จะ ลดน้อยลงอย่างมาก กลับไปสู่สามัญ เหมือนเมื่อครั้งที่ยังไม่มีอะไร คราวนี้ก็เริ่มใหม่ วางแผนใหม่ ย้อนกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเมื่อครั้งที่ไม่มีอะไร อย่างสมัยเรียน ก็อยู่ได้

 

ใครที่สามารถทำใจ ย้อนกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายได้ จะได้เปรียบ เพราะคราวนี้ ก็จะได้วิชาติดตัวมาไม่น้อย ความรู้ในการทำธุรกิจ ที่จะช่วยให้ฟื้นตัวได้ในเวลาไม่นาน ซึ่ง เรามักจะเห็นกันอยู่เสมอ คนรวยที่ล้มละลาย แต่ไม่นาน ก็ฟื้นตัวได้ เพราะเสียไปแต่ทรัพย์สิน แต่ความรู้ยิ่งเพิ่มพูด หากไม่มีหนี้ ไม่มีภาระ ให้ต้องปวดหัว ก็จะยิ่งมีสมาธิใน การทำงาน ไม่นานก็จะตั้งตัวได้อีกครั้ง แต่หากยังคงกอดหนี้เอาไว้ และเครียดกับมัน ก็จะไม่มีสมาธิในการทำงาน คิดอะไรไม่ออก มองไปรอบตัวก็มีแต่ความเครียด ก็ยาก จะหลุดพ้นจากปัญหาการเงิน

 

สรุป

หัวใจของการทำกิจการส่วนตัว ทำอาชีพอิสระ นั้นอยู่ที่การบริหารเงิน บริหารชีวิต ส่วนเรื่องรายได้ จะมากหรือน้อย บางทีก็ไม่สำคัญๆ แต่หากรู้วิธีบริหารเงินให้มีเงินใช้ ได้ตลอดชีวิต และมีความสุขกับชีวิตในแต่ละวัน โดยไม่มีปัญหาการเงิน ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งเรื่องนี้ทำได้ยากมาก แต่หากสามารถทำได้ ก็จะไม่มีปัญหาการเงิน มารบกวน หรือมีก็น้อยมาก และไม่หนักหนาสาหัสเกินไปนัก เมื่อคิดจะทำอาชีพอิสระจึงต้องระวังเรื่องการใช้เงินให้มากๆ เพราะยิ่งมีเงินมาก คนส่วนใหญ่จะยิ่งประมาท ขาดสติ คิดอ่านไม่รอบคอบ ใช้เงินไม่ระวัง และนำมาซึ่งปัญหาการเงินในอนาคต