บทความแนะนำแนวทางการสร้างเว็บไซต์ด้วย Joomla 3.3 เพื่อสร้างรายได้กับ Google Adsense จากการคลิกโฆษณาที่วางในเว็บไซต์ ซึ่งหลายคนสามารถทำเงินได้หลักแสนบาทต่อเดือนเลยทีเดียว..
สำหรับผู้ที่มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง หากมีผู้เข้าเยี่ยมชมจำนวนมาก เนื้อหาดีมีคุณภาพ ก็สามารถสมัครเป็นสมาชิก Google Adsense เพื่อนำป้ายโฆษณามาติดที่เว็บไซต์ ซึ่งจะเป็นการ สร้างรายได้เข้าเว็บ โดยไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ละเดือนอาจจะได้รับเช็คหรือโอนเงินเข้าบัญชีโดยตรง ตามแต่การตั้งค่าการรับเงิน
รูปแบบการทำงานของ Google Adsense
ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักการหาเงินกับ Google Adsense กันก่อน ซึ่งก็จะมีการทำงานดังนี้
1. เราต้องจัดทำเว็บไซต์ขึ้นมาก่อน โดยต้องทำเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ เนื้อหาบทความไม่ก็อปปี้ของใคร ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ แนะนำการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง englishforthai.com
2. หลังจากนั้นเราก็ไปสมัครเป็นสมาชิก Google Adsense เพื่อนำโค้ดป้ายโฆษณามาติดที่เว็บไซต์ของเรา จากตัวอย่างติดไว้ตำแหน่งด้านบน ด้านล่าง และทางขวามือ
3. เมื่อผู้เข้าคลิกที่ป้ายโฆษณาเหล่านั้น เราก็จะได้ค่าคอมมิสชั่นจากการคลิกป้ายโฆษณา แต่ห้ามคลิกเองนะ จะโดนแบน
4. เมื่อทำยอดเงินได้มากถึง 100$ ก็จะได้รับเช็คส่งมาถึงบ้านแบบนี้ หรืออาจจะโอนเงินเข้าบัญชีโดยตรง ขึ้นอยู่กับการตั้งค่ารับเงิน
การหารายได้จาก Google Adsense ก็ดูเหมือนจะง่ายๆ แบบนี้แหละ ซึ่งมันก็ง่ายจริงๆ แต่การจะหาเงินให้ได้เยอะๆ นั้นไม่ง่าย แต่หากเรามีเว็บไซต์คุณภาพ เนื้อหาดีๆ มีประโยชน์ มีผู้ เช้าชมติดตามอ่านจำนวนมาก การติดป้ายโฆษณาก็ช่วยสร้างรายได้อีกทาง ได้ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ดีกว่าอยู่เปล่าๆ เพราะหลายคนทำเว็บไซต์ ก็หวังจะเผยแพร่ความรู้ แต่หากมี รายรับเข้ามาบ้าง ก็น่าจะเป็นเรื่องดี คนเข้าชมเว็บไซต์ วันละ 1000 คนขึ้นไป รายรับรวมทั้งปี ยังงัยก็เกิน 1 หมื่นบาทอยู่แล้ว
ข้อดีของ Joomla 3 ที่เหมาะสำหรับการทำเว็บไซต์หารายได้กับ Google Adsense
การสร้างเว็บไซต์แนวนี้ปกติจะนิยมใช้ WordPress เพราะใช้งานง่าย ติดตั้งได้เร็ว ไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก แต่ WordPress ก็มีข้อจำกัดในเรื่องความยืดหยุ่นในการปรับแต่งที่ทำได้น้อยกว่า Joomla อย่างมาก การทำเว็บ เมื่อเว็บไซต์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ Joomla จะรองรับการใช้งานได้ดีกว่ามาก ที่สำคัญ Joomla ไม่หนัก Host แม้ระบบจะใหญ่กว่าก็ตาม เราไปดูข้อดีของ Joomla กันดี กว่าว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ทำไมผมจึงแนะนำตัวนี้
ตำแหน่งวางป้ายโฆษณามีความยืดหยุ่นจัดวางได้ตามต้องการ
ตรงนี้เป็นจุดเด่นของ Joomla 3 เพราะเราสามารถจัดวางตำแหน่งป้ายโฆษณาได้ตามต้องการ อิสระมาก เช่น
1. ตำแหน่งหน้าแรกของเว็บไซต์ หรือหน้า Home สามารถตั้งค่าให้แสดงป้ายโฆษณาเฉพาะในหน้าแรกได้ หน้าอื่นห้ามแสดง ซึ่งไม่เพียงป้ายโฆษณา Adsense เท่านั้น ป้ายอื่นๆ ก็ควบคุมได้หมดเช่นกัน
2. แสดงป้ายโฆษณาเมื่อคลิกที่เมนูใดๆ เท่านั้น เช่น คลิกเมนู กู้เงิน จำนำ จำนอง จะแสดงป้ายโฆษณาเฉพาะที่เกี่ยวกับการเงิน พร้อมทั้งแสดงแบนเนอร์ จำนำรถยนต์ ได้เช่นกัน ซึ่งจะ แสดงป้ายเหล่านี้ก็ต่อเมื่อคลิกเมนูนี้เท่านั้น
3. กรณีคลิกเมนูอื่น เช่น กล้อง ถ่ายภาพ ก็สามารถสร้างป้ายโฆษณาเฉพาะเมนูนี้ แยกกันไปเลย คนละชาแนล ซึ่งตรงนี้ WordPress ไม่สามารถทำได้
4. การสร้างชาแนลแยกกันแบบนี้ จากที่ทดลองทำ โฆษณาจะส่งมาค่อนข้างตรงมากกว่า เช่น หมวดหมู่เกี่ยวกับกล้อง ก็จะส่งโฆษณาเกี่ยวกับกล้องมาแสดง ซึ่งดีกว่าการใช้ชาแน่ลเดียว ทุกตำแหน่ง อีกทั้งการตรวจสอบว่าคีย์เวิร์หรือเมนูเรื่องใดเปิดอ่านมากน้อย หรือมีรายรับมากน้อยแค่ไหน ก็จะตรวจสอบได้ง่ายกว่า
Joomla มีตำแหน่งหรือ Position ให้เลือกวางป้ายโฆษณาหลายแบบ
ตำแหน่งวางป้ายโฆษณา Google Adsense ที่มีการคลิกโฆษณาค่อนข้างดี สร้างรายได้มาก จะเป็นตำแหน่งด้านบนเหนือบทความและถัดจากบทความ ซึ่ง Joomla 3 มีเทมเพลท มาตรฐานอย่าง protostar ที่รองรับเป็นอย่างดี
1. Position 3 หรือตำแหน่งด้านบนบทความ เป็นตำแหน่งที่เราสามารถวางป้ายโฆษณา Google Adsense ได้ ซึ่งมีความยืดหยุ่นอย่างมาก เช่น หมวดหมู่ทั้งหมดมี ทั้ง การเงิน ลงทุน ยานยนต์ สุขภาพ และอาหาร ก็สามารถสร้างป้ายโฆษณาแยกกันได้อีกด้วย ตำแหน่งเดียวกัน แต่วางได้หลายป้าย แสดงและซ่อนตามหมวดหมู่ที่แสดง
2. ในแต่ละเมนูหรือหมวดหมู่เนื้อหาเหล่านี้เราสามารถสร้างป้ายโฆษณาแยกเฉพาะและวางตำแหน่งเหนือบทความดังภาพ ซึ่งจะให้แสดงป้ายนี้เฉพาะเมื่อคลิกเมนูยานยนต์เท่านั้น
3. สำหรับเนื้อหาที่แสดงก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับยานยนต์เท่านั้น ทั้งบทความและโมดูล บทความล่าสุดหรือบทความอ่านบ่อย ก็จะดึงข้อมูลในหมวดหมู่ยานยนต์มาแสดงเท่านั้น และโมดู เหล่านี้จะไม่แสดงที่อื่น เช่น เมนู การเงิน ก็จะแสดงแต่เรื่องที่เกี่ยวกับ การเงิน บทความล่าสุดก็ดึงเฉพาะเรื่อง การเงิน มาแสดง แยกกันอย่างชัดเจนไปเลย แบบนี้ WordPress ไม่สามารถ ทำได้ ต้องทำ Subdomain แยกกัน การเงินก็ Subdomain หนึ่ง มีหลายหมวดก็ต้องสร้างหลายซับโดเมน จึงจะสามารถแสดงโฆษณาแยกกันแบบนี้ได้
4. ไม่เพียงป้ายโฆษณาเท่านั้น แต่ยังสามารถดึงบทความเฉพาะในหมวดหมู่นี้มาแสดงได้อย่างอิสระ เช่น บทความอ่านบ่อย และบทความล่าสุด จะดึงบทความเฉพาะในหมวดหมู่นี้มาแสดงเท่านั้น ในขณะที่บทความก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับยานยนต์อย่างเดียวเช่นกัน ไม่มีหมวดหมู่อื่นมาเกี่ยวข้อง แยกกันเหมือนเลเยอร์
5. Position 2 ตำแหน่งถัดจากบทความ หรือด้านล่างใต้บทความ เป็นอีกตำแหน่งหนึ่งที่คลิกดี สร้างรายได้ได้ดี
6. Position 7 ตำแหน่งทางขวามือ ซึ่งนิยมวางแบนเนอร์เช่นกัน แต่คลิกไม่ค่อยดี
Position จะเป็นตำแหน่งวางเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ ซึ่งอาจจะเป็น ป้ายโฆษณา Google Adsense, แบนเนอร์ หรือดึงเนื้อหาใดๆ มาแสดง เช่น แสดงบทความล่าสุด บทความอ่านบ่อย แสดงเมนู ฯลฯ เทมเพลทแต่ละแบบจะมีตำแหน่งหรือ Position ไม่เหมือนกัน แต่ผมชอบ Protostar เพราะมีตำแหน่งที่ยืดหยุ่นดีมาก เหมาะสมกับการทำเว็บเพื่อหาเงินกับ Google Adsense เป็นอย่างดี
วางป้ายโฆษณา Google Adsense แทรกในบทความ
การวางป้ายโฆษณา Adsense แทรกในบทความ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ส่วนใครที่ชอบแบบนี้ Joomla ก็รองรับ เป็นอย่างดี สามารถแทรกป้ายโฆษณาในตำแหน่ง ก่อนแสดงเนื้อหา กลางเนื้อหา ท้ายเนื้อหา ตลอดจนยังสามารถกำหนดได้อีกด้วยว่าจะให้แสดงป้ายโฆษณาในบทความใดบ้าง บางบทความอาจจะไม่เหมาะสมก็ห้ามแสดงป้ายโฆษณา ยก เว้นเป็นรายบทความได้
การแสดงป้ายโฆษณาในลักษณะนี้จะต้องติดตั้งโปรแกรมเสริมการทำงานให้กับ Joomla เช่น plg_ads_elite390 มีเยอะเลยโปรแกรมเสริมแนวนี้ แต่ผมไม่แนะนำให้ทำ การสร้างชาแนล เฉพาะจะเป็นการดีกว่า เราสามารถควบคุมตำแหน่งได้ดีกว่า หมวดหมู่หนึ่งก็สร้างชาแนลแยกเฉพาะสำหรับคีย์เวิร์ดหรือเรื่องนั้นๆ เช่น กล้อง การเงิน ยานยนต์ ก็สร้างชาแนลเฉพาะหมวด ไปเลยจะดีกว่า
ความยืดหยุ่นในการแสดงผลกับหน้าจอขนาดต่างๆ
Joomla 3 มาพร้อมกับเทมเพลท Protostar ซึ่งสามารถย่อขยายหน้าจออัตโนมัติตามขนาดของหน้าจออุปกรณ์ที่ใช้เข้ามาอ่านข้อมูล ในปัจจุบันการใช้มือถือหรือแท็บเล็ตท่องอินเตอร์เน็ต ดูข้อมูลในอินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมอย่างมาก เมื่อแสดงผลผ่านหน้าจออุปกรณ์เหล่านี้ ได้ดี ก็มีโอกาสสร้างรายได้จากการคลิกโฆษณาเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างการแสดงผลในหน้าจอแท็ปเล็ตหรือมือถือ จะอ่านง่ายกว่าในคอมพิวเตอร์ เพราะแสดงแค่บทความที่เราต้องการเท่านั้น ซึ่งการแสดงโฆษณาจะค่อนข้างเด่น มีโอกาสคลิกสูง
Joomla รองรับเว็บไซต์ที่ใหญ่ขึ้นได้สบาย
การทำเว็บไซต์เมื่อทำบทความลงเว็บไปเรื่อยๆ คนเข้าเยี่ยมชมก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ เว็บก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ต้องการการบริหารจัดการที่ดีขึ้น กินกำลังเซิร์ฟเวอร์มากขึ้น ซึ่ง Joomla รองรับ ได้สบายๆ แถมเมื่อเทียบกับ WordPress แล้ว Joomla จะใช้ทรัพยากรน้อยกว่า ในจำนวนคนเข้าเว็บไซต์พอๆ กัน เนื้อหามีมากแค่ไหนก็จัดระบบเป็นหมวดหมู่ได้ดีกว่ามาก โดยการสร้าง เนื้อหาทั้งหมดไว้ในเว็บไซต์เพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องสร้างเป็น subdomain เหมือน WordPress
ตัวอย่างเว็บไซต์ siamebook.com ที่ท่านกำลังอ่านบทความอยู่นี้ ก็เป็นเว็บไซต์แนวหารายได้จาก Adsense มีบทความทั้งหมดประมาณ 4000 บทความ หมวดหมู่ต่างๆ เกิน 100 หมวดหมู่ ลองย่อหน้าจอลงให้แคบที่สุด แล้วจะเห็นความยืดหยุ่นใน การแสดงผล ซึ่งรองรับการใช้งานกับมือถือหรือแท็ปเล็ตได้เป็นอย่างดี แต่เนื้อหาแนวคอมพิวเตอร์ ภาพประกอบค่อนข้างเยอะ อ่านผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์จะดีที่สุด
บทสรุป
สำหรับใครที่สนใจอยากทำเว็บไซต์หาเงินกับ Google Adsense ก็อยากให้ลองพิจารณา Joomla 3 เป็นอีกทางเลือก เพราะหากศึกษาจนเข้าใจการทำงานแล้ว Joomla 3 เหมาะกับการทำ เว็บเพื่อ Adsense มากกว่า WordPress ยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า รองรับเนื้อหาจำนวนมาก และไม่กินกำลังเซิร์ฟเวอร์