การทำเว็บหาเงินกับ Google Adsense หรือผู้ให้บริการรายอื่นที่เน้นการสร้างรายได้จากส่วนแบ่งการคลิกโฆษณาในเว็บ เป็นวิธีทำเงินที่ง่ายจริงๆ เมื่อ เทียบกับการทำเว็บไซต์หาเงินแบบอื่น แต่ก็เชื่อว่ามีมือใหม่หลายคนที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร และสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้น ทำถูกทางหรือไม่ เพราะเนื้อหาที่นำ เสนอวิธีการทำเว็บนั้น ในเว็บไซต์ต่างๆ หรือในอินเตอร์เน็ตนั้น มีมากเสียเหลือเกิน แล้วจะเริ่มอย่างไรดี?

การค้นหาแนวทางในการทำเว็บนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาอย่างมากสำหรับมือใหม่ หากไม่รู้วิธี หลายคนอาจจะใช้เวลาเป็นปีคลำหาแนวทางของตัว เอง บางคนก็เจอ บางคนก็ยังหลงทางอยู่ บทความนี้อยากจะแชร์แนวทางที่ค่อนข้างเป็นพื้นฐานสำหรับการทำเว็บไซต์เพื่อหารายได้จาก Adsense ซึ่งมั่น ใจว่าจะไม่ทำให้หลงทางอย่างแน่นอน

คำแนะนำสำหรับมือใหม่ อยากสร้างเว็บหาเงินกับ Adsense

Step 1 หาข้อมูลเกี่ยวกับ Adsense ก่อน

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะทำเว็บไซต์หาเงินกับ Google Adsense หรือผู้ให้บริการรายอื่นอย่าง Nipa, Yengo, AdsOptimal ฯลฯ จะมีแนวทางคล้ายๆ กันดังนี้

 

1. ศึกษาโฆษณาของ Google Adsense

สำรวจป้ายโฆษณาของ Adsense หรือโฆษณาของรายอื่นว่ามีป้ายโฆษณาเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง ดังภาพตัวอย่าง เช่น เตาอบไฟฟ้า อุปกรณ์ท่องเที่ยว กล้องติดรถ ฯลฯ พยายามค้นหาและรวบรวมป้ายโฆษณาเหล่านี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ก่อนจะเลือกทำในเรื่องที่สามารถทำได้ เรื่องที่ถนัด

 

2. เลือกเรื่องที่เราสนใจ แค่เรื่องเดียวก็พอ

เลือกแค่นี้ก่อน เช่น เลือก ที่จะทำเกี่ยวกับ เตาอบไฟฟ้า ก็หาข้อมูลมาทำเว็บอย่างละเอียด ทำเรื่องเดียว อย่างเดียว เว็บเดียวก็พอ การทำแบบนี้จะทำ ให้มีความรู้มากเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ตัวอย่างการเขียนบทความเกี่ยวกับ เตาอบไฟฟ้า ซึ่งจะมีเรื่องให้เขียนเยอะมาก เช่น เตาอบขนมไฟฟ้า เตา อบไฟฟ้ามือสอง ราคาเตาอบไฟฟ้า ฯลฯ

 

3. ต้องเลือกเรื่องที่สามารถต่อยอดได้ มีเรื่องให้เขียนได้เรื่อยๆ

หลักในการเลือกทำเรื่องใดๆ นั้น ต้องดูว่าเรื่องนั้นๆ สามารถต่อยอดได้ ไม่รู้จบ หรือมีเรื่องให้เขียนเรื่อยๆ เช่น เตาอบไฟฟ้า จะมีรุ่นใหม่ๆ ออกมา เรื่อยๆ มีเมนูอาหารหรือขนมที่ทำด้วยเตาอบไฟฟ้า ซึ่งหากจะเอาดีเรื่องนี้ ต้องกล้าลงทุนซื้อเครื่องมาไว้ทำเมนูต่างๆ เพื่อจะได้มีเรื่องเขียนบทความได้ เรื่อยๆ นอกจากนี้ก็ยังมีช่องทางต่อยอดได้อีกหลายทาง อาจจะเปิดอบรมทำอาหาร ทำขนมด้วยเตาอบ ทำหนังสือรวมเมนูเตาอบไฟฟ้า เปิดร้านขาย ขนมขายอาหารบังหน้า แต่ทำธุรกิจเว็บไซต์เป็นหลัก เป็นต้น

 

ในขณะที่การเลือกทำบางเรื่องอย่าง อุปกรณ์ท่องเที่ยว การเขียนบทความอาจจะตันเอาง่ายๆ เพราะภาพประกอบหายาก การทดสอบสินค้าก็ยาก นอกเสียจากจะทำงานด้านนี้ มีของให้ทดสอบการใช้งาน สามารถถ่ายภาพสินค้าได้ อย่างเรื่อง โครงแก๊สปิคนิค ยิ่งยากเข้าไปอีก

 

ส่วนเรื่องกล้องก็เช่นกัน หากไม่มีรถยนต์ให้ได้ลองทดสอบ การเขียนบทความจะค่อนข้างสะดุด ไปต่อยาก เพราะภาพประกอบต่างๆ หายาก เหมาะสำหรับผู้ที่เปิดร้านขายกล้องอยู่แล้ว จะง่ายกว่า แต่หากมีรถ ก็พอจะมีช่องทางต่อยอดได้ อาจจะทำเว็บแนวท่องเที่ยว พร้อมรีวิวกล้องติดรถแบบ ต่างๆ มีข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวมาทำบทความด้วย ก็จะมีเรื่องให้ทำเยอะเลย ไม่ตันง่ายๆ

 

Tips

การเลือกเรื่องที่จะเขียนนั้น ควรสำรวจสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวก่อน มีอะไรบ้างที่เรามีความรู้อย่างดีอยู่แล้ว หรือเป็นยานพาหนะ เครื่องมือ ของใช้ ที่มีความ เกี่ยวข้องกับโฆษณาของ Adsense ซึ่งสามารถศึกษา ทดสอบการใช้งานแล้วนำมาเขียนบทความได้ ควรทำเรื่องใกล้ตัวก่อน เพราะหาข้อมูลได้ง่าย ภาพ ประกอบก็เช่นกัน

4. หาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียนให้มากที่สุด

เมื่อได้เลือกเรื่องที่อยากจะทำแล้ว ให้อ่าน หาข้อมูลให้มากที่สุด โดยทำโน้ตย่อไปด้วย และดูเว็บไซต์ตัวอย่างที่นำเสนอเรื่องในแนวที่เราจะทำ ค้น หากสัก 50 เว็บไซต์ขึ้นไป หรือหลักร้อยเว็บยิ่งดี ทั้งอ่าน และเขียนสรุปเนื้อหา ยิ่งค้นหามากเท่าไร คุณก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยไม่รู้ตัวไปโดย อัตโนมัติ

 

5. เริ่มลงมือเขียนบทความ

เมื่ออ่านหรือค้นหาข้อมูลได้มากพอแล้ว ก็เริ่มลงมือเขียนบทความ ในการเขียนบทความจะต้องยึดหลักการสร้างบทความโดยต้องมีส่วนประกอบดังนี้


5.1 ชื่อบทความ ต้องมีคำหรือข้อความที่มีโฆษณา Adsense หรือมีคีย์เวิร์ดผสมนั่นเอง


5.2 ภาพธัมเนลหน้าบทความ มีหลายเว็บที่สามารถหาภาพฟรีมาทำได้


5.3 ย่อหน้าแรก ทุกบทความต้องเท่าๆ กัน ประมาณ 2-3 บรรทัดก็พอ ส่วนนี้ Google จะเก็บไปแสดงในผลการค้นหา ต้องเขียนให้น่าคลิก น่าติดตาม ต้องมีคำที่มีโฆษณา หรือคีย์เวิร์ดผสมอยู่ด้วย


5.4 เนื้อหาทั้งหมดของบทความ มีการแบ่งย่อหน้า มีช่องไฟ ให้อ่านง่าย ให้ผู้อ่านได้พักสายตาบ้าง ไม่เขียนติดกันจนรกเป็นป่าดงดิบ แต่ควรแต่งให้สวย เหมือนสวนดอกไม้ จะดูน่าอ่าน และจับใจความได้ง่าย ที่สำคัญต้องมีคำที่มีโฆษณา หรือคีย์เวิร์ดผสมอยู่ด้วย


5.5 ข้อความในส่วนเนื้อหา ตกแต่งให้สวยงาม หัวข้อเน้นตัวหนา จัดเนื้อหาให้เป็นระเบียบ อ่านง่าย จะช่วยให้ผู้อ่านอยู่กับเว็บของเรานานๆ


5.6 ในเนื้อหาอาจมีภาพประกอบ ภาพต้องทำเอง ตั้งชื่อภาพให้ตรงกับชื่อบทความ และตั้งเป็นภาษาอังกฤษ กรณีมีหลายภาพให้ใช้เลขลำดับเช่น bicycle01, bicycle02 .... การตั้งชื่อไฟล์ภาพต้องมีคำที่มีโฆษณา หรือคีย์เวิร์ดผสมอยู่ด้วย แต่อย่าให้มากเกินไป เอาชื่อไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ


5.7 ท้ายเรื่องมีสรุป สัก 2-3 บรรทัด เช่นเดียวกัน ต้องมีคำที่มีโฆษณา หรือคีย์เวิร์ดผสมอยู่ด้วย

 

 

นี่คือหลักการทำบทความแบบง่ายๆ แต่ปฏิบัติค่อนข้างยากมาก ส่วนน้อยที่ทำ หากต้องการความสำเร็จก็ต้องฝึกทำให้ได้ เพราะการเขียนบทความ คุณภาพ น้อยคนจะทำได้ ทำให้คู่แข่งในการทำเว็บไซต์ก็จะลดลงไปเรื่อยๆ

 

6. ตรวจสอบบทความ อ่าน แก้ไข จนลงตัว

เมื่อเขียนเสร็จแล้ว ก็ต้องอ่านตรวจสอบ แก้ไข ปรับแต่ง จนกว่าจะลงตัว หากต้องการเป็นมืออาชีพในการเขียน ให้พยายามปรับแต่งเนื้อหา จนมี ความใกล้เคียงกับเว็บดังๆ หรือเว็บใหญ่ ที่ทำบทความได้ดี ฝึกเขียนจนได้มาตรฐานพอๆ กัน ซึ่งอาจจะต้องแก้ไขเป็นสิบรอบ ต้องใช้ความอดทนอย่าง มาก ถ้าสามารถทำได้ คุณก็จะเปลี่ยนจากมือใหม่ เป็นมืออาชีพในเวลาไม่กี่วันเท่านั้นเอง แต่หากไม่ยอมฝึกเพื่อให้ตัวเองเป็นมืออาชีพ เขียนบทความลง เว็บเป็นปีๆ ก็จะยังดูเป็นมือใหม่ เป็นมือสมัครเล่นเหมือนเดิม เว็บไม่ทำเงิน ไม่สร้างรายได้

 

7. เขียนบทความให้มากพอสมควร ก่อนลงมือทำเว็บไซต์

เมื่อสามารถเขียนบทความได้ดีแล้ว ก็เขียนตุนไว้ให้เยอะ ยังไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องการทำเว็บ บทความเป็นหัวใจสำคัญของการทำเว็บหาเงินจากการ คลิกโฆษณา คนส่วนใหญ่จะคิดถึงแต่เรื่องทำเว็บ แต่ไม่เคยคิดถึงบทความ หลายคนทำเว็บสวย แต่ไม่มีบทความ หรือมีบทความก็เป็นบทความไร้คุณภาพ ไม่ติดหน้าแรกในผลการค้นหาของ Google เว็บไซต์ก็ไม่สร้างรายได้ ในขณะที่คนทำเนื้อหาคุณภาพ เว็บไม่ต้องสวย เรียบๆ ง่ายๆ ก็ทำเงินได้ดีกว่า

 

Step 2 การเลือกเครื่องมือช่วยทำเว็บไซต์

เมื่อมีบทความพร้อมแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาเลือกเครื่องมือหรือโปรแกรมช่วยสร้างเว็บไซต์นั่นเอง ซึ่งมี 3 ตัวหลักที่นิยมใช้กัน เช่น

1. สร้างเว็บโดยใช้บล็อกฟรีอย่าง Blogger

การใช้บล็อกฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย จะสามารถลงมือทำเว็บไซต์ของตนเองได้ทันที ยิ่งมีบทความ ในมืออยู่แล้ว ก็เริ่มได้เลย ตัวอย่างการทำเว็บบล็อกสอน ขับรถ ให้ความรู้เรื่องการขับรถ หากมีอีเมล์ของ Gmail อยู่แล้ว ก็จะสามารถสมัครและสร้างบล็อกกับ Blogger ได้ทันที โอกาสประสบความสำเร็จใน การทำเว็บจะเร็วกว่า เรื่องหน้าตาของเว็บบล็อกนั้น ไม่ต้องไปสนใจ ใช้แบบพื้นฐานไปก่อน มีเวลาค่อยศึกษา ใช้รูปแบบที่เรียบง่ายไปก่อน หัวใจสำคัญก็ คือบทความ
คลิกที่นี่หากสนใจศึกษา การสร้างเว็บบล็อกด้วย Blogger

 

 

Tips

การใช้บล็อกทำเว็บหาเงินกับ Adsense นั้น ต้องศึกษากฏ เงื่อนไขการใช้งานและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการถูกแบนหรือลบบล็อก ซึ่ง จะทำให้บทความถูกลบทั้งหมด สิ่งที่ทำมาก็เสียเวลาเปล่า

 

2. ลงทุนจดโดเมนทำเว็บด้วย Wordpress

การใช้ของฟรี อาจจะโดนแบน โดนลบบล็อกเมื่อใดก็ได้ ข้อมูลที่อุตสาห์ทำมาก็หายหมด ดังนั้นต้องกล้าที่จะลงทุน ธุรกิจอะไรก็ตามที่ไม่ลงทุน ก็จะ ไม่ทำอย่างจริงๆ จังๆ เพราะมองว่าเป็นของฟรี ไม่มีอะไรจะเสีย ทำให้หลายคนทำเว็บหาเงินจากเน็ตไม่ประสบความสำเร็จ แต่เมื่อมีการลงทุน ก็ย่อมจะ เสียดายเงิน และการกล้าลงทุนจะช่วยให้การทำเว็บพัฒนาไปได้เร็วกว่า นอกเสียจากไม่มีทุนจริงๆ อาจจะใช้ของฟรีอย่าง Blogger ไปก่อน

 

 

การทำเว็บด้วย Wordpress ค่อนข้างง่าย เป็นที่นิยม มีบทความสอนทำเว็บด้วยโปรแกรมนี้มากมาย ติดขัดตรงไหนสามารถหาข้อมูลได้ไม่ยาก สำหรับมือใหม่ เรื่องหน้าตาเว็บนั้น เช่นเดียวกัน ยังไม่ต้องไปสนใจมากนัก พยายามทำบทความลงไปในเว็บก่อน มีเวลาค่อยศึกษาการปรับแต่ง

 

Tips

การลงทุนจดโดเมนและเช่าพื้นที่ทำเว็บไซต์ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 600 บาทต่อปีขึ้นไป ถือว่าไม่มากเลย ในหนึ่งปีคืนทุนแน่นอน ถ้าทำอย่างต่อ เนื่อง

 

3. ลงทุนจดโดเมนทำเว็บไซต์ด้วย Joomla 3

การทำเว็บกรณีต้องเสียเงินจดโดเมนและเช่าพื้นที่ทำเว็บไซต์นั้น จะมี Joomla 3 เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ซึ่ง Joomla 3 เป็นโปรแกรมที่รองรับ การทำเว็บไซต์ขนาดใหญ่ การใช้งานครั้งแรกจะยากกว่า Blogger หรือ Wordpress แต่เมื่อลอยลำแล้วจะบริหารจัดการง่ายกว่า สำหรับผู้ที่สนใจ ก็ สามารถดาวน์โหลด เว็บสำเร็จรูป Joomla 3 Adsense ไปลองได้ ซึ่งได้รับการปรับแต่งเรียบร้อยแล้ว หลังจากติดตั้งในเว็บจริงแล้ว ก็เริ่มลงมือทำบท ความได้ทันที รายละเอียด ความสามารถเด่นๆ ของ Joomla 3 ท่านสามารถติดตามได้ในเว็บนี้ http://joomla3adsense.siteth.com/

หรือศึกษาจาก eBook หาเงินจากเน็ตด้วยเว็บสำเร็จรูป Joomla3 Adsense

 

 

คำแนะนำ

สำหรับมือใหม่ที่ไม่มีทุน การเริ่มต้นใช้ Blogger เป็นเรื่องง่าย และสามารถเริ่มต้นได้ทันที แต่เมื่อเริ่มมีทุนแล้ว ต้องจดโดเมน เช่าพื้นที่ทำเว็บของเรา เอง เพราะเราจะสามารถทำอะไรได้เต็มที่มากกว่า การจัดการกับข้อมูลในเว็บ การสำรองข้อมูล การหาช่องทางสร้างรายได้ อาจจะขายของผ่านเน็ต หรือ หารายได้แบบต่างๆ การใช้ Blogger อาจจะโดนแบนหรือถูกลบเว็บ เมื่อไรก็ได้ ถ้าคิดจะทำจริงๆ ยอมลงทุนดีที่สุด อย่าใช้ของฟรี

 

Step 3 ลงมือทำบทความ ทำเว็บไซต์จริง

ในขั้นตอนนี้ จะเป็นการลงมือทำบทความลงเว็บไซต์จริงๆ สิ่งสำคัญก็คือ ให้เขียนบทความอย่างต่อเนื่อง เขียนได้น้อยแต่ไม่เป็นไร แต่บทความที่ เขียนลงเว็บนั้น ให้เน้นคุณภาพ บทความดี มีประโยชน์ แม้จะใช้เวลาเขียนนานมากก็ตาม อย่างบทความนี้ใช้เวลาเขียน 4 ชั่วโมงกว่า ทั้งการทำภาพ ประกอบด้วยแล้วก็ร่วม 5 ชั่วโมง

 

แล้วสิ่งที่ได้มันจะคุ้มค่าหรือไม่กับการลงมือทำโดยใช้เวลานานขนาดนี้ บางบทความมันคุ้มค่าอย่างมาก ลองดูบทความนี้เป็นแนวทาง เข้า Google แล้วค้นหาด้วยคำว่า จำนำรถยนต์ ในผลการค้นหาจากการสังเกตุ จะพบเว็บนี้ ติดอันดับหน้าแรกมาหลายปีแล้ว

 

จำนำรถยนต์ต้องทำอย่างไร มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง - หน้าแรก VarietyDD
varietydd.com/financial.../101-borrow-money-by-pledging-the-car.html
17 เม.ย. 2557 - บทความแนะนำวิธีการจำนำรถยนต์ บอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัว เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับท่านที่มีเหตุต้องใช้เงินด่วน หมุนเงินไม่ทัน เป็นการแก้ปัญหาการเงินในระยะสั้น ...

 

หรือหากเป็นการพิมพ์คำค้นหาที่ใกล้เคียงชื่อบทความอย่างเช่น จำนำรถยนต์ต้องทำอย่างไร กรณีนี้บทความจะถูกแสดงหน้าแรก ลำดับแรก ซึ่งมี โอกาสสูงมากที่คนจะคลิกเข้าไปอ่าน

 

ซึ่งเว็บนี้เป็นเว็บหาเงินกับ Adsense เช่นกัน เกือบ 3 ปีที่เฝ้าสังเกตุมาโดยตลอด แค่บทความเดียวนี้ก็น่าจะสร้างรายรับจากการจากการคลิกโฆษณา อย่างต่อเนื่อง และมีรายได้ไปอีกนาน จนกว่าจะหลุดจากหน้าแรกๆ ในผลการค้นหาของ Google นี่คือตัวอย่างการทำบทความดีๆ เนื้อหามีคุณภาพนั่น เอง ทำครั้งเดียวแต่กินยาวๆ

 

Step 4 หาทางต่อยอดสร้างรายได้เพิ่มเมื่อมีผู้เข้าชม

หลังจากทำเว็บไซต์จนมีผู้เข้าชมจำนวนมากแล้ว การสมัครเป็นสมาชิก Adsense ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ต้องทำต่อเพื่อเสริมความมั่นคงในเรื่องรายได้ ก็คือ การอัพเดทเนื้อหาดีๆ อย่างต่อเนื่อง และการวางตำแหน่งป้ายโฆษณา Adsense ในเว็บต้องไม่เสี่ยงโดนแบน และหาทางต่อยอด ผลิตสินค้าหรือ บริการของตัวเองมาขายผ่านเว็บไซต์

 

ตัวอย่างเว็บแนวนี้เช่น kopkap.in.th เจ้าของอายุยังน้อยมาก ขณะที่เขียนบทความนี้ ก็ 18 ปีเต็มแล้ว เริ่มทำมาตั้งแต่อายุ 16-17 ปี หน้าตาเว็บไซต์ มีความเป็นมืออาชีพ พัฒนาไปไกลเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับหลานที่บ้านอายุพอๆ กันแต่ยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย

 

เว็บนี้มีรายได้หลักๆ มาจากการติดป้ายโฆษณา Adsense และการขายสินค้าที่ตัวเองสร้างขึ้นมา ก็คือ ขายธีมสวยๆ สำหรับ WordPress และ eBooks เช่น ธีมในแบนเนอร์ฝั่งซ้ายมือ ราคา 2500 บาท และยังมีอีกหลายรายการ แต่ละเดือนน่าจะสร้างรายได้ให้เจ้าของเว็บไม่น้อยทีเดียว แถมทางเจ้าตัวก็ มีแผนจะขายไปทั่วโลก ไม่ธรรมดาเลย เด็กคนนี้ อนาคตไกล นี่คือตัวอย่างการของต่อยอด เมื่อมีผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้น

 

Step 5 นำเงินที่ได้มาบริหารให้เป็น

การทำเว็บเพื่อหาเงินกับ Google Adsense ไม่มีความแน่นอนในเรื่องรายรับ บางคนได้เดือนละแสนกว่าอยู่ดีๆ โดนแบน เดือนต่อไป ไม่มีรายรับเข้า มาแล้ว ทั้งรถ บ้านที่ต้องผ่อน ทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกจิปาถะ เรื่องนี้สำคัญมาก การบริหารเงินจะเป็นเรื่องการนำเงินไปหาทางลงทุน ให้เกิดดอกออกผล เพื่อสร้างรายรับให้เราหลายๆ ทาง เผื่อกรณีไม่มีรายรับจาก Adsense หรือรายได้ตกมาก บางทีเดือนที่แล้วรับหลักหมื่นแต่มาเดือนนี้เหลือแค่หลักพัน บาท รายได้ไม่คงที่

 

สำหรับมือใหม่ หากยึดแนวทางการทำเว็บแบบนี้ ผู้เขียนมั่นใจว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ซึ่งจะเห็นว่าค่อนข้างยากจริงๆ เพราะ การทำเว็บไซต์หาเงินกับ Adsense นั้นก็เป็นการทำธุรกิจอย่างหนึ่ง ธุรกิจใดๆ บนโลกนี้ ไม่มีอะไรที่ทำแล้วสำเร็จง่ายๆ การหาเงินในเน็ตก็เช่นเดียวกัน

 

หวังว่าบทความนี้คงจะช่วยเป็นแนวทางให้มือใหม่ได้มองเห็นภาพการทำเว็บไซต์หาเงินกับ Adsense ตั้งแต่ต้นจนจบ รู้วิธีการทำเว็บคุณภาพ เพื่อให้ ติดอันดับการค้นหาหน้าแรกของ Google และเมื่อมีผู้เข้าชมเว็บไซต์แล้ว ก็รู้ว่า ต้องทำอย่างไรจะมีรายรับในระยะยาวอย่างมั่นคง มีโอกาสรวยจากการ ต่อยอดด้วยการขายสินค้าของตัวเองผ่านเว็บเพื่อเสริมความมั่งคั่ง และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การบริหารเงินที่หามาได้ จากการทำเว็บ ไปลงทุนด้านอื่น เพื่อ ให้มีรายรับหลายๆ ด้าน และมีความมั่นคงในอนาคต