ถ้าการใช้ชีวิตของเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ ภาษาอังกฤษก็แทบจะไม่ได้ใช้ เรียนมากแค่ไหนก็ลืมหมด การเรียนแบบเร่งรัด เข้า คอร์ส หรือเรียนแบบใดก็ตาม จึงอาจไม่จำเป็น ก็ต้องใช้วิธีเรียนแบบไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ โดยเน้นการเรียนด้วยตัวเอง ด้วยการเลือกทำใน สิ่งที่ชอบ แต่เน้นว่าต้องเป็นภาษาอังกฤษ
คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้สนทนากับชาวต่างชาติ หากไม่ได้ทำงานหรือมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ ทักษะด้านภาษาก็เลิกคิดไปได้เลย ดังนั้นหนทางที่จะเก่งภาษาอังกฤษก็อาจจะใช้วิธีแบบเรียนเองไปเรื่อยๆ แต่ต้องต่อเนื่อง
เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้
ก่อนอื่นก็ต้องเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ เช่น
Dictionaty หรือพจนานุกรม
เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมาก ให้เลือกซื้อหนังสือที่มีคุณสมบัติเด่นๆ เช่น 1. เลือกซื้อเล่มดิกชันนารีแบบ อังกฤษ-อังกฤษ และ อังกฤษ-ไทยอย่างละเล่ม 2. เน้นเล่มที่แถมซีดี เช่ ของ Cambridge ซึ่งโปรแกรมในซีดีจะมีตัวอย่างคำพูดประโยค การออกเสียง
3. เน้นดิกชันนารีที่มีคำศัพท์และตัวอย่างการใช้งานคำศัพท์ เช่น pen จะมีตัวอย่างการใช้งานแบบต่างๆ และคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่ง เราสามารถใช้คำอธิบายเหล่านี้ช่วยในการแต่งประโยคได้ หรือพูดอธิบายเกี่ยวกับคำศัพท์นั้นๆ ได้
4. ดิกชันนารีดีๆ ราคาสูง แต่ก็มีข้อดีกว่า มีรายละเอียดเยอะกว่า อย่างเล่มนี้ มีการรวบรวมคำศัพท์หมวดหมู่ สิ่งของต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเอา หากจำคำศัพท์ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะการออกเสียงได้ ฟังออก ก็จะสามารถสื่อสารระดับพื้นฐานกับชาวต่างชาติได้สบายๆ
คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์อาจจะเป็นโน้ตบุ๊คเล่มเล็กๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นของใหม่ มีโน้ตบุ๊คยี่ห้อดีๆ มือสองจากญี่ปุ่นราคาไม่ถึง 5000 บาทคุณภาพ ใกล้เคียงของใหม่ให้เลือกมากมาย หรือจะใช้คอมพิวเตอร์ก็ตามสะดวกแต่กินไฟมากกว่า
การใช้คอมพิวเตอร์เราจะสามารถใช้งานโปรแกรมค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ใช้งาน Google ช่วยค้นหาตัวอย่างประโยค ช่วยแปล หรือ ออกเสียงข้อความภาษาอังกฤษ ใช้ช่วยในการเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างมาก ติดขัดตรงไหน ไม่ใช่ปัญหา
แท็บเล็ตหรือมือถือสมาร์ทโฟน
อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่มีกันทุกคน ซึ่งจะมีแอปดีๆ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษให้ใช้มากมาย เช่น บทสนทนาภาษาอังกฤษ ดิกชันนารี เป็น อุปกรณ์ที่เราสามารถเปิดใช้งานได้สะดวกมาก ควรทุ่มทุนใช้แท็บเล็ตจอขนาดใหญ่ แต่ห้ามใช้พวก iPad อย่างเด็ดขาด เพราะการจัดการกับ ข้อมูลในเครื่องทำได้จำกัด เราเตือนคุณแล้วนะ
สมุดจดบันทึกเล่มโตๆ
การจดบันทึกเป็นวิธีลดภาระของสมองในการจดจำ การใช้สมุดเล่มโตๆ ก็เปรียบเสมือนมีเมมโมรีมากๆ สำหรับคนที่ชอบเขียนไดอะรี ก็คงจะรู้ดีว่า ข้อความที่เคยเขียน หรือจดบันทึกไว้นั้น แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แต่ข้อความเพียงไม่กี่คำ ไม่กี่ประโยคที่ได้ย้อนกลับมาอ่าน อีกครั้ง ก็ช่วยฟื้นฟูความจำขึ้นมาได้อีกมากมาย บรรยายได้หลายหน้ากระดาษ
การจดบันทึกข้อความภาษาอังกฤษ บันทึกการเรียนของเราก็เช่นกัน เมื่อย้อนกลับมาอ่านก็จะจำได้ว่าเขียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร และบางทีจำ ได้แม้กระทั่งเวลานั้น สถานการณ์ ความรู้สึกอารมณ์ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น นี่คือข้อดีของการจดบันทึก
จัดบ้านจัดห้องและทำตัวให้เหมือนอยู่ต่างประเทศ
การจำลองตัวเองเหมือนอยู่ต่างประเทศ แต่อยู่ในห้องตัวเอง เข้าของเครื่องใช้ทุกอย่าง การใช้ชีวิต การอ่านข่าว ดูทีวี ฯลฯ พยายามใช้ ภาษาอังกฤษ ให้หมด ข้าวของ เครื่องใช้ หาสติ๊กเกอร์มาเขียนเป็นภาษาอังกฤษแล้วแปะ เพื่อให้รู้ว่าชื่ออะไร เวลานึกชื่อต้องนึกเป็นภาษา อังกฤษ การกระทำทุกอย่างก็เช่นกัน พยายามคิดเป็นภาษาอังกฤษ จดบันทึกไว้ ทำบ่อยๆ ก็จะสามารถใช้ภาษาได้ดี อัตโนมัติ ไม่เช่นนั้นไม่มี ทางเก่งภาษาได้แน่นอน
อ่านหนังสือ บทความต่างๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษ
การหาข้อมูลต่างๆ อ่านข่าว อ่านบทความต่างๆ พยายามอ่านจากเว็บไซต์ภาษาอังกฤษ จดบันทึก เป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน อาจจะรู้สึก หงุดหงิดในช่วงแรกๆ หากจำคำศัพท์ไม่ค่อยได้
ดูวิดีโอ ฟังรายการวิทยุ หรือสื่อต่างๆ เน้นภาษาอังกฤษ
แรกๆ อาจจะไม่เข้าใจ ก็ไม่ต้องสนใจ เน้นการฟังเพื่อให้แยกแยะคำออกเท่านั้น ซึ่งจะต้องใช้เวลานานมาก กว่าจะชิน อาจจะใช้เวลา เป็นปีๆ การเรียนภาษาก็เป็นแบบนี้ ภาษาไทยเราเอง กว่าจะพูดได้คล่อง รู้ทุกเรื่อง เราก็ต้องเรียนกันอยู่หลายปี
บทสรุป
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้ มีข้อดี สามารถจดจำได้นาน จำได้ไม่ลืม เพราะเราจำลองตัวเองเหมือนอยู่ต่าง ประเทศจริงๆ การอยู่ในประเทศไทย คำศัพท์ต่างๆ เราสามารถจำได้โดยไม่ต้องท่องจำ เพราะเราพบเห็นทุกวัน
และผู้เขียนก็คิดว่าเหมาะสำหรับเด็กๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อให้ค่อยๆ ซึมซับไปทีละน้อย อาจจะใช้เวลาหลายปี ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะ แม้จะเรียนแบบเร่งรัด แต่เวลาที่ผ่านไป ย่อมจะทำให้เด็กเก่งภาษาได้แบบธรรมชาติ เพราะเม้จะส่งเสริมให้เด็กเรียนแบบเร่งรัด ไปเรียนพิเศษ เก่ง พูดได้ ก็เป็นแค่ความสามารถในการสื่อสารพื้นฐานธรรมดาเท่านั้น ยังไม่สามารถทำงานทำการอะไรได้ ส่วนใหญ่ก็จะเอาไว้โชว์ ส่วน พ่อแม่ก็เอาไว้อวดว่าลูกตัวเองเก่ง
การศึกษาภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่ต้องใช้เวลา เร่งรีบไม่ได้ เพราะบางเรื่อง ต้องอาศัยประสบการณ์จึงจะเข้าใจว่า เพราะอะไรและทำไม ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปี วางแผนว่าเราตองการศึกษาภาษาเพื่อใช้งานแบบใด หากเพียงแค่ไว้สื่อสารกับชาวต่างชาติ นั้นไม่ยาก อาจจะ เข้าคอร์สหลักสูตรสั้นๆ ก็จะสามารถพูดได้ในเวลาไม่นาน แต่หากต้องการศึกษาให้เก่งจริงๆ ก็ต้องมองว่า เป็นภาษาที่ 2 หรือ 3 ที่จำเป็น ต้องเรียนรู้ เมื่อคิดว่าเป็นความจำเป็นต้องเรียน ต้องรู้ ก็จะมีความมุ่งมั่นมากกว่า ต้องรู้ ต้องเป็น ต้องทำได้
แชร์บทความนี้ :