รู้จักบริหารเวลา ชีวิตประสบความสำเร็จแน่นอน
การบริหารเวลาเป็นเรื่องสำคัญ คนที่สามารถพัฒนาตัวเองจนประสบความสำเร็จได้นั้น การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด บทความ นี้จะแนะนำเทคนิคการบริหารเวลาขั้นเทพ ถ้าทำได้ คุณเก่งแน่นอน ซึ่งจะค่อนข้างยากในการฝึกฝนเอง โดยเฉพาะในเรื่องพื้นฐาน
ความสำเร็จไม่ว่าในเรื่องใดก็ตาม จะต้องมีพื้นฐานที่จะต้องเข้าใจ ฝึกฝน เรียนรู้ให้เกิดความเชี่ยวชาญ หากมีความเข้าใจในเรื่อง เหล่านี้ จะทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จ เวลาของคนเรามีเท่ากัน แต่การบริหารเวลานั้น แต่ละคนทำได้ดีมากน้อยต่างกัน
ตัวอย่างการบริหารเวลาแบบต่างๆ
การบริหารเวลาแบบต่างๆ นั้น มีเทคนิคต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะของกิจกรรมหรือสิ่งที่จะต้องทำ
วางแผนก่อนลงมือทำเสมอ
การวางแผนก่อนลงมือทำกิจกรรม เรื่องส่วนตัวหรือธุระต่างๆ จะช่วยประหยัดเวลาในการทำงาน ควรฝึกวางแผนบ่อยๆ ก่อนนอน ก่อนตื่นนอนหรือช่วงเวลาที่ว่างแม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถคิดวางแผนสิ่งที่ต้องทำได้ เมื่อฝึกบ่อยๆ ก็จะเกิดความชำนาญและประหยัด เวลา มีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่น
อย่าทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
การทำอะไรก็ตามหลายอยางพร้อมกัน เป็นเรื่องยากที่จะประสบความสำเร็จและทำให้เสียเวลา เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ดู Yotube หรือเล่น Facebook ไปพร้อมกัน จะไม่มีทางอ่านหนังสือรู้เรื่อง และทำให้เสียเวลา จะทำอะไรจึงต้องมุ่งมั่นทำอย่างเดียว ต้องแยกแยะให้ ออกว่างานนั้นเป็นแบบไหน อย่างงานใช้แรงกาย กวาดบ้าน ถูบ้าน ฟังเพลงไปด้วยแบบนี้ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้สมาธิ ก็ต้อง ทำอย่างเดียวเท่านั้น ห้ามทำหลายอย่างพร้อมกัน
การใช้เวลาเรียนรู้เพียงครั้งเดียว
กิจกรรมหรือความสามารถเฉพาะตัวบางอย่างนั้น จะใช้เวลาเรียนรู้เพียงครั้งเดียว แม้จะใช้เวลานานมากก็ตาม อาจจะเป็นเดือน เป็นปี เป็นปีๆ แต่เมื่อมีความเชี่ยวชาญชำนาญแล้ว ก็จะใช้ได้ตลอดไป ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้เรื่องใหม่ เช่น อาชีพเกี่ยวกับช่าง การ เรียนภาษา ความชำนาญเฉพาะด้าน โปรแกรมเมอร์ งานศิลป์ นักดนตรี ฯลฯ
กรณีเป็นนักเรียนนักศึกษาก็สามารถทำได้ ขณเรียนอยู่ชั้น ม. 4 ก็ใช้ช่วงเวลาว่างอ่านหนังสือให้จบทั้งระดับชั้นต้องแต่ ม, 4 - ม. 6 ก็จะไม่เสียเวลาศึกษาอะไรมากนัก นี่คือวิธีที่ผู้เขียนเคยใช้ ทำให้การสอบเรียนต่อหรือแม้แต่การสอบในห้องเรียนก็ตาม จึงไม่ต้องเสีย เวลามากนัก มีเวลาไปทำอย่างอื่น
งานใดๆ ที่เรากำลังทำอยู่ก็ตาม ลองคิดหาวิธีเรียนรู้ในครั้งเดียว เพื่อประหยัดเวลาอีกทั้งชีวิต ไม่ต้องเสียเวลาศึกษาบ่อยๆ มีเวลา ไปทำอย่างอื่นเช่นกัน
ใช้เวลาเรียนรู้อย่างจริงจังและสร้างอาชีพได้
การเรียนรู้ในเรื่องหนึ่ง เรื่องใด จะต้องเรียนรู้อย่างจริงจัง และพัฒนาตัวเองจนสามารถสร้างอาชีพได้ หรือมีประกาศนียบัตรรองรับ เช่น การเล่นดนตรี ไม่ใช่สักแต่เล่นเป็น แต่จะต้องพัฒนาตัวเอง จนสามารถสอนได้ มีประกาศนียบัตรรองรับ และฝึกความสามารถด้าน อื่นที่เกี่ยวข้อง อย่างการร้องเพลง การทำดนตรี การฝึกตัวเองขั้นสูงแบบนี้ จะใช้เวลานานพอสมควร แต่ก็จะเสียเวลาฝึกครั้งเดียว
ผู้เขียนเล่นดนตรีมาตั้งแต่อายุ 18 ปี จนจะ 48 ปีอยูแล้ว ยังงูๆ ปลาๆ อ่านโน้ตก็พอได้ ไม่เก่ง เพราะไม่ฝึกพื้นฐานให้แน่น ไม่ พัฒนาตัวเองให้ถึงขั้นระดับมืออาชีพ ซึ่งการพัฒนาตัวเองในลักษณะนั้น ก็ทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง เหมือนเราเรียนระดับ ปวช. ปวส. หรือปริญญาตรี โท หรือเอก หรือเรียนเกี่ยวกับอาชีพ ด้านใดด้านหนึ่ง เมื่อเรียนจบแล้ว ก็จะสามารถสมัครทำงานที่เกี่ยวข้องได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะชอบเรื่องใดก็ตาม ต้องศึกษาจนถึงขั้นสามารถสร้างอาชีพได้ แล้วจะเสียเวลาเพียงครั้งเดียว ต่อไปก็จะอาศัยการอัพเดทเล็กๆ น้อยๆ เพราะทุกเรื่องเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่หากมีพื้นฐานจะไม่ต้องทำอะไรมากนัก
อย่าเสียเวลาเรียนรู้ในเรื่องที่อัพเดทบ่อย
เมื่อตั้งใจจะศึกษาเรื่องใดก็ตาม ต้องวิเคราะห์ หาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้ดี อย่าศึกษาในเรื่องที่ทำให้ต้องเสียเวลาศึกษาอยู่บ่อยๆ เช่น การศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยี่ อุปกรณ์ไอที โปรแกรม หรือสิ่งใดก็ตามที่มีวันหมดอายุ อย่างการสอนใช้งานคอมพิวเตอร์ สอนใช้งาน โปรแกรม สอนใช้งานมือถือ ซึ่งเมื่อมีการอัพเดทเปลี่ยนรุ่น เปลี่ยนเวอร์ชัน ความรู้ที่ร่ำเรียนมาก็จะใช้งานไม่ได้ จะเสียเวลาเรียนซ้ำซาก
เมื่อเปรียบเทียบกับการเลือกเรียนในสิ่งที่ยากจะเปลี่ยนแปลง เช่น อาชีพทำอาหาร อาชีพงานศิลป์ ออกแบบ งานช่าง การพัฒนา โปรแกรม ภาษา เป็นต้น แนวนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาน้อยมาก ชีวิตก็จะไม่เสียเวลาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอด เวลา เพราะในบางเรื่องที่กำลังศึกษาหาข้อมูลอยู่นั้น ปรากฏว่า ไม่ทันจะรู้อะไรมากนัก ก็มีรุ่นใหม่ออกมาแล้ว สิ่งที่เรียนมาทั้งหมด ไม่ สามารถใช้อะไรได้เลย ต้องเรียนรู้ใหม่
ใช้เวลาศึกษาเรียนรู้ในเรื่องใหญ่เพื่อพัฒนาตัวเองในขั้นสูง
ลองใช้เวลาเรียนรู้ในเรื่องที่เกินกำลังของตัวเองบ้างหรือทำงานใหญ่คนเดียว จะช่วยให้รู้ว่า มีความผิดพลาดเกิดขึ้นตรงจุดใดบ้าง และจะค้นพบช่องทางลัดในการลดเวลาการทำงานหรือเรียนรู้สิ่งเหล่านั้น หรือรู้วิธีบริหารจัดการกับสิ่งต่างๆ ที่มีปริมาณมาก เรื่องนี้มี ความสำคัญ เพราะจะเป็นการพัฒนามุมมอง ความคิดในการทำงานยากๆ ได้ และค้นพบจุดอ่อนของตัวเอง รู้ถึงขีดจำกัดศักยภาพของ ตัวเอง การหาทางลัดเพื่อลดเวลาการทำงานในลักษณะต่างๆ ต่อไปนี้จะเริ่มเกิดขึ้นเอง เมื่อพยายามทำงานใหญ่ที่เกินกำลัง เช่น
- การทำไร่ ทำสวนปลูกต้นไม้ เมื่อทำสิ่งที่มีปริมาณมาก ก็จะพบปัญหา การแก้ปัญหาอยู่บ่อยๆ จะเกิดปัญญารู้วิธีลัด ลดเวลาในการทำ งาน อย่างการรดน้ำต้นไม้ จากที่รดเอง อาจจะใช้อุปกรณ์ช่วยรดน้ำ เพื่อประหยัดเวลาในการทำงาน
- การอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ ซึ่งจะต้องอ่านเนื้อหาต่างๆ เป็นจำนวนมาก ก็จะค้นพบวิธีอ่านที่ช่วยประหยัดเวลา เช่น อ่านแล้ว จดโน้ตบันทึกสั้นๆ ไว้อ่านทบทวนหรืออัดเสียงเก็บไว้ฟัง ซึ่งจะสามารถฟังได้ตลอดเวลา ขณะเดินทาง อยู่ในรถ ต่างจากการอ่าน เพราะ บางสถานการณ์ไม่สะดวกอย่างยิ่ง เช่น ขณะอยู่บนรถเมล์
- การทำธุรกิจขนาดใหญ่ มีความซับซ้อน ทำเพียงคนเดียว แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็จะช่วยให้รู้จักวิธีการสร้างทางลัดเพื่อลัด ขั้นตอนการทำงานในรูปแบบต่างๆ เพื่อหาทางลดเวลาทำงาน หรือลดต้นทุน เรื่องนี้ยังสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะเมื่อ จะทำอะไรก็ตาม ก็จะมองเห็นปัญหาและอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นตามมาและหาทางจัดการได้ก่อนการลงมือทำ ไม่เสียเวลาทำแล้วผิดพลาด ต้งแก้ไข
พัฒนาความรู้ให้เป็นสินค้าจับต้องได้
ไม่ว่าจะเรียนรู้ในเรื่องใดก็ตาม สุดท้ายแล้ว คนเราก็ต้องทำงาน ต้องมีอาชีพ เพื่อสร้างรายได้เลี้ยงตัวเอง การพัฒนาความรู้ให้เป็น สินค้าที่จับต้องได้นั้น เป็นเรื่องสำคัญ บางคนเรียนทำอาหารแล้วคิดสูตรอาหารของตนเอง ทำเป็นแฟรนไชส์ ผลิตสินค้าส่งขายไปทั่ว ประเทศ นี่คือตัวอย่างการพัฒนาความรู้ให้เป็นสินค้า ก็จะลดเวลาในการทำงาน เปรียบเทียบให้เห็นผลที่จัดเจน เช่น
- การเรียนทำเครื่องดื่ม จบคอร์สแล้ว ก็เปิดร้านเล็กๆ ของตนเอง ก็จะเสียเวลาเปิดร้านทุกวัน ขายเองทุกวัน หากลูกค้าติดเจ้าของร้าน ก็จะไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้เลย เจ้าของร้านไม่อยู่ ลูกค้าก็ไม่เข้า เพราะอยากจะเจอเจ้าของร้าน
- การเรียนทำเครื่องดื่ม จบคอร์สแล้ว ก็พยายามสร้างสูตรของตัวเอง เพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ไม่เปิดเป็นร้านค้า สินค้าที่ได้ สามารถขายได้ผ่านหลายช่องทาง
ทั้งสงตัวอย่างนี้จะเห็นว่า เวลา ที่เสียไปกับการทำงานนั้นต่างกันอย่างชัดเจน นี่คือตัวอย่างการบริหารเวลาขั้นเทพ หากสามารถทำได้ ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จเร็วกว่าคนอื่น ประสบความสำเร็จอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีเวลาเหลือเฟือด้วยเช่นกัน อย่างการเปิดร้าน ของตนเอง แม้จะเป็นกิจการใหญ่โต มีรายได้มาก แต่ต้องอยู่เฝ้าร้านทุกวัน กับกิจการอีกประเภทที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน แต่ไม่ ต้องอยู่เฝ้าร้าน มีเวลาทำอย่างอื่น นี่คือการรู้จักบริหารเวลา ที่ให้คนเรานั้นประสบความสำเร็จต่างกัน มีเวลาเท่ากันแต่ทำอะไรได้มาก น้อยต่างกัน
เวลาแต่ละวันหายไปไหนต้องหาให้เจอ
ทุกวันนี้มีสิ่งที่ทำให้เวลาของเราถูกเบียดเบียดหรือทำให้เราเสียเวลาอย่างมาก และเสียเวลาโดยไร้ประโยชน์ ที่จะต้องรู้ให้เท่าทัน ตามให้ทัน เช่น
1. โซเชียล การแชท การใช้ Facebook และอีกหลายบริการ ในแต่ละวันนั้น เราเสียเวลาไปกับเรื่องนี้มากน้อยต่างกันไป หากต้องการ ความสำเร็จในชีวิต ต้องจัดระเบียบเรื่องเหล่านี้ให้ดี
2. การใช้งานอินเตอร์เน็ต การอ่านข้อมูล ดูวิดีโอ Youtube นี่คืออีกเรื่องที่ทำให้ชีวิตเสียเวลาอย่างมาก ต้องศึกษาผลดี ผลเสียให้ดี บางคนเน้นติดตามข่าวสาร โดยต้องอัพเดทตัวเองให้ทันทุกเรื่อง การเป็นผู้รู้ในทุกเรื่องเพื่อไว้คุย ไว้แสดงภูมิรู้ของตนเอง ก็ต้องดูด้วยว่า สุดท้ายแล้วได้อะไร เพราะเรื่องเหล่านี้มักจะทำให้เสียเวลามาก วิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดเวลาก็คือ ศึกษาการค้นหาผ่านมือถือให้คล่องๆ เวลา คุยอะไรกับใคร ก็ค้นหาเรื่องนั้นได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาติดตามมากนัก
หลีกเลี่ยงสิ่งทีทำให้ชีวิตเสียเวลา
สิ่งที่ทำให้ชีวิตเสียเวลา มีหลายอย่าง โดยเฉพาะความชอบในเรื่องหนึ่งเรื่องใดตามกระแส ตามเทรนด์ ต้องวิเคราะห์ให้ดี ตามหัวข้อที่ได้กล่าวมา แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่ต้องระวังมากๆ นั่นก็คือ การไปวุ่นวายกับสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เช่น การปลูกต้นไม้ บางคนปลูกไว้รอบบ้านเสียเวลารดน้ำวันละหลายชั่วโมง บางคนมีสัตว์เลี้ยง ต้องดูแลตลอดชีวิต และบางคนมีกิ๊ก ซึ่งสร้างความผูกพันธ์ หากความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นก็จะทำให้เกิดความกังวล ทุกข์ใจ เสียสมาธิในการทำงาน และเสียเวลาที่จะไปทำสิ่งดีๆ ตามที่ต้องใจ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะเข้าไปเกี่ยวข้องจึงต้องคิดให้ดี ส่วนสิ่งที่ไม่มีชีวิตที่ทำให้เสียเวลา ก็มีเช่นกัน อย่างการเล่นรถเก่า ซ่อมไม่รู้จักจับ การแต่งรถ แนวนี้ก็ทำให้ชีวิตเสียเวลาเช่นกัน บางคนชอบแต่งรถ รื้อเครื่อง ทำนู่นนี่ จนรถไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ เสียเวลาซ่อมอยู่บ่อยๆ ข้าวของเครื่องใช้ หากเลือกใช้ของมีคุณภาพ ก็จะไม่เสียเวลาซื้อหรือซ่อมบำรุงดูแลบ่อยๆ
คนส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาหมดไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่กลับต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ไม่รู้จักจัดสรรแบ่งเวลาในการ พัฒนาตัวเอง ซึ่งถ้าสามารถทำได้ ก็จะมีเวลาเหลือมากกว่าคนอื่น เพราะไม่ต้องเรียนรู้หรือศึกษาซ้ำซากนั่นเอง นอกจากนี้ สรรพสิ่งบน โลกใบนี้ก็มีเยอะแยะมากมาย การพยายามทำตัวเป็นผู้รู้ในทุกเรื่อง ไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะการรู้ไว้โชว์พาวเวอร์ โชว์ความสามารถทาง สมอง ซึ่งมักจะทำให้เสียเวลาเปล่า กับการศึกษาหาความรู้ไว้เล่าให้คนอื่นฟังเท่านั้นเอง แต่ความรู้ในลักษณะนี้ไม่ช่วยสร้างรายได้อะไร
เวลาของคนเรามีเท่ากัน ใครจัดสรรเวลาเพื่อพัฒนาตัวเอง และทำงานได้ดีกว่า รู้จักเก็บเวลา พัฒนาตัวเองในทางลัด ก็จะมีเวลา เหลือมากกว่าคนอื่น มีเวลาทำอะไรมากกว่าคนอื่น ถ้าเวลาของคุณหายไป ก็คงจะหาได้ไม่ยากว่า ใครขโมยไป ก็ตัวเรานั่นเอง ไม่ใช่ใครที่ ไหนเลย ตัวเราเองที่ทำให้เวลาหายไป