บทความนี้จะมาแนะนำวิธีใช้ชั่วโมงเน็ต ใช้เน็ตแบบประหยัดเงินสำหรับผู้ใช้แอปเป๋าตัง เพื่อแสกน QR โค้ด จ่ายเงิน ซื้อสิ่งของ และ บริการ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินตัวเอง หรือ ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล แบบต่างๆ

 

 

การใช้แอปเป๋าตังในมือถือแสกน QR โค้ดเพื่อจ่ายเงิน ให้ความสะดวก ไม่ต้องพกพาเงินสด แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายชั่วโมงอินเตอร์เน็ต เพราะในการ ใช้งานแอปอย่าง เป๋าตัง ถุงเงิน จะต้องใช้อินเตอร์เน็ต เพื่อทำการโอนเงิน ไม่เช่นนั้นจะจ่ายเงิน โอนเงินไม่ได้ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจะมีค่าใช้ จ่ายมากน้อยต่างกันไป

 

ค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

การใช้มือถือสมาร์ทโฟนเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีหลายแบบ แต่ละแบบจะมีค่าใช้จ่ายมากน้อยต่างกันไป เช่น

1. เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตโดยไม่สมัครโปรเน็ต

เป็นเชื่อมต่อเน็ตวิธีที่ง่ายที่สุด เพียงเติมเงินในซิม แล้วก็เชื่อมต่อเน็ตได้เลย แต่ข้อเสียก็คือ ค่าใช้จ่ายสูง การคิดเงินจะคิดเป็นนาที หากเผลอ ลืมปิดการเชื่อมต่อ เงินก็อาจจะหมดในวันเดียว หรือในเวลาไม่นาน ต้องฝึกการเชื่อมต่อเน็ต และใช้แอปเป๋าตัง ให้คล่อง และรีบปิดการเชื่อมเน็ต ต่อให้เร็ว หากใช้เวลานาน อาจจะเสียเงินครั้งละประมาณ 5-10 บาท ต่อการแสกนจ่ายหนึ่งครั้ง

 

2. สมัครโปรเน็ตแบบต่างๆ

ปัจจุบันแต่ละค่ายมือถือจะมีค่าสมัครโปรเน็ตที่แพงขึ้นมาก รายจ่ายต่อเดือนเกิน 300 บาท หากคิดจะสมัครไว้ใช้แสกน QR โค้ด เพื่อจ่ายเงิน การใช้หลายเดือนจะสร้างปัญหาทันที อย่างขณะนี้วันที่ 5 มีนาคม หากจะใช้จ่ายให้ยาวนานจึงถึง 31 พฤษภาคม ก็ประมาณ 3 เดือน ค่าเน็ตรวม VAT 7% ก็คงจะประมาณเกือบ 1,000 บาท กรณีนี้ไม่คุ้มอย่างแน่นอน

 

3. สมัครโปรเน็ตความเร็วต่ำ

ซิมเน็ตยังมีอีกแบบ ความเร็วต่ำ แต่ก็เพียงพอ สำหรับการใช้แอปเป๋าตังแสกนเพื่อจ่ายเงิน แต่ซิมแบบนี้จะต้องสั่งผ่านเน็ต จากนั้น ก็สมัครเน็ต แบบความเร็วต่ำ เช่น 150 บาท ความเร็ว 2 Mb ซึ่งก็เพียงพอ แต่ควรเลือกช่วงเวลาที่คนส่วนน้อย ใช้จ่าย เพราะระบบจะทำงานหนัก ต่อให้เน็ต เร็วแค่ไหน ก็จะมีปัญหาในการโอนเงินเหมือนกัน

 

โปรเน็ตแบบนี้ ทั้ง AIS, Dtac และ True ต่างมีขายผ่านเน็ตกันทุกค่าย ลองค้นหาในเว็บไซต์ขายของ จะเป็นการขายซิมเปล่า จากนั้นจะให้เติม เงินเข้าไปเพื่อสมัครเน็ต ราคาซิมรวมค่าส่ง เกิน 50 บาท ส่วนค่าชั่วโมงเน็ตรวม VAT 7% ประมาณ 160 บาท หากเริ่มต้นใช้ตั้งแต่ตอนนี้ (5 มีนาคม) ไปจนกว่าจะถึง 31 พฤษภาคม ประมาณ 3 เดือน จะมีรายจ่ายประมาณ 600 บาท สำหรับชั่วโมงเน็ต

 

ทดสอบการเชื่อมต่อเน็ตแบบไม่สมัครเน็ตของซิม True

ผู้เขียนได้ทดสอบการเชื่อมต่อเน็ต ด้วยซิม True เติมเงินแล้วก็ใช้บริการ โดยไม่สมัครเน็ต แต่ในการทดลองจริง ให้เชื่อมต่อแบบนี้ แล้วลอง จ่ายเงินผ่านแอปเป๋าตัง ด้วยการแสกนคิวอาร์โค้ด แสกนเสร็จแล้ว ต้องรีบปิดเน็ตทันที แล้วก็ตรวจสอบยอดเงิน
1. ก่อนอื่นจะเช็คยอดเงินก่อน การใช้ซิมทรู ให้กด *123# แล้วโทรออก
2. ระบบจะแจ้งกลับมาว่า เช่น มีเงินในซิม 45.23 บาท


4. แตะเปิดการเชื่อมต่อเน็ต หรือ ใช้ข้อมูลมือถือ หรือ อินเตอร์เน็ตมือถือ แต่ละยี่ห้อ คำสั่งจะไม่เหมือนกัน เวลาขณะเปิดใช้งานอยู่ที่ 16:13 น .


5. จากนั้นก็เล่นเน็ตไปตามปกติ ดูยูทูป หรือ ทดลองจ่ายเงินด้วยการแสกน QR โค้ด เพื่อจ่ายเงินจริง
6. ตัดการเชื่อมต่อเน็ต แตะไอคอน หยุดต่อเน็ต จากภาพ ได้หยุดที่เวลา 16:16 น. ต่อเน็ตไปประมาณ 3 นาทีกว่าๆ


7. ไปตรวจสอบยอดเงินที่เหลืออีกครั้ง กด *123# แล้วโทรออก
8. ปรากฏว่าเงินเหลืออยู่ 42.05 หายไป 45.23 - 42.05 = 3.18 บาท

 

การเชื่อมต่อแบบนี้ ต้องมีสติในการใช้งานมากๆ ห้ามลืมปิดการเชื่อมต่ออย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น เงินหมด ไม่เหลือ

 

แนวทางประหยัดเงินกรณีเชื่อมต่อเน็ตแบบนี้

การเชื่อมต่อเน็ตแบบไม่สมัครเน็ตแบบนี้ จะมีค่าใช้จ่ายสูง ต้องหลีกเลี่ยง การแสกนจ่ายเงินบ่อยๆ วันละหลายรอบ ดังนั้นจะต้องวางแผนการ จ่ายเงินให้ดี ไม่เช่นนั้น จะต้องจ่ายค่าเน็ตแพงอย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่น
1. การใช้เงินเพื่อซื้อของใช้หลายรายการ และชิ้นใหญ่ เพื่อประหยัดเงินค่าเน็ต เช่น ซื้ออาทิตย์ละครั้ง
2. กรณีซื้อของที่มีจำนวนมาก ให้ใช้คูปองแทน ตัวอย่าง ซื้อน้ำมันเพื่อเติมรถมอเตอร์ไซค์ขวดละ 30 บาท ในหนึ่งสัปดาห์จะเติม 6 ขวด ก็แสกน จ่าย 6 x 30 = 180 บาท
3. จากนั้นให้เจ้าของร้านออกคูปองในลักษณะนี้ ไว้ให้แลกน้ำมัน แทนเงิน โดยให้เจ้าของเซ็นชื่อกำกับ จะได้ไม่ต้องแสกนโอนเงินทุกครั้ง ทำให้ เสียค่าชั่วโมงเน็ต ทุกครั้ง
4. นอกจากนี้ ก็อาจจะให้ทางร้านทำคูปอง หรือ ทำคูปองไปเอง ให้ร้านเซ็นต์ชื่อกำกับไว้ คล้ายกับการไปกินข้าวในศูนย์อาหาร จะต้องไปแลก คูปอง ใช้คูปอง 100 บาท 50 บาท 10 บาท 5 บาท โดยแสกนเงินเข้าร้านค้าไว้จำนวนหนึ่ง ให้เพียงพอต่ออาหารที่ต้องการซื้อ

 

การใช้ซิมเน็ตแบบเติมเงินทุกเดือน

การใช้ซิมเน็ตแบบนี้ จากที่ได้ค้นหาข้อมูลมาแล้ว ทุกค่ายจะมีโปรโมชันคล้ายกัน ก็คือ ขายซิมเปล่า หาซื้อได้ในเว็บไซต์ขายของ แล้วให้เติมเงิน ตามความเร็วที่ต้องการ เช่น
1. ความเร็ว 10 Mb เติมเงิน 300 บาทต่อเดือน ราคานี้ยังไม่รวม Vat 7%
2. ความเร็ว 4 Mb เติมเงิน 200 บาทต่อเดือน ราคานี้ยังไม่รวม Vat 7%
3. ความเร็ว 2 Mb เติมเงิน 150 บาทต่อเดือน ราคานี้ยังไม่รวม Vat 7%
4. ราคาซิมเปล่าแยกต่างหาก ต้องซื้อจากเน็ต หรืออาจจะสอบถามซิมแบบนี้ จากร้านมือถือใกล้บ้าน ใน 7-11 ว่ามีขายหรือไม่

 

การใช้เน็ตในลักษณะนี้ หากเป็นการใช้งานทั่วไป ดูหนัง วิดีโอยูทูป ไม่สนใจความละเอียดสูงมากนัก ความเร็ว 2 Mb ก็เอาอยู่ ซึ่งโดยรวมแล้ว ก็จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 160 บาทขึ้นไป ต่อเดือน

 

แต่กรณีจะต้องใช้เกิน 6 เดือน ก็ควรใช้ซิมเทพ ซิมรายปี จะดีกว่า เพราะประหยัดกว่า การเติมเงินนั้น จะต้องเติมครั้งละ 50 บาท อย่างโปรเน็ต ความเร็ว 2 Mb เติมเงิน 150 บาท ต่อเดือน ในการใช้งานจริงจะต้องเติมเงิน 200 บาท เพราะมีค่า VAT 7% ดังนั้นหากใช้ซิมเทพ ซิมรายปี ก็จะ ไม่ยุ่งยากกับการเติมเงิน ถ้าจะต้องใช้เน็ตตลอดทั้งปี ก็ควรใช้ซิมเทพรายปีจะดีกว่า ได้ความเร็วสูงกว่าด้วย ไม่เสียค่า VAT ซ้ำๆ ทุกเดือน ประหยัด เงินมากกว่า

 

 

การใช้มือถือเพื่อเชื่อมต่อเน็ต อาจจะมีคนส่วนน้อยที่ไม่ยอมใช้ และไม่ยอมปรับตัว ซึ่งก็จะสร้างปัญหาให้ตัวเองในอนาคต จากประสบการณ์ ที่พบมาจะเป็นผู้สูงวัย หรือ คนมีอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป เป็นชาวบ้านทั่วไป บางคนไม่ยอมรับเทคโนโลยีใหม่เลย สุดท้ายก็กลายเป็นภาระคน รอบข้าง สำหรับใครที่มีพ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย คนใกล้ตัวในลักษณะนี้ ก็ควรหามือถือสมาร์ทโฟนให้ใช้สักเครื่อง สอนการใช้งานเบื้องต้น ใช้มือถือ ต่อเน็ต เล่นไลน์ สมัครโปรเน็ต เป็นต้น เพื่อให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เข้าถึงบริการต่างๆ ของรัฐในอนาคต และรู้จักใช้มือถือสร้างความสุข ให้ตัวเอง

 

ส่วนใครที่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นโครงการเราชนะ คนละครึ่ง การซื้อของใช้ สินค้าต่างๆ ก็ควรจะเลือกร้านด้วยเช่นกัน เพราะไหนจะต้องจ่ายค่าชั่วโมงเน็ตแล้ว บางร้านก็ปรับราคาของขึ้นสูงมาก อย่างร้านนี้ ผู้เขียนไปซื้อของมา เพื่อจะนำมาทำบทความนี้โดยเฉพาะ น้ำยาล้างจาน 15 บาท ในขณะที่โลตัสขาย 10 บาท หากต้องซื้อสินค้าจากร้านเหล่านี้หลายๆ ร้าน เงินคงจะหลายไปหลายพันบาทอย่างแน่ นอน