บทความนี้จะมาแนะนำแนวทางใช้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาล เช่น เราชนะ ม33เรารักกัน คนละครึ่ง ให้คุ้มค่าที่สุด ได้ประโยชน์มากที่สุด โดย เฉพาะสำหรับคนที่ชีวิตกำลังลำบากจริงๆ เพราะหากใช้ไม่คิด ไม่วางแผน การใช้จ่ายบางอย่างจะทำให้เสียเงินมากโดยไม่รู้ตัว
ช่วงนี้ทุกคืนวันพฤหัส จากการนั่งสังเกตุหน้าบ้าน ดูผู้คนจะครึกครื้นกันเป็นพิเศษ รถราวิ่งกันวุ่นไปหมด เพราะมีเงินเข้า ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือ จากรัฐบาล คงจะพากันไปใช้บริการร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ การใช้เงินจำนวนน้อยแบบนี้ สำหรับคนที่ชีวิตกำลังลำบากจริงๆ ได้รับผลกระทบจากโรค ระบาด จะต้องวางแผนให้ดี เพื่อใช้จ่ายให้คุ้มค่าที่สุด
ตัวอย่างการใช้จ่ายที่ไม่คุ้มค่า
การใช้เงินที่ไม่คุ้มค่าในลักษณะนี้มีหลายแบบ สำหรับใครที่จะต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด ควรจะต้องเลี่ยง เช่น
1. การแลกเป็นเงินสด ไม่เพียงผิดกฏหมาย จะเสียประโยชน์ด้วยเช่นกัน แม้รัฐบาลจะห้ามไม่ให้แลกเป็นเงินสด แต่ก็สามารถทำได้ และยากใน การตรวจสอบ ซึ่งการแลกแบบนี้จะเสียร้อยละ 10-20% การแลกเป็นเงินสด 1,000 บาท หากทางร้านหัก 10% ก็จะได้ 900 บาท หากทางร้าน หัก 20% ก็จะได้ 800 บาท
2. การใช้จ่ายในร้านอาหารต่างๆ ผู้เขียนสังเกตุว่ามีหลายร้านที่ปรับราคาขึ้นสูง แพงขึ้น ในช่วงที่รัฐบาลมีโครงการคนละครึ่ง เราชนะ ออกมา อย่างข้าวไข่เจียวจานละ 40 กาแฟจาก 25 บางร้านปรับขึ้นเป็น 35 บาท อาหารเหล่านี้ต้นทุนก็ไม่ได้สูงมาก แต่บางร้านอาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ มี ลูกจ้าง มีค่าเช่า มีค่าผ่อนรถใหม่ ก็จะเอามารวมกับค่าอาหาร หรือฉวยโอกาสขึ้นราคา แต่การจ่ายค่าอาหารที่ 40 บาท ผู้ซื้อไม่ได้ปริมาณมากตามจำนวนเงิน บางร้านแม้จะขึ้นราคา แต่ปริมาณเท่าเดิม
ยิ่งร้านอาหารด้วยแล้ว จะยิ่งแพงมาก อย่างไข่เจียวจานละ 80 บาทแบบนี้ หากใช้บริการร้านเหล่านี้ทุกวัน ก็จะใช้เงินไม่คุ้ม เพราะเงินประมาณครึ่งหนึ่งขึ้นไป จะเป็นกำไรของร้านค้่าเหล่านี้
3. สินค้าของใช้บางอย่าง มีราคาสูง ก็จ่ายออกเป็นเงินสดแทน อย่างน้ำยาล้างจานบางร้านขาย 15 บาท แต่ในโลตัสขาย 10 บาท สินค้าแบบนี้ ยังมีอีกหลายรายการที่จะต้องตรวจสอบให้ดี อย่างแก๊สกระป๋องถ้าขายแยกบางร้านขาย 45-48 บาท แต่หากซื้อรวม 3 กระป๋องจะขายประมาณ 115-130 บาท เงินช่วยเหลือจากรัฐบาล หากนำมาใช้จ่ายกับสินค้าประเภทนี้ดูจะคุ้มค่ามากที่สุด แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีรายได้ทางอื่น จำเป็นจะต้องใช้เงินสด ส่วนใครที่มีรายได้ทางอื่น ยังมีมีรายได้เข้ามา อาจซื้อตุนไว้ใช้ทั้งปี เพราะเดี๋ยวราคาก็จะขายแพงขึ้น ซึ่งก็ยังมีร้านรับคนละครึ่งและเราชนะบางร้าน ยังขายที่ถุงละ 10 บาท
4. การซื้ออาหารกระป๋อง หรือ อาหารใส่ซอง อาหารเหล่านี้แพง ไม่คุ้มค่า และปริมาณที่ได้จะน้อยกว่า อาหารแบบนี้ ควรจะพกติดตัวเวลาเข้าป่า ท่องเที่ยวกางเต็นท์ อาหารเหล่านี้ไม่ควรซื้อตุนเก็บไว้
แนวทางใช้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลให้คุ้มค่า
สำหรับคนที่กำลังลำบากจริงๆ การใช้จ่ายแบบนี้จะคุ้มค่าอย่างแน่นอน
1. ใช้จ่ายไปกับสิ่งที่จำเป็นอย่างข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวทั้งหลาย สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผงซักฟอก ที่โกนหนวด ซื้อตุนเก็บไว้เลย ให้เลือกร้านค้าที่ไม่ปรับราคา ขายในราคาตามปกติ
2. ใช้เงินไปกับสิ่งที่จะต้องจ่ายทุกวัน เช่น ค่าน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ ร้านที่รับเงินคนละครึ่ง หรือ เราชนะ หลายร้านก็ไม่ได้ปรับราคาขึ้น ยังขายเท่า เดิม จะช่วยประหยัดเงินค่าน้ำมันที่ต้องเติมเกือบทุกวัน อย่างน้ำมันเบนซินขวดละ 30 บาท ทางร้านก็ไม่ได้คิดกำไรมากนัก เมื่อเทียบกับข้าวไข่เจียว 40 บาท เราจะเสียเงินให้ทางร้านไม่ต่ำกว่า 15-20 บาท เป็นกำไรของทางร้าน เอาเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมาจ่ายน้ำมันจะคุ้มกว่า
3. เน้นซื้ออาหารสดมาทำกินเอง หรือ ซื้ออาหารสำเร็จมาเพิ่มปริมาณ เช่น ซื้อแกงเขียวหวานไก่ มาเพิ่มเนื้อไก่ เพิ่มผักลงไป ประหยัดเงินไม่ต้องซื้อเครื่องปรุง เพราะหลายร้านทำอาหารรสจัด แม้จะเติมน้ำ เติมเนื้อ เติมผัก รสชาติก็ไม่เพี้ยนมากนัก
บางเมนูอย่างกระเพราหมูสับ สามารถนำมาผัดอีกรอบ จะใส่ผักบุ้ง คะน้า มะเขือยาว เพื่อเพิ่มปริมาณ บางร้านทำรสจัด ไม่ต้องใส่เครื่องปรุงอะไรเพิ่ม ประหยัดเงินกับเครื่องปรุง
4. เรื่องอาหารการกิน หากไม่มีทางเลือกมากนัก อาจจะประหยัดรายจ่ายในส่วนนี้ด้วยการหุงข้าวกินเองในบางมื้อ เช่น กินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหาร ตามสั่ง ที่รับเราชนะ หรือ คนละครึ่ง พร้อมกับสั่งกับข้าวบางเมนูไว้กินมื้อเย็น โดยซื้อกล่องข้าวสแตนเลสเก็บความร้อนมาไว้ใช้ ซึ่งจะสามารถ เก็บความร้อนได้ดี สามารถนำไปเก็บไว้ใต้เบาะรถ หรือในรถ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นรบกวน ร้านอาหารบางร้านปิดช้า ก็สั่งอาหารทิ้งไว้ เวลาจะกลับบ้าน ก็แวะไปเอาก็ได้ ให้ทางร้านทำเป็นเมนูสุดท้ายก่อนจะปิดร้าน ปริมาณขนาดนี้ สำหรับคนทำงาน ถ้าอยู่คนเดียว ก็กิน 2 มื้อได้สบายๆ หุงข้าวกินเองมื้อเย็นกับมื้อเช้า มื้อเที่ยงกินที่ร้านใกล้ที่ทำงาน
สรุป
ผู้เขียนใช้ชีวิตอยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งยังมีร้านอาหาร หลายร้านที่ราคาไม่แพง เน้นหุงข้าวกินเอง ซื้อกับข้าวสำเร็จรูป ถ้าในตลาดสดจะขายถุงละ 20.- / 30.- ถ้าร้านอาหารตามสั่งจะอยู่ประมาณ 50 บาทขึ้นไป ร้านเหล่านี้รับทั้ง เราชนะ คนละครึ่ง ก็พอจะช่วยประหยัดค่าอาหารไปได้บ้าง สำหรับบทความนี้ก็หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังลำบาก มีปัญหาเรื่องการงาน เรื่องรายได้ในช่วงนี้ ขอให้ผ่านไปด้วยดีครับ
สำหรับสิ่งที่อยากจะฝากก่อนจะจากกันในบทความนี้ ก็คือ การประหยัดอย่างเดียวไม่ช่วยอะไรมากนักในระยะยาวจะลำบากเหมือนเดิม
สำหรับคนที่กำลังตกงาน ควรใช้เวลาช่วงนี้ศึกษาพัฒนาตัวเอง ในด้านอาชีพ บางคนเปิดร้านอาหารตามสั่ง ร้านเล็กๆ การได้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ก็สามารถ ซื้อวัตถุดิบ เช่น ซื้อหมู ซื้อเนื้อ ซื้อผัก ซอส น้ำปลา น้ำตาล เกลือ ไข่ ฯลฯ จากร้านที่รับ เราชนะ คนละครึ่ง มาทำอาหารขาย ช่วยลดต้นทุน เหมือนได้วัตถุดิบมาฟรี แต่ทำกำไรมากขึ้น เงินช่วยเหลือ จากรัฐบาล 7,000-8,000 บาท อาจจะช่วยให้ทำกำไรได้หลักหมื่นก็ได้
ยังมีสินค้าอีกหลายอย่างที่สามารถทำได้แบบเดียวกันนี้ มีร้านทุกอย่าง 20 บาท บางร้าน ที่เป็นร้านขายส่ง ที่รับเราชนะ หรือ คนละครึ่ง มี สินค้าให้เลือกมากมาย ที่สามารถนำมาขายต่อได้ หรือนำมาผลิตสินค้าอื่นๆ เพื่อทำกำไรเพิ่มได้ หรืออาจซื้อวัตถุดิบมาผลิตสินค้าของตนเอง
การซื้อวัตถุดิบบางอย่าง อาจจะให้ร้านค้าทั่วไป สั่งมาขายให้อีกที ร้านค้าบางร้านก็จะคิดเพิ่ม 10% ก็ไม่เป็นไร เพราะเมื่อผลิตเป็นสินค้าของ เราเองแล้ว จะมีโอกาสขายทำกำไรได้มากกว่านั้น
สำหรับคลิปนี้ก็หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังประสบความลำบาก มีปัญหาเรื่องการงาน เรื่องรายได้ ในช่วงนี้ ขอให้ผ่านไปด้วยดีครับ