ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้กล่าวถึง คนที่มีสติปัญญา เก่ง มีความฉลาดเป็นพวก บัวพ้นน้ำ สามารถ เรียนรู้เข้าใจ ในเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเองได้ โดยไม่ต้องมีคนสอนสั่ง หรือชี้แนะ ใครที่มีความสามารถในลักษณะนี้ถือว่าได้เปรียบคนอื่น

ความหมาย : สำนวนนี้มักใช้เปรียบเทียบ คนที่มีความฉลาดเรียนรู้อะไรได้เร็ว จะเป็นพวก บัวปริ่มน้ำ เข้าใจ ได้เร็วเพียงมีคนสอนหรือชี้แนะ ซึ่งเจ้าตัว อาจจะยังไม่เข้าใจใน เรื่องนั้น ยังติดในบางเรื่องบางอย่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พอมีคน แนะนำก็เข้าใจได้ทันที ไม่ต้องสอนหรือเคี่ยวเข็นมากนัก

ความหมาย : สำนวนนี้ มักจะใช้พูดถึง คุณสมบัติของคนเราเกี่ยวกับการเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ บางคนเป็น พวก บัวใต้น้ำ สามารถเรียนรู้ได้เพราะความขยันของตัวเอง แต่ ต้องคอยเคี่ยวเข็ญอยู่บ้าง คอยสอนสั่งจึงจะประสบความสำเร็จ คนประเภทนี้ยังดีกว่า พวกบัวในตม ซึ่งไม่สามารถสอนสั่งอะไรได้ ไม่เอาอะไรทั้งนั้น

ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคน ที่ไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้ ไม่สามารถสั่งสอนอะไรได้ สมองไม่ดี หรือเป็นคนที่มีความขี้เกียจมากไม่คิดจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ คน ประเภทนี้บางทีก็จะเรียกว่า บัวในตม อย่าไปเสียเวลาสอนสั่งอะไร ไม่มีประโยชน์ เสียเวลาเปล่า

ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึง คนที่ชอบสะสมข้าวของ ชอบเก็บข้าวของทุกอย่างจนรกเต็มบ้าน ไปหมด กลายเป็นคน บ้าหอบฟาง เก็บข้าวของที่ทั้งมีประโยชน์ และไม่มีประโยชน์รกเต็มบ้านไปหมด คนสูงวัยบางคน ชอบเก็บ สะสมข้าวของเป็นพวกบ้าหอบฟางเก็บทุกอย่างจนเต็มบ้าน แม้จะ ไม่ได้ใช้ทำอะไรเลยก็ตาม