รถเก๋งหรือรถยนต์นั่งเป็นรถยอดนิยมในเมืองไทยรองจากรถกระบะ รถประเภทนี้มีรถมือสองให้เลือกมากมาย แต่การเลือกซื้อก็ต้อง ศึกษาเพราะการยุ่งกับรถยนต์ การซื้อ การมีไว้ในครอบครอง การซ่อมบำรุง การใช้งาน ทุกเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์จะมีรายจ่ายตามมา ตั้งแต่หลักหมื่นบาทถึงหลักล้าน การเลือกรถสักคันจึงต้องมีความเข้าใจ เลือกได้ดี จะช่วยประหยัดเงินและใช้รถอย่างมีความสุข
ทำความรู้จักรถเก๋งมือสองกันก่อน
รถเก๋งหรือรถยนต์นั่ง เป็นรถที่ใช้สำหรับโดยสารคน สมาชิกในบ้าน เป็นหลัก อาจจะมีขนของบ้าง ในรถบางประเภทมีประโยชน์ใช้ สอยที่หลากหลาย อย่าง Honda Jazz หรือรถแนวเดียวกัน เพราะสามารถพับเบาะได้ เพิ่มพื้นที่การขนสิ่งของขนาดใหญ่ได้ รถเก๋งมีตัว เลือกในตลาดรถมือสองค่อนข้างมาก การเลือกรถแบบนี้เพื่อไว้ใช้งานจึงต้องศึกษาในหลายๆ ด้าน เพื่อเลือกรถให้ตรงกับความต้องการ และคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายให้มากที่สุด
อยากได้รถเก๋งมือสองสักคัน ต้องพิจารณาอะไรบ้าง
รถยนต์ให้ความสะดวกสบาย ไม่โดนแดด โดนฝน แถมยังสร้างภาพลักษณ์ เสริมฐานะให้ดูดีได้เช่นกัน โดยเฉพาะรถเก๋ง แต่ก่อนจะ ตัดสินใจเลือกรถสักคันนั้น ก็มีหลายปัจจัยที่จะต้องพิจาณาให้ละเอียดรอบคอบ เช่น
1. ความจำเป็นต้องใช้รถยนต์มือสอง
ก่อนคิดจะซื้อรถยนต์สักคัน สิ่งที่จะต้องพิจารณาเป็นลำดับแรกก็คือ ความจำเป็นที่จะต้องใช้รถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ป้ายแดงหรือ รถยนต์มือสองก็ตาม การซื้อรถยนต์มีรายจ่าย ภาระ การดูแลตลอดอายุการใช้งาน หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรซื้อ บางคนมีความเชื่อผิดๆ ซื้อรถเพื่อให้มีของ มีสมบัติ ซึ่งก็เป็นความคิดที่ผิด ในวันนี้ซื้อรถใหม่ราคา 1,000,000 บาท หลัง 15 ปีผ่านไป มูลค่ารถอาจจะเหลือ เพียง 100,000 บาท และหลัง 20 ปีผ่านไป มูลค่ารถอาจจะเหลือไม่ถึง 50,000 บาท ในขณะที่การซื้อบ้าน ที่ดิน เมื่อเวลาผ่านไป มี แต่จะเพิ่มมูลค่า หลัง 20 ปี อาจจะมีราคาหลักสิบล้านบาทก็เป็นได้
2. ดูการเงิน การงานตัวเองก่อนจะซื้อรถยนต์มือสอง
รถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์มือสองหรือรถยนต์ป้ายแดงก็ตาม จะมีรายจ่ายประจำวัน ประจำเดือน ประจำปี ค่าซ่อมบำรุง และราย จ่ายที่คิดไม่ถึงตามมาอย่างการเกิดอุบัติเหตุ รายจ่ายเหล่านี้จะมากกว่าที่คิดคำนวณไว้ โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยมีรถยนต์มาก่อน จะไม่มี ทางคำนวณรายจ่ายที่แท้จริงได้ถูกต้อง เพราะเมื่อมีรถยนต์ใช้งานจริงๆ แล้ว รายจ่ายบางอย่างจะมาเอง และยากจะควบคุม เช่น การพา ครอบครัวท่องเที่ยว จากที่เคยใช้รถเมล์ รถจักรยานยนต์ ก็จะขับรถยนต์อย่างเดียวเท่านั้น ติดความสบายแล้ว บางคนไปซื้อข้าวแกง ห่างบ้าน 200-300 เมตร ยังขับรถยนต์ นี่คือตัวอย่างรายจ่ายที่ตามมา ที่ยากจะควบคุม ดังนั้นการเงินต้องพร้อมจริงๆ โดยเฉพาะ การซื้อรถเก๋งมือสองเงินผ่อน
3. ดูจำนวนสมาชิกในบ้าน จำนวนผู้โดยสาร
จำนวนสมาชิกในบ้านมีผลต่อการเลือกรถที่ต้องการใช้งาน หากไม่ได้บรรทุกเต็มคันบ่อยๆ การเลือกรถเก๋งขนาดเล็กประหยัดน้ำมัน เป็นเรื่องดี เพราะจะสามารถใช้งานได้ในระยะยาว อาจจะมีบรรทุกเต็มคันบ้าง แต่ไม่บ่อย ก็อดทนกันไปก่อน เพราะเมื่อสมาชิกในบ้าน เริ่มโตขึ้น มีการงาน มีรายได้ แต่ละคนก็จะหาซื้อรถในแบบที่ตัวเองต้องการ การซื้อรถของบางคนจะเผื่อสำหรับการบรรทุกคนเต็มคัน หรือเผื่อไว้บรรทุกสิ่งของ การเลือกรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ อาจจะเป็นความผิดพลาดตามมา เพราะการใช้งานในชีวิตประจำ วันจะมีรายจ่ายสูงกว่า การใช้รถเล็ก ในขณะที่ไม่ได้บรรทุกคน บรรทุกของเต็มคัน แต่นานๆ ครั้งเท่านั้นเอง
4. ดูขนาดเครื่องยนต์ ความประหยัด ความแรง
รถเก๋งรุ่นใหม่ใช้เครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง เครื่องยนต์มีกำลังมาก รถเล็กๆ อย่าง Honda City รุ่นล่าสุด (2017) ยังสามารถ ทำความเร็วปลายได้เกิน 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถเล็กเหล่านี้แม้จะบรรทุกผู้โดยสารเต็มคัน แต่ก็มีกำลังเพียงพอในการเร่งแซงขณะ เดินทางไกล ซึ่งบางครั้งจะต้องแซงรถบรรทุกที่ขับต่อกันยาวเหยียดเป็น 10 คันก็ตาม การเร่งแซงและการบรรทุกผู้โดยสารเต็มคัน ก็ไม่ ได้ทำบ่อยนัก การเลือกขนาดเครื่องยนต์จึงต้องดูความเหมาะสม หากเลือกเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่เกินไป กินน้ำมันมาก ก็จะไม่ สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้
5. ดูขนาดห้องโดยสาร ความกว้าง นั่งสบาย
รถเก๋งรุ่นใหม่มีตัวเลือกที่หลากหลาย บางรุ่น อย่าง Nissan Almera หรือ Suzuki Ciaz เป็นรถเล็กที่มีห้องโดยสารกว้าง รองรับ 5 ที่ นั่งแบบสบายๆ รองรับครอบครัวขนาดเล็กประมาณ 4-5 คน ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ Honda City อาจจะมีห้องโดยสารที่แคบกว่าเล็ก น้อย แต่ยังนั่งสบาย แต่เครื่องยนต์แรงพอสำหรับการเดินทางไกล การเร่งแซง เมื่อเทียบกับสองรุ่นที่ว่ามา แต่บางรุ่นอย่าง Mazada 2 ตัวล่าสุด ประหยัดน้ำมันมาก ช่วงลางดี แต่ห้องโดยสารแคบ ขนาดของห้องโดยสารนั้น เป็นเรื่องสำคัญ เพราะปรับเปลี่ยนแก้ไขยาก หากเลือกผิดสุดท้ายก็ต้องขายรถ เพื่อเปลี่ยนรถใหม่ การเปลี่ยนรถบ่อยๆ ทำให้สูญเสียเงินหลักหมื่นหลักแสนบาทเลยทีเดียว
6. ดูยี่ห้อและรุ่นยอดนิยม
รถเก๋งมือสองยิ่งเก่ามาก ยี่ห้อและรุ่นยอดนิยม ต้องมาก่อน เพื่อความสะบายใจในการใช้งาน การเลือกรถต้องใช้เหตุผลมากกว่า อารมณ์ความชอบ โดยเฉพาะหากเป็นรถคันแรกและคันเดียวในบ้านด้วยแล้ว จำเป็นต้องเลือกรถด้วยเหตุผลเท่านั้น การเลือกรถด้วย อารมณ์ความชอบ ต้องเป็นคันที่สองในบ้าน รถยี่ห้อและรุ่นยอดนิยมจะมีอะไหล่รองรับมาก อู่หรือช่างสามารถซ่อมได้ ขายต่อง่าย ปัญหาจุกจิกกวนใจน้อยกว่า
7. สำรวจข้อมูลปัญหา ข้อเสียในรถรุ่นนั้น
รถเก๋งมือสองแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น ในทุกวันนี้จะมีการทำตลาดมานาน ในอินเตอร์เน็ตก็จะมีการแบ่งปันการแชร์ความรู้เกี่ยวกับรถ แต่ละรุ่น ดังนั้นจงสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับรถที่ต้องการเสียก่อน ข้อดีข้อเสียของรถรุ่นนั้นๆ เช่น Honda City Zx รุ่นปี 2003 เกียร์ออโต้ไม่ ค่อยทน และมีราคาแพงมากหลักแสนบาท แพงกว่าราคารถ หรือบางรุ่นอาจจะมีอะไหล่บางชิ้นที่เสียบ่อยมาก กระจกไฟฟ้า หลังคาผุทั้งปี เป็นต้น
8. ความทนทานของเครื่องยนต์ รถยนต์
รถเก๋งมือสองส่วนใหญ่ในตอนนี้ออกมาหลายปี มีประวัติการใช้งานที่สามารถหาข้อมูลในเครื่องความทนทานของเครื่องยนต์ได้ไม่ยาก ใน Google มีข้อมูลอย่างแน่นอน อย่าง Honda City ตัวแรกสุดในไทย ปี 1996 เครื่องยนต์ 1300 cc ที่ผู้เขียนเคยใช้ปัจจุบัน เจ้าของ คนใหม่ใช้ไปแล้ว 473,071 กิโลเมตร เครื่องยนต์ยังทำงานได้ดี ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เครื่องยนต์ในรถยนต์รุ่นใหม่ค่อนข้างทนทาน แต่ไม่ใช่ทุกรุ่น ต้องศึกษารถรุ่นที่สนใจ ก่อนจะตัดสินใจซื้อ เพราะบางรุ่นเครื่องยนต์จุกจิกมีปัญหา
9. ศึกษาราคาอะไหล่ รายจ่ายค่าซ่อมบำรุงก่อนซื้อรถ
ก่อนจะตัดสินใจซื้อรถเก๋งมือสองรุ่นใดก็ตาม ให้ศึกษาหาข้อมูลราคาอะไหล่เสียก่อน ในเว็บไซต์ขายอะไหล่หรือร้านอะไหล่ใกล้บ้าน หรือสระบุรีอะไหล่ ซึ่งสามารถส่งแฟกซ์เพื่อขอข้อมูลราคาอะไหล่รถรุ่นที่เราต้องการได้ นอกจากนี้ก็ควรหาข้อมูลการซ่อมบำรุงรถรุ่นนั้นๆ อย่างละเอียดก่อนจะตัดสินใจซื้อรถยนต์สักคัน เพราะการซ่อมรถยนต์มือสองนั้น หากไม่ซื้ออะไหล่เอง อู่หรือร้านซ่อมจะคิดราคา อะไหล่บวกเพิ่มอีกเกือบเท่าตัว เช่น น้ำมันเกียร์กระป๋องละ 90 บาท บวกเพิ่มเป็น 180 บาท เป็นต้น หากไม่ซื้ออะไหล่เองจะเสียเงิน หลักหมื่นบาทเลยทีเดียว
10. เลือกรถที่สามารถใช้งานได้ระยะยาวเกิน 10 ปี
รถยนต์รุ่นใหม่โดยเฉพาะรถญี่ปุ่นจะมีอายุการใช้งานยาวนานได้เกิน 10 ปี หากมีการซ่อมบำรุงอย่างดี แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกรถที่ไม่มี ปัญหาจุกจิก หรือมีอะไหล่ ชิ้นส่วนบางรายการที่เสียบ่อยเหมือนถูกตั้งเวลาหมดอายุ เช่น เกียร์ออโต้ในรถบางรุ่นมีอายุการใช้งาน ประมาณ 200,000 กิโลเมตร หรือน้อยกว่านั้นก็ต้องเสียเงินหลักแสนบาทเปลี่ยนเกียร์ใหม่เป็นต้น หากสามารถเลือกซื้อรถและใช้งาน ได้อย่างยาวนานเกิน 10, 15 ปี หรือ 20 ปี ก็จะช่วยประหยัดเงินหลักแสนบาทเลยทีเดียว อย่างคันนี้อายุเกิน 20 ปี เลขไมล์ใกล้ 500,000 กิโลเมตรแล้ว ก็ยังใช้งานได้อีกนาน
เครื่องบินหรือเรือดำน้ำมีอายุการใช้กานเป็นสิบปี เพราะมีการซ่อมบำรุงอย่างดี รถยนต์ก็เช่นกัน หากมีการซ่อมบำรุงอย่างดี เปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ใช้ของแท้ ซ่อมบำรุงอย่างดี ก็จะสามารถใช้งานได้หลายสิบปีเช่นกัน แต่การใช้รถยนต์มือสองส่วนใหญ่จะไม่ทำแบบ นั้น จะใช้กันจนเริ่มมีปัญหามาก ก็จะขายต่อแล้วซื้อใหม่
11. รถยนต์อายุการใช้งาน 3-5 ปีเป็นรถที่ดีที่สุด
รถยนต์มือสองอายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปีเป็นรถที่มีความสมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องซื้อรถใหม่ป้ายแดง เพราะบางคันนั้นใช้งาน น้อยมาก ไม่กี่หมื่นกิโลเมตรเท่านั้นเอง บางคนเบื่ออย่างเปลี่ยนรถ บางคนผ่อนไม่ไหว ในขณะที่รถเหล่านี้ราคาลดลงจากรถใหม่ป้าย แดงประมาณ 30% ขึ้นไป จากรถราคา 1 ล้านบาทอาจจะเหลือเพียง 700,000 บาทหรือน้อยกว่านั้น อย่างบางรุ่น ราคาป้ายแดง 1 ล้านผ่านไปไม่ถึง 5 ปี ราคาลดเหลือประมาณ 400,000 บาทก็มี แต่เลขไมล์ยังน้อยมาก นี่คือรถดีที่ช่วยประหยัดเงินหลักแสนบาท
ตัวอย่างรถยนต์ Mitsubishi Mirage ปี 2012 เลขไมล์ประมาณ 39,xxx กิโลเมตร ปัจจุบันปี 2017 เป็นรถที่ใช้งานน้อยมาก ราคา ที่ลงประกาศขายเพียง 245,000 ซึ่งยังต่อรองได้อีก
การซื้อรถมือสองรองจากมือหนึ่งที่ใช้งานมาตั้งแต่ยังเป็นรถใหม่ป้ายแดงแบบนี้ อย่างรุ่นนี้จะประหยัดเงินมากถึง 215,000 บาท เลยทีเดียว เพราะรถป้ายแดงมีราคาประมาณ 460,000 บาท ได้รถดีในราคาไม่แพง เพียงแต่ต้องดูรถให้ดี สภาพรถต้องดีจริงๆ
การเลือก รถมือสอง เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ไว้ใช้งาน แต่การเงินยังไม่ดีนัก แต่หากเป็นรถคันแรกในบ้านด้วย แล้วจำเป็นต้องพิจาณาอย่างดี เพราะความผิดพลาดจะทำให้เสียเงินก้อนใหญ่ตามมา ซึ่งความผิดพลาดบางครั้งก็ยากจะแก้ไข บางคนมี เพื่อนบ้านหรือญาติพี่น้องขายรถให้ในราคาถูก แต่เป็นรถมือสองที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่หรือรถเปลี่ยนชนิดเครื่องยนต์ ก็ไม่สามารถใช้ งานได้ เพราะการเงินของตัวเองไม่ดีนัก เครื่องยนต์ใหญ่กินน้ำมัน ติดแก๊สก็สร้างปัญหาปวดหัว และยังมีปัญหาจุกจิกกวนใจ จะขายต่อก็ ยาก เพราะถูกกดราคาอย่างมาก ทำใจกับราคาขายต่อไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้จอดในโรงรถ ใช้งานบ้างเป็นครั้งคราว ต้องเสียเงิน เพิ่มซื้อรถเก๋งขนาดเล็กมาไว้ใช้งานอีกคัน
ความผิดพลาดเกี่ยวกับรถยนต์ ยังมีอีกมาก หากขาดความรู้ ความเข้าใจ ก็จะมีแต่เรื่องเสียกับเสีย เสียเงิน เสียเวลา เสียความรู้สึก กับอู่ ช่าง ฯลฯ
ตัวอย่าง ผู้เขียนนำรถไปเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ซึ่งได้ซื้อไว้แล้ว แต่ไม่ได้นำติดรถไปด้วย น้ำมันเกียร์ของรถรุ่นดังกล่าวจะใช้น้ำมันเครื่อง จึงคิดว่า เผื่อไว้ถ่ายน้ำมันเครื่อง โดยได้ซื้อมาในราคากระป๋องละ 90 บาท ขนาด 1 ลิตร แต่อู่ที่ซ่อมบวกราคาเพิ่มเป็นกระป๋องละ 180 บาท ต้องใช้ทั้งหมด 2 กระป๋อง รวมเป็นเงิน 360 คิดค่าแรงอีก 200 บาท
อีกกรณีหนึ่ง การเปลี่ยนวาล์วน้ำสำหรับรถรุ่นหนึ่ง ราคาอะไหล่หากซื้อเองจากร้านอะไหล่ ราคาเพียง 550 บาท แต่การนำรถเข้าไป ใช้บริการในอู่ จะบวกเพิ่มไปอีกรวมค่าแรง เป็น 1000 บาท พอดี อะไหล่ที่มีราคาสูงมาก ก็จะบวกค่าแรงสูงมากเช่นกัน