รถยนต์มือสองปัจจุบันมีให้เลือกตั้งแต่ฟรี ยกให้ฟรีๆ เอาไปผ่อนต่อ หรือซื้อขายในราคาถูกกว่ามอเตอร์ไซต์ก็ยังมี หลักแสน หลัก ล้านก็มีให้เลือกเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญจริงๆ แล้วไม่ได้อยู่ที่ว่า รถมีราคาเท่าไหร่ ต้องดูรายจ่ายที่จะตามมาเมื่อมีรถมือสองไม่เช่นนั้นจะ กลายเป็นว่า มีปัญหาซื้อรถ แต่ไม่มีปํญญาซ่อม ไม่สามารถใช้งานได้ ไม่มีเงินเติมน้ำมัน อยากมีรถสักคันจึงต้องพิจารณารายจ่ายหลาย ด้าน

 

หากผู้อ่านอยากได้ รถยนต์มือสอง ไว้ใช้งานสักคัน และเกิดคำถามในใจว่า อยากซื้อรถมือสองสักต้องใช้เงินอย่างน้อยกี่บาท ในการ ซื้อรถมือสองนั้นๆ คำตอบจริงๆ จะมีหลายแบบเช่น

 

1. ซื้อรถมือสองอายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี กรณ๊นี้ ก็เตรียมเงินไว้จ่ายค่าตัวรถอย่างเดียว ประมาณ 60-70% ของราคาจากรถป้ายแดงของรถรุ่นนั้น รถราคา 500,000 อาจจะ เหลือเพียง 300,000-350,000 เป็นต้น โดยไม่มีค่าซ่อมเพราะอายุรถยังน้อย ไม่มีอะไรต้องซ่อม ตัวอย่าง Mitsubishi Mirage ตัวนี้ ใช้งานน้อยมาก ไม่มีอะไรต้องซ่อมแน่นอน หากไม่เคยมีอุบัติเหตุ จ่ายแค่ค่าตัวรถเท่านั้นเอง จากนั้นก็ดูแล ซ่อมบำรุงตามระยะทาง

 

2. ซื้อรถเก่าที่มีอายุหลายปี แต่เจ้าของดูแลซ่อมบำรุงอย่างดี

รถแบบนี้อาจจะซื้อได้ในราคาไม่กี่หมื่นบาท โดยไม่มีค่าซ่อม เพราะเจ้าของเดิมได้ซ่อมไว้อย่างดีแล้ว ดูและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และซ่อมบำรุงตามระยะทางไปตามปกติเหมือนรถใหม่ แต่.... รถแบบนี้หายากมาก เพราะหากเจ้าของไม่มีปัญหาการเงินจริงๆ ก็คงไม่ ขายอย่างแน่นอน

 

3. ซื้อรถมือสองที่ลงประกาศขายทั้งข้างทาง ในหนังสือซื้อขายรถ หรือเว็บไซต์

การซื้อรถที่ไม่รู้ประวัติเหล่านี้ จำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์เพื่อหาจำนวนเงินที่ต้องจ่ายจริงเพื่อให้ได้รถที่ดีไว้ใช้งาน โดยต้อง พิจารณารายจ่าย 2 ด้าน ก็คือ ราคารถค่าตัวรถและค่าซ่อม บางคันจะเป็นรถที่ใช้งานโดยไม่มีการซ่อมบำรุงและขายตามสภาพ ยาง หมดอายุ ยังไม่ถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำยาแอร์พร่อง ฯลฯ รายจ่ายค่าซ่อมรออยู่หลายหมื่นบาท ในขณะที่บางคันอาจจะมีรายจ่ายน้อยมาก ตัวอย่างการวิเคราะห์แบบต่างๆ ถ้ารถเก่าอายุประมาณภาพด้านล่างจะมีรายจ่ายค่าซ่อมประมาณ 30,000 - 50,000 บาท รออยู่ เพื่อซ่อมให้เป็นรถที่สมบูรณ์สามารถใช้งานได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวเสียกลางทาง

 

การคิดคำนวณราคารถมือสองที่ใกล้เคียงความเป็นจริง

เมื่ออยากได้รถสักคันและมีคำถามว่า อยากซื้อรถมือสองต้องใช้เงินอย่างน้อยกี่บาท ก็จะต้องรู้จักคิดคำนวณราคารถและค่าซ่อมที่ จะตามมาให้ เช่น

 

Honda City Type Z 1.5 EXI ปี 2000 ราคา 96,000

ราคาค่าตัวรถ 96,000 ส่วนค่าซ่อมบำรุงนั้น สียังดี ไม่ต้องทำ ประหยัดไปประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป แต่เครื่องยนต์จำเป็นต้อง ตรวจสอบ ส่วนยางนั้นจะเห็นว่าใช้ล้อขนาดใหญ่ น่าจะขอบล้อ 16 หรือ 17 นิ้ว ซึ่งราคายางค่อนข้างแพง เมื่อเทียบกับขอบล้อ มาตรฐานของรถรุ่นนี้ซึ่งจะป็นขอบ 14 นิ้ว หากใช้ขอบล้อ 17 นิ้ว และยางหมดอายุแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายกับราคายางเกือบ 20,000 บาท ใช้ยางแก้มเตี้ยแบบนี้ โช้คจะเสียเร็วเพราะรับแรงกระแทกมาก ดังนั้น เฉพาะช่วงล่างคันนี้ อาจจะมีค่าใช้จ่ายเกิน 30,000 บาท กับการ ซ่อมบำรุง (ความคิดเห็นส่วนตัว รถอาจจะไม่ได้ปัญหาแต่อย่างใด แต่จากประสบการณ์ที่เคยใช้มา จะเป็นแบบนั้น แม็กดุ้งบ้าง คดบ้าง เพราะถนนไม่ดี ) ดังนั้นคันนี้จึงอาจจะต้องเตรียมเงินไว้อย่างน้อย 150,000 บาท ทั้งค่าตัวรถและค่าซ่อมบำรุง เพื่อทำรถให้ดีและ สามารถใช้งานได้อีกนานเกิน 5 ปีขึ้นไป

 

Honda City ราคา 55,000

รุ่นนี้ค่อนข้างเก่าแล้ว สภาพของเบาะจะบอกพอจะบอกสภาพรภได้ในระดับหนึ่ง รถที่ใช้งานมาก เบาะจะเก่ามาก ใช้งานน้อยก็ไม่เก่า มาก เบาะเก่ามากแต่ถ้าเลขไมล์น้อย แสดงว่าต้องไปทำอะไรกับเลขไมล์ รถอายุขนาดนี้บางคันก็ทำสีก่อนขาย ซึ่งมักจะใช้สีไม่ดีนัก ไม่ นานก็จะมีรายการทำสีหลักหมื่นตามมา ดูสภาพยางเป็นอย่างไรบ้าง หมดอายุหรือยัง ดูหม้อน้ำเคยล้างหรือไม่ เติมน้ำยาหม้อน้ำหรือไม่ หากรถไม่เคยมีการซ่อมบำรุง สรุป

นอกจากค่าตัวรถประมาณ 55,000 บาทแล้ว ก็จะมีค่าซ่อมใหญ่ ซ่อมทีเดียวให้จบเพื่อใช้งานนานๆ แบบสบายใจอีกประมาณ 50,000 บาท หากผู้เขียนตัดสินใจเลือกรถคันนี้ ก็จะต้องเตรียมเงินไว้อย่างน้อย 100,000 บาท สไตล์การซื้อและการซ่อมของแต่ละ คนจะไม่เหมือนกัน บางคันเน้นขับไปซ่อมไป แต่ผู้เขียนเน้นซ่อมใหญ่จัดใหญ่ แล้วทำประวัติรถเหมือนรถใหม่ อะไรเสีย ก็จะรู้ได้ทันที ขับ ไปซ่อมไป จะมั่วไปหมด ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เพียงแต่จะมีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่เท่านั้นเอง แต่สบายใจ จบ

 

หากผู้อ่านต้องการรถมือสองสักคัน แล้วเกิดคำถามว่า ต้องใช้เงินเท่าไหร่ บทความนี้คงจะมีคำตอบ เพราะรถมือสองจะคิดแค่ราคา รถอย่างเดียวไม่ได้ ต้องคิดค่าซ่อมบำรุงเข้า บางทีก็ต้องคิดค่าโง่ของตัวเองเข้าไปด้วย หากเลือกรถไม่เป็น ซ่อมไม่เป็น โดยค่าซ่อมบำรุง จะมากหรือน้อย จำเป็นต้องวิเคราะห์สภาพรถและคำนวณค่าใช้จ่ายให้ดี

บางคันเปิดฝาหม้อน้ำแล้วน้ำมีสีแดง ขึ้นสนิมแบบนี้ แสดงว่า มีรายจ่ายตามมาเกือบหมื่นบาท เช่น ล้างหม้อน้ำหรืออาจจะต้องเปลี่ยนใหม่หากหม้อน้ำตัน เปลี่ยนวาล์วน้ำ เปลี่ยนปั้มน้ำ การ เปลี่ยนปั๊มน้ำจะมีชิ้นส่วนในตำแหน่งเดียวกันที่จะต้องเปลี่ยนไปด้วยอย่าง สายพานไทมิ่ง สายพานต่างๆ รวมแล้ว อาจจะเกิน 15,000 บาท