บทความจะมาแนะนำวิธีดูภายในรถยนต์มือสองก่อนตัดสินใจซื้อ การดูภายในรถยนต์ นอกจากจะสำรวจตรวจดูชิ้นส่วนต่างๆ ภายในห้องโดยสารแล้ว สภาพภายในก็สามารถบอกอะไรได้หลายอย่างเช่นกัน อย่างเบาะเก่า แต่เลขไมล์น้อย ดูผิดปกติแบบนี้ แสดงว่า ต้องกรอไมล์แน่นอน สภาพเครื่อง สภาพรถอาจจะแย่กว่าที่เห็น เป็นต้น
ภายในห้องโดยสารของรถยนต์จะมีส่วนต่างๆ ที่จะต้องดูไปตามลำดับเช่น
1. คอนโซลหน้า ให้ดูว่า สภาพเป็นอย่างไรบ้าง เก่า โทรม มากเพียงใด แตกหัก ชำรุดหรือไม่ เลือกรถที่มีสภาพสมบูรณ์ อุปกรณ์ครบและยังใช้งานได้ดี
2. ดูหน้าปัทม์ เลขไมล์รถมากน้อยเพียงใด แล้วนำมาคำนวณระยะทางที่ใช้รถในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี ขับรถในระยะทางกี่กิโลเมตร ตัวเลข เลขไมล์นั้นจะบอกสภาพรถได้หลายอย่าง เช่น
- อุปกรณ์ภายในจะไม่ถูกใช้งานมากเกินไป
- เบาะต่างๆ ยังคงสภาพดี
- หากเป็นรถใช้งานต่างจังหวัด การจราจรค่อนข้างโล่ง เครื่องยนต์จะไม่ทำงานหนัก รถยนต์จะยังใช้งานได้อีกนาน อย่างคันนี้ เลขไม 294, 869 ผู้เขียนซื้อรุ่นเดียวกัน เลขไมล์มากกว่า 430,000 กิโลเมตร ก็ยังใช้งานได้ดี ขับขึ้นเขาใหญ่ เที่ยวกางเต็นท์ เดินทางไกล ข้ามจังหวัด คันนี้จึงใช้งานได้อีกหลายปี แต่ต้องซ่อมบำรุงให้ดีก่อนใช้งาน
3. Honda City Type Z ปีประมาณ 2000 คันนี้เลขไมล์ประมาณ 219,000 กิโลเมตร นี่ก็ยังใช้งานได้อีกนาน ดูแลดีๆ ก็เกิน 400,000รุ่นนี้เพื่อนผู้เขียนเคยใช้ แต่เครื่องยนต์ตัวเดียวกัน เลขไมล์ประมาณ 400,000 ยังขับเที่ยวภาคเหนือได้ ขึ้นดอยตุง ภูชีฟ้าได้สบาย
4. สภาพเบาะ ดูสภาพเบาะ เก่ามากหรือไม่ ทั้งเบาะหน้าและหลัง หากมีสภาพเก่าหรือโทรมทั้งคัน แสดงว่า บรรทุกหนัก หรือเก่าเฉพาะคู่หน้า ก็แสดงว่านั่งแค่สองคนเสียมากกว่า ช่วงล่างก็จะไม่สึกหรอมาก หากเบาะขาด ก็มีค่าซ่อม ค่าเย็บเบาะ ก็ต้องดูว่า แค่ด้ายหลุดหรือขาด เบาะผ้าแพงกว่าเบาะหนังเทียม ส่วนเบาะหนังแท้แพงที่สุด ก็ต้องวิเคราะห์ให้ดี เพราะนี่คือค่าซ่อม เลขไมล์รถกับเบาะควรสัมพันธ์กันเลขไมล์น้อย เบาะต้องมีสภาพดี
5. อุปกรณ์ภายใน สำรวจอุปกรณ์ภายในอื่นๆ ครบหรือไม่ ชำรุดหรือไม่
6. พรมปูพื้น การดูพร้อมปูพื้น ก็จะบอกอะไรบางอย่างได้เช่นกัน เช่น การใช้งานมากน้อยเพียงใด เลขไมล์รถน้อย แต่พรมปูพื้นหรือเบาะโทรมมาก ก็อาจจะกรอเลขไมล์ แก้ไขเลขไมล์ การซื้อรถในกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียงในช่วงที่เจอน้ำท่วมหนัก อาจจะได้รถจมน้ำ จึงควรดูรถต่างจังหวัดจะดีกว่า
7. ตรวจสอบรายละเอียด ปลีกย่อยอื่นๆ เช่น ไฟในรถ ดูยางขอบประตู สภาพยาง ซึ่งจะบอกได้ว่า จอดแบบไหน ตากแดด ตากฝนหรือไม่ เจ้าของรถที่มีที่จอด ไม่ตากแดด ตากฝน รถย่อมอยู่ในสภาพดีทั้งภายในภายนอก หากเป็นเจ้าของบ้านจริงๆ ตรงตามที่อยู่ในเล่มบ้านที่มีฐานะ ก็ย่อมจะดูแลรถยนต์เป็นอย่างดีเช่นกัน แต่ก็มีบางคนที่ใช้แบบไม่สนใจ
8. การดูท้ายรถให้เปิดพรมเพื่อดูลายที่พื้น จะต้องเหมือนเดิมจากโรงงาน หากเคยโดนชนท้ายหนักๆ การซ่อมอาจจะไม่เหมือนเดิม
สรุป
สภาพภายในของรถ ให้เลือกคันที่มีความสะอาด อุปกรณ์ครบ ไม่แตกหัก หรือพิจารณาแล้ว มีค่าซ่อมน้อยที่สุด จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้