หากคุณมีบริษัทขายสินค้าประเภทหนึ่ง มีพนักงานขายทั้งหมด 12 คน แต่ละคนรับผิดชอบ ในแต่ละเขตโดยแบ่งเป็น 2 เขต คือ กรุงเทพ และต่างจังหวัด ในการ จ่ายค่าตอบแทนให้พนักงาน จะจ่าย โดยมีเงื่อนไขดังนี้
1. จ่ายเงินเดือน ตามอายุงาน ประสบการณ์ ความสามารถ
2. จ่ายเบี้ยเลี้ยง จะพิจารณาดังนี้
- ถ้าเขตที่พนักงานทำงาน อยู่ในกรุงเทพจ่ายเดือนละ 2000 บาท
- ถ้าเขตที่พนักงานทำงาน อยู่ในต่างจังหวัดจ่ายเดือนละ 3000 บาท
3. จ่ายค่าคอมมิสชั่น จะพิจารณาดังนี้
- ถ้ามียอดขายตั้งแต่ 1000000 บาทขึ้นไป จะให้ค่าคอมฯ 4% ของยอดขาย
- ถ้ามียอดขายตั้งแต่ 700000 บาทขึ้นไป จะให้ค่าคอมฯ 3% ของยอดขาย
- ถ้ามียอดขายตั้งแต่ 400000 บาทขึ้นไป จะให้ค่าคอมฯ 2% ของยอดขาย
- ถ้ามียอดขายตั้งแต่ 200000 บาทขึ้นไป จะให้ค่าคอมฯ 1% ของยอดขาย
- ถ้ามียอดขายน้อยกว่า 200000 บาท จะไม่จ่ายค่าคอมฯ
ในการคำนวณลักษณะนี้ก็จะยากขึ้นมาอีกนิดหน่อย เพราะตัวเลขค่อนข้างมาก และซับซ้อน

1. คุณอาจแยกเป็นเดือนๆ เหมือนในสถานการณ์ที่ 2 แล้วค่อยสรุปภายหลัง หรืออาจจะสร้าง เป็นเทมเพลทก็ได้ โดยให้ช่องยอด ขาย คือ เซลล์ E3 - E14 เป็น 0 เพราะยอดขายแต่ละเดือนไม่แน่นอน ส่วนเซลล์ D3 - D14, F3 - F14 และ G3 - G14 ก็คำนวณให้ เรียบร้อย
2. ให้คุณป้อนข้อมูลตามตัวอย่าง ยกเว้นในเซลล์ D3 - D14, F3 - F14 และ G3 - G14 ห้ามพิมพ์ข้อมูลใดๆ เพราะต้องพิมพ์สูตร

 

3. การคำนวณหาเบี้ยเลี้ยงที่จะพิมพ์ในเซลล์ D3 จะใช้สูตร If
โครงสร้างของสูตร =if(เงื่อนไขที่หนึ่ง;if(เงื่อนไขที่สอง;......))
การคำนวณเบี้ยเลี้ยงจะมีอยู่ 2 เงื่อนไขก็คือ
- ถ้าเขตที่พนักงานทำงาน อยู่ในกรุงเทพ (C3=”กทม”) จ่ายเดือนละ 2000 บาท
- ถ้าเขตที่พนักงานทำงาน อยู่ในต่างจังหวัด (C3=”ตจว”) จ่ายเดือนละ 3000 บาท
จากประโยคข้อความ เราจะมาตีความให้เป็นประโยคทางคณิตศาสตร์ ก็จะได้ดังนี้
if(C3=”กทม”;2000
if(C3=”ตจว”;3000
จากนั้นก็นำสูตรทั้งสองมารวมเข้าด้วยกัน ในแต่ละเงื่อนไขให้คั่นด้วยคอมม่า วงเล็บปิด ด้านท้ายต้องสัมพันธ์กับวงเล็บเปิดด้านหน้า เช่น เปิด 2 ก็ต้องปิด 2 แล้วก็ กด Enter เสร็จแล้ว ก็อปปี้ไปจนถึงเซลล์ D14
=if(C3=”กทม”;2000;if(C3=”ตจว”;3000))

 

4. การคำนวณหาค่าคอมมิสชั่นในเซลล์ F3 ก็คล้ายๆ กัน ใช้สูตร If
การคำนวณจะมีอยู่ 5 เงื่อนไข
- ถ้ามียอดขายตั้งแต่ 1000000 บาทขึ้นไป (E3>=1000000) จะให้ค่าคอมฯ 4% ของยอดขาย (E3*4%)
- ถ้ามียอดขายตั้งแต่ 700000 บาทขึ้นไป (E3>=700000) จะให้ค่าคอมฯ 3% ของยอดขาย (E3*3%)
- ถ้ามียอดขายตั้งแต่ 400000 บาทขึ้นไป (E3>=400000) จะให้ค่าคอมฯ 2% ของยอดขาย (E3*2%)
- ถ้ามียอดขายตั้งแต่ 200000 บาทขึ้นไป (E3>=200000) จะให้ค่าคอมฯ 1% ของยอดขาย (E3*1%)
- ถ้ามียอดขายน้อยกว่า 200000 บาท (E3<\<>200000) จะไม่จ่ายค่าคอมฯ (E3*0%)
จากประโยคข้อความ เราจะมาตีความให้เป็นประโยคทางคณิตศาสตร์ ก็จะได้ดังนี้
if(E3>=1000000;E3*4%
if(E3>=700000;E3*3%
if(E3>=400000;E3*2%
if(E3>=200000;E3*1%
if(E3<\<>200000;E3*0%
จากนั้นก็นำสูตรทั้งหมดมารวมเข้าด้วยกัน ในแต่ละเงื่อนไขให้คั่นด้วยคอมม่า วงเล็บปิด ด้านท้ายต้องสัมพันธ์กับวงเล็บเปิดด้านหน้า เช่น เปิด 5 ก็ต้องปิด 5 แล้ว ก็กด Enter เสร็จแล้วก็อปปี้ ไปจนถึงเซลล์ F14
=if(E3>=1000000;E3*4%;if(E3>=700000;E3*3%;if(E3>=400000;E3*2%;if(E3>=200000; E3*1%;if (E3<\<>200000;E3*0%)))))
5. การคำนวณรวมเงินในเซลล์ G3 ก็คือ เงินเดือน+เบี้ยเลี้ยง+ค่าคอมฯ หรือ =B3+D3+F3
6.แล้วก็คำนวณยอดรวมทั้งหมดด้านล่างด้วยเพื่อจะได้ทราบว่าในแต่ละเดือนจะจ่ายเงินให้ พนักงาน เท่าไรบ้าง เช่น ยอดรวมเงิน เดือนทั้งหมด 113,500 บาท เบี้ยเลี้ยง 30,000 บาท เป็นต้น