บทความนี้จะมาแนะนำวิธีฝึกขับรถยนต์ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ โดยเฉพาะการฝึกขับรอบสนามฟุตในต่างจังหวัด ซึ่งหลายคนนิยมกันมาก เพราะ ไม่มีรถรามารบกวน จึงสามารถฝึกขับได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ต้องรู้เทคนิควิธีฝึกขับรถด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้น ก็จะเสียเวลา และเสียค่าน้ำมันมาก เปล่าๆ แต่ฝีมือไม่พัฒนาอย่างที่ควรจะเป็น
การฝึกขับรถยนต์ด้วยตัวเอง ไม่ยาก เพียงแต่ต้องศึกษาเทคนิควิธีขับรถเสียก่อนจะลงมือฝึกขับจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะเสียเวลา อย่างบางคนฝึกขับ รอบสนามฟุตบอล ก็ขับวนอยู่อย่างนั้น แบบนี้โอกาสพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น ก็คงจะไม่ง่าย
เทคนิคการฝึกขับรถด้วยตัวเอง
วิธีฝึกขับรถตามที่แนะนำนี้ จะช่วยให้มือใหม่กำลังฝึกขับรถ ขับเป็นเร็วแน่นอน
1. ศึกษาและทำความคุ้นเคยกับรถก่อน
อย่างแรกเลยก็ต้องศึกษาเกี่ยวกับรถที่จะใช้กับ เกียร์เป็นแบบใด รถเก๋งหรือกระบะ ซึ่งวงเลี้ยวจะต่างกัน ความง่ายก็เช่นกัน และให้ผู้สอนซึ่งอาจ จะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง ขับให้ดูเป็นตัวเองก่อน ว่าจะต้องขับแบบใด จากนั้นก็ฝึกขับด้วยตัวเอง เริ่มจากขับวนไปช้าๆ รอบสนามฟุตบอล หรือ ถนนที่มีความปลอดภัย หรือหาสถานที่ที่ค่อนข้างโล่ง สามารถฝึกขับรถได้ ทำความคุ้นเคยกับรถก่อน ขับโดยไม่ต้องใช้ความเร็วมากนัก
การฝึกขับรถให้ฝึกขับทั้ง 2 แบบ คือขับวนซ้าย และขับวนขวา เพื่อจะได้ฝึกเลี้ยวรถทั้ง 2 ทิศทางให้คล่อง
2. เพิ่มความเร็วมากขึ้น
หลังจากฝึกขับวนช้าๆ ไปตามถนน จนคุ้นเคยกับรถ ควบคุมรถได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว คราวนี้ก็เพิ่มความเร็ว ฝึกออกตัวให้เร็วขึ้น และฝึกควบคุม รถ เมื่อมีความเร็วสูงขึ้น และชะลอรถเมื่อใกล้ถึงจุดเลี้ยว ฝึกเบรกเมื่อขับด้วยความเร็วสูงให้ชำนาญ สามารถเบรคได้อย่างนุ่มนวล กรณีเป็นรถ เกียร์ธรรมดา ก็ฝึกเปลี่ยนเกียร์ให้คล่อง การเลี้ยวนั้น หากเป็นพื้นที่โล่งกว้าง มีความปลอดภัย ให้ฝึกเพิ่มความเร็วในการเข้าโค้งด้วยเช่นกัน
3. ฝึกควบคุมรถขับให้ขนานกับเส้นขอบทาง
การฝึกขับวนรอบสนามฟุตบอล ซึ่งไม่มีเส้นขอบทาง จะทำให้มีปัญหาเวลาขับรถบนถนนจริง ดังนั้นให้ทำเส้นขอบทาง หากเป็นพื้นดิน ก็อาจจะ ใช้ไม้ขีดไปตามพื้นดิน เพื่อทำเป็นเส้นตรง หรืออาจจะใช้เชือกฟางมาวางบนพื้นเป็นเส้นตรงก็ได้ หรือกรณีฝึกขับบนถนนคอนกรีด ก็จะมีเส้นแบ่งที่ ใช้เป็นแนวในการฝึกขับรถได้
จากนั้นก็ฝึกควบคุมรถ โดยพยายามมองผ่านกระจกมองข้างด้านซ้าย ให้ตัวรถด้านซ้าย ขนานไปกับเส้นที่ขีดเป็นเส้นตรงเอาไว้ แต่ถ้าจะให้ดี ควรทำเส้นทั้ง 2 ด้าน และดูกระจกมองข้างทั้งซ้าย ขวา พยายามควบคุมรถให้ตัวรถแล่นขนานไปกับเส้นที่ขีดเอาไว้ โดยฝึกขับทั้งวนซ้าย และ วนขวา
4. ฝึกเข้าโค้ง ออกจากโค้งด้วยความเร็ว
ในการฝึกขับรถนั้น เมื่อขับถึงโค้งให้ชะลอรถ หรือจอดนิ่ง แล้วฝึกออกตัวให้เร็วขึ้น ฝึกให้คล่อง เพราะในการขับจริง เวลาออกจากซอย หรือจะ เลี้ยวเข้าซอย ซึ่งต้องการความเร็ว ก็จะได้ใช้ทักษะนี้ ไม่เช่นนั้น อาจจะเกิดอันตรายจากรถที่กำลังจะตามมา หรือสวนทาง การฝึกต้องฝึกทั้ง 2 ทิศ ทาง คือ เลี้ยวซ้าย และ เลี้ยวขวา
การฝึกออกจากโค้งหรือแยก แล้วเลี้ยวขวา ก็ต้องฝึกให้คล่องเช่นกัน สิ่งสำคัญก็คือ การหมุนพวงมาลัย ค่อยๆ เพิ่มความเร็วรถทีละนิดๆ จนกว่า จะเข้าใจการทำงานของพวงมาลัย ไม่ฝึกให้ชำนาญบางคนพลาดลงข้างทาง หรือ ขึ้นฟุตบาทก็มี
5. ฝึกใช้สัญญาณไฟขณะเลี้ยว
ในขณะเลี้ยวรถ ก็ต้องฝึกใช้สัญญาณไฟเลี้ยวให้คล่องเช่นกัน เพราะเวลาขับบนถนนจริง สัญญาณไฟเลี้ยวสำคัญมาก ผู้เขียนเคยขับรถซึ่ง สัญญาณไฟเลี้ยวเสีย ไฟเบรกก็เสีย เพราะหนูกัดสายไฟขาด แต่ไม่รู้ตัว ทำให้เกือบจะเกิดอุบัติเหตุ เพราะรถที่ตามมาก็ไม่ยอมชะลอความเร็ว อันตรายมาก มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นเมื่อจะเลี้ยว กรณีขับรถยนต์จะต้องไม่ลืมให้สัญญาณไฟเลี้ยวอย่างเด็ดขาด
6. ทำเส้นแบ่งถนนที่มุมที่จะเลี้ยว
การฝึกขับวนรอบสนามฟุตบอลซึ่งไม่มีเส้นแบ่งถนน หรือเส้นขอบทาง ในการขับรถจริง ก็อาจจะสร้างปัญหาไปเฉี่ยวชนคันอื่น หรือเข้าไปใน เลนของรถคันที่สวนทางมา ดังนั้น ที่มุมทั้ง 2 ดัาน ให้ขีดเป็นเส้นแบ่งถนน หรือ หาสิ่งของไปวางเป็นแนว เหมือนเป็นเส้นแบ่งถนน จากนั้น ก็ฝึกขับ รถ โดยเลี้ยวรถให้อยู่ในเลนของตัวเอง เช่น เลี้ยวซ้าย ก็ต้องอยู่เลนซ้าย ไม่ล้ำไปเลนขวา
การฝึกเลี้ยวขวาก็เช่นกัน ให้อยู่ในเลนตัวเอง อย่าล้ำไปเลนอื่น ฝึกให้คล่อง
7. ฝึกเลี้ยววนเป็นวงกลม หรือฝึกกลับรถ
หากที่ฝึกขับรถ มีพื้นที่กว้าง ก็ให้ฝึกเลี้ยวเป็นวงกลม หรือฝึกเลี้ยวแบบกลับรถนั่นเอง ฝึกทั้งการเลี้ยวซ้าย และ เลี้ยวขวา หาสิ่งของไปวาง สมมุติว่าเป็นเกาะกลางถนน หรือจุดกลับรถ แล้วฝึกกลับรถ ฝึกทั้งวนซ้าย และวนขวา ฝึกให้คล่อง และค่อยๆ เพิ่มความเร็ว เพราะในการขับจริง จะ ช่วยได้มาก หากเจอถนนที่มีรถคับคั่ง ก็จะสร้างปัญหา ไม่สามารถกลับรถได้ บางคนเลี้ยวแล้วก็กลับขึ้นเกาะกลางถนนกลับไปทางเดิมก็มี ต้องฝึก ให้คล่อง
8. ฝึกขับเดินหน้าหรือถอยหลังให้อยู่ในเลน
ให้ขีดเส้นเส้นทั้ง 2 ด้าน ซ้าย ขวา ของตัวรถ หรือหาสิ่งของไปวางเป็นแนวก็ได้ ใช้เชือกฟางก็ได้ แล้วฝึกขับรถเดินหน้า และ ถอยหลัง โดยให้ตัว รถขนานไปกับเส้น อย่าเหยียบเส้น ให้มองกระจกมองข้างทั้งซ้ายขวา แล้วดูท้ายรถว่าขนานกับเส้นหรือไม่ การขยับพวงมาลัยอย่าขยับมาก ฝึกให้ คล่อง ไม่เช่นนั้นเวลาขับจริง ก็อาจจะล้ำไปเลนอื่น ท่านี้เป็นท่าสอบใบขับขี่ด้วยเช่นกัน ต้องทำให้ได้
9. ฝึกถอยจอด หรือขับรถเข้าที่จอดรถ
วิธีนี้จะเป็นการฝึกถอยจอด หรือ ขับรถเข้าที่จอดในโรงรถ ให้หาไม้มาปักให้มีระยะห่างใกล้เคียงกับโรงรถ แล้วก็ฝึกถอยจอด หรือ ขับรถเข้าที่ จอดรถ ซึ่งจะมีวิธีง่ายๆ คือ
1. จับรถผ่านที่จอดรถ เลยช่องที่จะเข้าเล็กน้อย
2. หมุนพวงมาลัยพร้อมกับขยับรถถอยหลัง ทีละนิด ขยับรถถอยหลังประมาณ 30 เซนติเมตร แล้วหยุดรถ ดูก่อนว่า ท้ายรถเข้าซองหรือยัง พร้อมกับหมุนพวงมาลัยปรับไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าช่องจอดรถ เทคนิคง่ายๆ ก็คือ ห้ามขยับรถเกิน 30 เซนติเมตร แล้วหยุดดูท้ายรถก่อน จาก นั้นก็ขยับต่อ ยิ่งพื้นที่จอดรถแคบ ก็ยิ่งต้องขยับรถให้ระยะทางสั้นลง และหมุนพวงมาลัยมากขึ้น ไม่เช่นนั้นจะควบคุมรถยากมาก
ส่วนการฝึกขับรถเข้าที่จอดรถ ให้ใช้วิธีง่ายๆ ดังนี้ 1. ตัวอย่างจะเลี้ยวขวาเข้าที่จอดรถ ให้พยายามชิดซ้ายให้มากที่สุด
2. เลี้ยวเข้าช้าๆ ขยับรถทีละนิดเช่นกัน
3. เสียบหัวรถให้อยู่ประมาณกลางๆ ของช่องจอดรถแล้วหยุดรถ
4. หมุนพวงมาลัยไปทางขวามือให้สุด แล้วขยับรถทีละนิดๆ จนกว่าตัวรถจะตั้งตรง อาจจะถอยหลัง หรือเดินหน้า เพื่อขยับรถ หากรถไม่อยู่ตรง กลางช่อง จำไว้ว่า การขยับรถไม่ว่าจะไปข้างหน้า หรือขวางหลัง ต้องขยับทีละนิด พร้อมกับหมุนพวงมาลัยไปด้วย ขยับรถไม่เกิน 30 เซนติเมตร แล้วหยุดดูรถก่อน ยิ่งพื้นที่แคบมาก การขยับรถก็ต้องสั้นมาก พร้อมกับหมุนพวงมาลัยไปด้วย
ในการขับรถเข้าที่จอดรถจริงๆ ก็ใช้วิธีนี้
1. จากภาพมีรถจอดอยู่ 2 คัน จะเลี้ยวขวาเข้าที่จอดรถ ให้ชิดซ้ายเข้าไว้ เพื่อจะได้เลี้ยวได้ง่ายๆ
2. เลี้ยวขวาช้าๆ เข้าช่องจอดรถ ขยับรถทีละนิด
3. ให้เลี้ยวโดยให้มุมซ้ายของรถ เข้าไปชิดๆ ด้านขวาของรถคันสีแดง แล้วหยุดรถ
4. หมุนพวงมาลัยไปทางขวามือสุด แล้วขยับรถช้าๆ ขยับๆ หยุดๆ พร้อมกับดูว่า อยู่ในตำแหน่งที่พอดีหรือยัง ถ้าพอดีแล้วก็เดินหน้า หรือถอยหลัง ขยับรถให้เข้าที่
ส่วนการขับรถออกจากที่จอดรถ ก็ใช้วิธีง่ายๆ ดังนี้
1. ในที่นี้ต้องการถอยออกทางขวามือ ขณะที่รถจอดอยู่นิ่งๆ ให้หมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายมือสุด
2. ขยับรถถอยหลังช้าๆ ขยับนิดเดียวแล้วหยุดดูรถก่อน ยิ่งที่จอดรถแคบมาก ก็ต้องขยับรถให้น้อยที่สุด ให้มุมหน้าขวาของรถไปหยุดอยู่ใกล้ๆ ด้านซ้ายของรถคันสีขาว ระวังอย่าขยับรถเร็ว จะเกิดอุบัติเหตุได้
3. หมุนพวงมาลัยให้ตรง แล้วขยับรถถอยหลัง หากพื้นที่แคบมาก ก็ให้หยุดรถ แล้วทำแบบเดิม ตั้งแต่ข้อที่ 1 - 3 จนกว่าตัวรถจะออกมาอยู่นอก ช่องจอดรถ แล้วก็ขับรถออกไปได้เลย สิ่งสำคัญมาก ก็คือขยับรถทีละนิด แล้วหยุดดูรถก่อน
การฝึกขับรถออกจากที่จอด กรณีเอาท้ายเข้า ก็จะใช้อีกวิธีที่ง่าย เช่นกัน
1. กรณีถนนด้านหน้ากว้าง ก็ขับรถออกไปได้เลย
2. กรณีถนนด้านหน้าแคบมาก ให้ถอยรถไปด้านหลังเท่าที่จะสามารถทำได้ หันหัวรถไปทิศทางตรงกันข้ามที่จะขับรถออก ให้ชิดกับรถคันข้างซ้าย หรือขวา แล้วค่อยๆ ขยับรถออกมาก ที่จอดรถแคบมาก ก็ยิ่งจะต้องค่อยขยับออกมาทีละนิด
10. ฝึกจอดรถเข้าซอง
การฝึกจอดรถระหว่างรถคันอื่น ที่อยู่ข้างหน้า ข้างหลัง เป็นทักษะที่จะต้องศึกษา เพราะจะต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
1. ขับรถช้าๆ เข้าช่องจอดรถ ขยับทีละนิด แล้วหยุดรถ ดูก่อนว่า จะสามารถเข้าได้หรือไม่ ที่จอดแคบ จะใช้การหมุนพวงมาลัยมากหน่อย
2. อาจจะใช้การขับเข้าตรงๆ แบบเฉียง ประมาณ 45 องศา หยุดรถ หมุนพวงมาลัยไปทางซ้าย แล้วค่อยๆ ขยับ เดินหน้า หรือ ถอยหลัง สิ่งสำคัญ ก็คือ อย่าขยับรถเกิน 30 เซนติเมตร จะทำให้ควบคุมรถยาก
การฝึกยังมีอีกแบบก็คือ ถอยหลังเข้าซอง ซึ่งเป็นท่าสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติด้วยเช่นกัน ก็ฝึกคล้ายกัน หาไม้มาปัก แล้วฝึกถอยหลังเข้าจอดใน ช่อง หลักการก็คือ ใช้การถอยรถเข้าช่อง แล้วหยุด อย่างการจอดในภาพ ก็หมุนพวงมาลัยไปทางขวาให้สุด แล้วขยับรถช้าๆ ไปข้างหน้าที่ละนิด สิ่งสำคัญก็คือ การหมุนพวงมาลัย ฝึกหมุนให้สุด ไปขวาสุด หรือ ซ้ายสุด แล้วขยับรถทีละนิด ยิ่งพื้นที่แคบ ก็ต้องขยับเล็กน้อยเท่านั้น อาจจะให้รถ เดินหน้า หรือถอยหลังได้ไม่เกิน 1 คืบ ก็จะควบคุมรถได้ง่าย แล้วหยุดรถ ดูก่อนว่า เข้าช่องได้หรือยัง
11. ฝึกจอดริมฟุตบาท
ท่านี้ก็เป็นท่าสอบด้วยเช่นกัน ให้ขีดเส้น หรือ หาไม้มาวาง หรือ ใช้เชือกฟาง วางเป็นแนวที่พื้น แล้วขับรถมาจอดให้ตำแหน่งให้ฝั่งซ้ายของรถ ชิดขอบทาง ประมาณ 25 เซนติเมตร
เพื่อความสะดวกในการฝึกขับแบบนี้ ให้ทำเส้นไว้ฝึกจอดหลายๆ จุด แล้วฝึกขับรถวนไปเรื่อยๆ พร้อมกับแวะเข้าจอด ตามจุดที่ทำไว้
สรุป
การฝึกท่าพื้นฐานเหล่านี้ จะช่วยให้ขับรถเป็นเร็ว และสามารถขับในถนนร่วมกับคนอื่นได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงควรฝึกให้คล่องก่อนจะ ไปสอบใบขับขี่ และขับบนถนนจริง รถยนต์มีขนาดใหญ่ เวลากิดอุบัติเหตุ จะมีความรุนแรงมาก จึงไม่ควรประมาท