Sponsored Ads

บทความแสดงรูปแบบการใช้คำกริยา 3 ช่อง know knew known รู้จัก กับประโยคในภาษาอังกฤษหรือ Tense ทั้ง 12 แบบ เช่น Present Tense, Past Tense และ Future Tense โดยแต่ละแบบยังมีเท้นส์ย่อยอีก 4 แบบ รวมเป็น 12 แบบ ซึ่งจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจการใช้คำกริยา 3 ช่องนี้ มากยิ่งขึ้น

 

กริยาช่องที่ 1 / กริยาช่องที่ 2 / กริยาช่องที่ 3/ คำแปล

know โน / knew นู / known โนน / รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ

 

ตัวอย่างการใช้คำกริยานี้

ประโยค Yes, I know.
คำอ่าน เยส ไอ โน
คำแปล ใช่ /Yes ฉันรู้ /I know

 

ตัวอย่างการใช้คำกริยานี้กับประโยคหรือ Tense 12 แบบ ในภาษาอังกฤษ

การนำคำกริยา 3 ช่อง ไปใช้สร้างประโยค เพื่อสื่อสาร สนทนา หรือการเขียน แต่ละคำอาจจะใช้ในบางสถานการณ์เท่านั้น ไม่ได้ใช้ครบทุก Tense ไม่นิยมพูดกัน หรือ นำไปแต่งประโยคภาษาอังกฤษ ตัวอย่างต่อไปนี้จึงเป็นเพียงรูปแบบการใช้คำกริยา 3 ช่อง กับ เท้นส์ ต่างๆ เท่านั้น

 

Tense 1 : วิธีใช้คำกริยานี้ในประโยคแบบ Present Simple

ประโยคแบบนี้จะใช้กับกริยาช่องที่ 1 โดยจะกล่าวถึง เรื่องที่เป็นข้อเท็จจริง เรื่องจริงในขีวิตประจำวัน หรือเรื่องราวที่เกิดวันนี้

ตัวอย่างประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้
- วันนี้ ฉัน กินข้าวผัด * บอกเรื่องราวที่เกิดในวันนี้
- ฉันมีพี่ชาย 2 คน * บอกความจริง
- เธอร้องเพลงเก่งมาก
- ดวงอาทิตย์ ขึ้นทาง ทิศตะวันออก * ความจริง ข้อเท็จจริง
- สุนัขตัวผู้ คลอดลูกไม่ได้ * ความจริง ข้อเท็จจริง
- ทุเรียนมีกลิ่นเหม็นสำหรับบางคน หรือ ทุเรียนมีหนาม * เป็นเรื่องจริง ความจริง
- ฉันแปรงฟันทุกวัน
- ไปอาบน้ำได้แล้ว * ประโยคคำสั่ง หรือ ประโยคขอร้อง
- พวกเขาเล่นฟุตบอล
- ฉันทำการบ้าน

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานเอกพจน์

ประธานเอกพจน์จะมีเพียงหนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งเดียว อย่างเดียว ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + กริยาช่องที่ 1 + เติม s ออกเสียง สึ ท้ายคำด้วย ตัวอย่าง know เป็น He knows. / เขา รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ
1. He knows. (He เขาคนเดียว)
2. She knows. (She เธอคนเดียว)
3. It knows. (It มันตัวเดียว)
4. The boy knows. (The boy จะหมายถึง เด็กชายหนึ่งคน หรือ คนเดียว)
5. A boy knows. (A boy จะหมายถึง เด็กชายคนเดียว หรือ หนึ่งคน)
6. This boy knows. (This boy จะหมายถึง เด็กชายคนนี้คนเดียว)
7. That dog knows. (That dog จะหมายถึง สุนัขตัวนั้นตัวเดียว มีแค่ 1 ตัว)
8. Somchai knows. (Somchai สมชายเพียงคนเดียว เท่านั้น)

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานพหูพจน์

ประธานพหูพจน์จะมีตั้งแต่ 2 อย่าง 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 รายการ ขึ้นไป ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + กริยาช่องที่ 1 + ไม่เติม s ตัวอย่างเช่น know เป็น We know. / พวกเรา รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ
1. You know. (You คุณ หรือพวกคุณ มีหลายคน)
2. We know. (We พวกเรา มีหลายคน)
3. They know. (They พวกเขามีหลายคน)
4. These boys know. (These boys คำว่า boy เติม s จะหมายถึง เด็กชายเหล่านี้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป)
5. Those boys know. (Those boys คำว่า boy เติม s จะหมายถึง เด็กชายเหล่านั้นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป)
6. The boys know. (The boys คำว่า boy เติม s จะหมายถึง เด็กชายตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป)
7. Somchai and Somsak know. (Somchai and Somsak สมชายและสมศักดิ์รวมกันเป็น 2 คน)
8. I know. ** I เป็นข้อยกเว้น กริยาไม่ต้องเติม s แม้ว่า I จะเป็นเอกพจน์

 

Tense 2 : วิธีใช้คำกริยานี้ในประโยคแบบ Present Continuous

  ประโยคแบบนี้จะใช้กับกริยาช่องที่ 1 เติม ing โดยจะกล่าวถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ ขณะนี้ ของวันนี้ กำลังทำอะไรอยู่ในขณะนี้ จะมีคำว่า กำลัง ในประโยคด้วย

ตัวอย่างประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้
- ขณะนี้พวกเรากำลังเล่นฟุตบอล
- ตอนนี้ฉันกำลังทำการบ้าน
- วันนี้ ตอนที่คุณโทรศัพท์มา ฉันกำลังอาบน้ำอยู่

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานเอกพจน์

ประธานเอกพจน์จะมีเพียงหนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งเดียว อย่างเดียว ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + is + กริยาช่องที่ 1 + เติม ing เช่น know เป็น He is knowing. / เขากำลัง รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ อยู่ในตอนนี้ ขณะนี้
1. He is knowing.
2. She is knowing.
3. It is knowing.
4. The boy is knowing.
5. A boy is knowing.
6. This boy is knowing.
7. That dog is knowing.
8. Somchai is knowing.
9. I am knowing. * ยกเว้น I จะใช้ I am

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานพหูพจน์

ประธานพหูพจน์จะมีตั้งแต่ 2 อย่าง 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 รายการ ขึ้นไป ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + are + กริยาช่องที่ 1 + เติม ing เช่น know เป็น We are knowing. / พวกเรากำลัง รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ อยู่ในตอนนี้ ขณะนี้
1. you are knowing.
2. We are knowing.
3. They are knowing.
4. The boys are knowing.
5. These boys are knowing.
6. Those boys are knowing.
7. Somchai and Somsak are knowing.

Tense 3 : วิธีใช้คำกริยานี้ในประโยคแบบ Present Perfect Simple

ประโยคแบบนี้จะใช้กับกริยาช่องที่ 3 โดยจะล่าวถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นในวันนั้นหรือขณะที่ได้พูดถึง เหตุการณ์นั้นได้จบลงแล้ว เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำสิ่งนั้น ทำสิ่งนี้เสร็จแล้ว ประโยคเหล่านี้จะมีคำว่า ได้ทำแล้ว หรือ เสร็จแล้ว เรียบร้อยแล้ว แล้ว

ตัวอย่างประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้
- วันนี้ ตอนที่คุณโทรศัพท์มา ฉันได้อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว
- วันนี้ ฉันได้ทำการบ้านเสร็จแล้ว
- เวลานี้ พวกเขาได้หยุดเล่นฟุตบอลแล้ว
- พวกเขาได้ประชุมเสร็จแล้ว
- ฉันทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานเอกพจน์

ประธานเอกพจน์จะมีเพียงหนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งเดียว อย่างเดียว ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + has + กริยาช่องที่ 3 เช่น know เป็น He has known. / เขาได้ รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ แล้ว หรือ เรียบร้อยแล้ว หรือ เสร็จแล้ว
1. He has known.
2. She has known.
3. It has known.
4. The boy has known.
5. A boy has known.
6. This boy has known.
7. That boy has known.
8. Somchai has known.

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานพหูพจน์

ประธานพหูพจน์จะมีตั้งแต่ 2 อย่าง 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 รายการ ขึ้นไป ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + have + กริยาช่องที่ 3 เช่น know เป็น We have known. / พวกเราได้ รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ แล้ว หรือ เรียบร้อยแล้ว หรือ เสร็จแล้ว
1. You have known.
2. We have known.
3. They have known.
4. These boys have known.
5. Those boys have known.
6. The boys have known.
7. Somchai and Somsak have known.
8. I have known. ** I เป็นข้อยกเว้น ใช้กับ have แม้ว่า I จะเป็นเอกพจน์

 

Tense 4 : วิธีใช้คำกริยานี้ในประโยคแบบ Present Perfect Continuous

ประโยคแบบนี้จะใช้กับกริยาช่องที่ 1 เติม ing โดยจะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยไม่ได้หยุดพักเลย ในช่วงเวลาหนึ่งของวันนั้น วันนี้ ตัวอย่างเช่น

ตัวอย่างประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้
- วันนี้ ตั้งแต่เวลา 8:00 จนถึงขณะนี้ ฉันได้ประชุมมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พูดถึง ก็ยังไม่เลิกประชุม หรือ เขาได้เข้าประชุมมาตั้งแต่ 8 โมงเช้าแล้ว (ขณะนี้ก็ยังประชุมอยู่)
- เขาได้ทำงานมาตั้งแต่เช้าแล้ว ยังไม่หยุดเลย ขณะที่พูดถึงนี้ เขาก็ยังไม่หยุด
- พวกเขาขับรถมา 6 ชั่วโมงกว่าแล้ว (ขณะที่พูดถึงนี้ พวกเขาก็ยังขับรถอยู่ ยังไม่หยุดพักรถ พักคน)
- เขานั่งทำการบ้านมาตั้งแต่เช้า (ขณะที่พูดถึงเขา เขาก็ยังทำอยู่ ยังทำไม่เสร็จ )
- พวกเขาเล่นฟุตบอลมา 2 ชั่วโมงแล้ว (ขณะที่พูดถึง พวกเขาก็ยังเล่นอยู่ ยังไม่เลิกเล่น)

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานเอกพจน์

ประธานเอกพจน์จะมีเพียงหนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งเดียว อย่างเดียว ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + has + been + กริยาช่องที่ 1 เติม ing เช่น know เป็น He has been knowing. / เขาได้ รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ มาตั้งแต่เวลา (เช้า, 8 โมงเช้า, เที่ยง) แล้ว ขณะนี้ก็ยังทำอยู่
1. He has heen knowing.
2. She has been knowing.
3. It has been knowing.
4. The boy has been knowing.
5. A boy has been knowing.
6. This boy has been knowing.
7. That boy has been knowing.
8. Somchai has been knowing.

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานพหูพจน์

ประธานพหูพจน์จะมีตั้งแต่ 2 อย่าง 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 รายการ ขึ้นไป ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + have + been + กริยาช่องที่ 1 เติม ing เช่น know เป็น We have been knowing. / พวกเราได้ รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ มาตั้งแต่เวลา (เช้า, 8 โมงเช้า, เที่ยง) แล้ว ขณะนี้ก็ยังทำอยู่
1. You have been knowing.
2. We have been knowing.
3. They have been knowing.
4. These boys have been knowing.
5. Those boys have been knowing.
6. The boys have been knowing.
7. Somchai and Somsak have been knowing.
8. I have been knowing. ** I เป็นข้อยกเว้น ต้องใช้กับ have แม้ว่า I จะเป็นเอกพจน์

 

Tense 5 : วิธีใช้คำกริยานี้ในประโยคแบบ Past Simple

ประโยคแบบนี้จะใช้กับกริยาช่องที่ 2 โดยจะกล่าวถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว อาจจะมีคำที่สื่อความหมายให้รู้ อย่างคำว่า เมื่อวานนี้ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

ตัวอย่างประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้
- เมื่อวานนี้ ฉัน กินข้าวผัด
- เมื่อวาน เขาอาบน้ำครั้งเดียว
- พวกเขาเล่นฟุตบอล สัปดาห์ที่แล้ว
- เมื่อวานนี้ฉันทำการบ้าน
- เมื่อวานนี้พวกเรามีประชุม หรือได้เข้าร่วมประชุม

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานเอกพจน์

ประธานเอกพจน์จะมีเพียงหนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งเดียว อย่างเดียว ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + กริยาช่องที่ 2 เช่น know เป็น He knew. / เขา รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ แล้ว เมื่อวานนี้
1. He knew.
2. She knew.
3. It knew.
4. The boy knew.
5. A boy knew.
6. This boy knew.
7. That boy knew.
8. Somchai knew.
9. I knew.

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานพหูพจน์

ประธานพหูพจน์จะมีตั้งแต่ 2 อย่าง 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 รายการ ขึ้นไป ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + กริยาช่องที่ 2 เช่น know เป็น We knew. / พวกเรา รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ แล้ว เมื่อวานนี้
1. You knew.
2. We knew.
3. They knew.
4. These boys knew.
5. Those boys knew.
6. The boys knew.
7. Somchai and Somsak knew.

 

Tense 6 : วิธีใช้คำกริยานี้ในประโยคแบบ Past Continuous

ประโยคแบบนี้จะใช้กับกริยาช่องที่ 1 เติม ing โดยจะกลาวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต โดยมีลักษณะเป็นการกระทำที่มีความต่อเนื่อง

ตัวอย่างประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้
- เมื่อวานนี้ ตอนที่เธอโทรศัพท์มา ฉันกำลังทำการบ้านอยู่
- เมื่อวานเวลานี้ พวกเรากำลังเล่นฟุตบอล
- อาทิตย์ที่แล้ว วันนี้ ฉันกำลังทำการบ้าน
- เมื่อวานนี้เวลา 8 โมงเช้า ฉันกำลังกินข้าวผัดอยู่

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานเอกพจน์

ประธานเอกพจน์จะมีเพียงหนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งเดียว อย่างเดียว ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + was + กริยาช่องที่ 1 + เติม ing เช่น know เป็น He was knowing. / เขากำลัง รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ เมื่อวานนี้ หรือสัปดาห์ที่แล้ว ปีที่แล้ว ในอดีตที่ผ่านมาแล้ว
1. He was knowing.
2. She was knowing.
3. It was knowing.
4. The boy was knowing.
5. A boy was knowing.
6. This boy was knowing.
7. That boy was knowing.
8. Somchai was knowing.
9. I was knowing.

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานพหูพจน์

ประธานพหูพจน์จะมีตั้งแต่ 2 อย่าง 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 รายการ ขึ้นไป ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + were + กริยาช่องที่ 1 + เติม ing เช่น know เป็น We were knowing. / พวกเรากำลัง รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ เมื่อวานนี้ หรือสัปดาห์ที่แล้ว ปีที่แล้ว ในอดีตที่ผ่านมาแล้ว
1. You were knowing.
2. We were knowing.
3. They were knowing.
4. The boys were knowing.
5. These boys were knowing.
6. Those boys were knowing.
7. Somchai and Somsak were knowing.

 

Tense 7 : วิธีใช้คำกริยานี้ในประโยคแบบ Past Perfect Simple

ประโยคแบบนี้จะใช้กับกริยาช่องที่ 3 โดยจะกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ในช่วงเวลาหนึ่ง ที่ได้จบลงไปแล้ว มักจะใช้พูดถึง 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือเกี่ยวข้องกับการกระทำใดๆ โดยมักจะมีคำว่า เสร็จแล้ว เรียบร้อยแล้ว หรือ แล้ว ในประโยคนั้นๆ ที่บอกให้รู้ว่าเป็น Past Perfect Simple

ตัวอย่างประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้
- ตอนที่คุณโทรศัพท์มา ฉันได้อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว (การกระทำ อาบน้ำ ได้เกิดขึ้นก่อน คุณจะโทรศัพท์เข้ามา และฉัน ก็ได้อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว )
- เมื่อวานนี้ตอนที่พ่อแม่มาถึงบ้าน ฉันก็ได้กินอาหารเที่ยงเรียบร้อยแล้ว (ฉันได้กินอาหารเที่ยง เกิดขึ้นก่อน พ่อแม่จะมาถึง และก็จบลงแล้ว กินข้าวเสร็จแล้ว )
- ก่อนฝนจะตกเมื่อวานนี้ พวกเขาก็ได้หยุดเล่นฟุตบอลแล้ว เลิกเล่นก่อนฝนจะตกลงมา
- เมื่อคืนนี้ ตอนที่คุณมาถึง ฉันก็ได้ทานอาหารค่ำเรียบร้อยแล้ว

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานเอกพจน์

ประธานเอกพจน์จะมีเพียงหนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งเดียว อย่างเดียว ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + had + กริยาช่องที่ 3 เช่น know เป็น He had known. / เขาได้ รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ แล้ว หรือ เสร็จแล้ว หรือ เรียบร้อยแล้ว
1. He had known.
2. She had known.
3. It had known.
4. The had known.
5. A boy had known.
6. This boy had known.
7. That boy had known.
8. Somchai had known.
9. I had known.

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานพหูพจน์

ประธานพหูพจน์จะมีตั้งแต่ 2 อย่าง 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 รายการ ขึ้นไป ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + had + กริยาช่องที่ 3 เช่น know เป็น We had known. / พวกเราได้ รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ แล้ว หรือ เสร็จแล้ว หรือ เรียบร้อยแล้ว
1. You had known.
2. We had known.
3. They had known.
4. These boys had known.
5. Those boys had known.
6. The boys had known.
7. Somchai and Somsak had known.

 

Tense 8 : วิธีใช้คำกริยานี้ในประโยคแบบ Past Perfect Continuous

ประโยคแบบนี้จะใช้กับกริยาช่องที่ 1 เติม ing โดยจะกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต โดยเหตุการณ์นั้นมีลักษณะต่อเนื่อง มักจะใช้พูดถึงเหตุการณ์ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น 2 เหตุการณ์ ในเวลาเดียวกัน

ตัวอย่างประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้
- เมื่อวานนี้ ตอนที่ลูกค้ามาถึงบริษัท พวกเขาก็ได้ประชุมกันมาตั้งแต่เวลา 8:00 เช้าแล้ว (การประชุมมีความต่อเนื่อง และขณะที่ลูกค้ามาถึง ก็ยังประชุมอยู่)
- เขาได้ทำงานมาตั้งแต่เช้าแล้ว ก่อนที่คุณจะมาถึง (การทำงานมีความต่อเนื่อง แม้ว่าคุณจะมาถึงแล้ว แต่เขาก็ยังทำงานต่อ ยังไม่หยุด)
- เมื่อวาน พวกเขาได้ขับรถมา 6 ชั่วโมงกว่าแล้ว ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ (การขับรถเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องในอดีต)
- เขาได้นั่งทำการบ้านมาตั้งแต่เช้าแล้ว ก่อนพ่อแม่มาถึง (ทำการบ้าน เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง)
- พวกเขาได้เล่นฟุตบอลมา 2 ชั่วโมงแล้ว ก่อนฝนตก (เล่นฟุตบอลเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง)

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานเอกพจน์

ประธานเอกพจน์จะมีเพียงหนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งเดียว อย่างเดียว ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + had + been + กริยาช่องที่ 1 + เติม ing เช่น know เป็น He had heen knowing. / เขาก็ได้ รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ มาแล้วตั้งแต่เวลา
1. He had heen knowing.
2. She had heen knowing.
3. It had heen knowing.
4. The boy had heen knowing.
5. A boy had heen knowing.
6. This boy had heen knowing.
7. That boy had heen knowing.
8. Somchai had been knowing.
9. I had been knowing.

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานพหูพจน์

ประธานพหูพจน์จะมีตั้งแต่ 2 อย่าง 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 รายการ ขึ้นไป ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + had + been + กริยาช่องที่ 1 + เติม ing เช่น know เป็น We had heen knowing. / พวกเราก็ได้ รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ มาแล้วตั้งแต่เวลา
1. You had heen knowing.
2. We had heen knowing.
3. They had heen knowing.
4. These boys had heen knowing.
5. Those boys had heen knowing.
6. The boys had heen knowing.
7. Somchai and Somsak had heen knowing.

 

Tense 9 : วิธีใช้คำกริยานี้ในประโยคแบบ Future Simple

ประโยคแบบนี้จะใช้กับกริยาช่องที่ 1 โดยจะกล่าวถึงเรื่องที่จะเกิดในอนาคต พรุ่งนี้ หรือ อีกหลายวันข้างหน้า หรือในอนาคต มีคำว่า จะ (ทำอะไร) ในประโยค
ตัวอย่างประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้
- วันพรุ่งนี้ ฉันจะกินข้าวผัด
- พร่งนี้ฉันจะไปอาบน้ำอุ่น
- พวกเขาจะเล่นฟุตบอลพรุ่งนี้
- ฉันจะทำการบ้านพรุ่งนี้
- พวกเขาจะประชุมวันศุกร์นี้

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานเอกพจน์

ประธานเอกพจน์จะมีเพียงหนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งเดียว อย่างเดียว ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + will + กริยาช่องที่ 1 เช่น know เป็น He will know. / เขาจะ รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ
1. He will know.
2. She will know.
3. It will know.
4. The boy will know.
5. A boy will know.
6. This boy will know.
7. That boy will know.
8. Somchai will know.
9. I will know.

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานพหูพจน์

ประธานพหูพจน์จะมีตั้งแต่ 2 อย่าง 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 รายการ ขึ้นไป ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + will + กริยาช่องที่ 1 เช่น know เป็น We will know. / พวกเราจะ รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ
1. You will know.
2. We will know.
3. They will know.
4. These boys will know.
5. Those boys will know.
6. The boys will know.
7. Somchai and Somsak will know.

Tense 10 : วิธีใช้คำกริยานี้ในประโยคแบบ Future Continuous

ประโยคแบบนี้จะใช้กับกริยาช่องที่ 1 เติม ing โดยจะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีความหมายว่า กำลังอยู่ระหว่างทำเหตุการณ์นั้นในอนาคต
ตัวอย่างประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้
- เวลา 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ ฉัน จะกำลัง อาบน้ำ
- พรุ่งนี้แปดโมงเช้า ฉัน จะกำลัง ประชุมอยู่
- พรุ่งนี้เที่ยงตรง เรา จะกำลังกินข้าว เที่ยงกันอยู่ที่โรงแรม

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานเอกพจน์

ประธานเอกพจน์จะมีเพียงหนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งเดียว อย่างเดียว ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + will + be + กริยาช่องที่ 1 + เติม ing เช่น know เป็น He will be knowing. / เขาจะกำลัง รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ
1. He will be knowing.
2. She will be knowing.
3. It has will be knowing.
4. The boy will be knowing.
5. A boy will be knowing.
6. This boy will be knowing.
7. That bog will be knowing.
8. Somchai will be knowing.
9. I will be knowing.

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานพหูพจน์

ประธานพหูพจน์จะมีตั้งแต่ 2 อย่าง 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 รายการ ขึ้นไป ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + will + be + กริยาช่องที่ 1 + เติม ing เช่น know เป็น We will be knowing. / พวกเราจะกำลัง รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ
1. You will be knowing.
2. We will be knowing.
3. They will be knowing.
4. These boys will be knowing.
5. Those boys will be knowing.
6. The boys will be knowing.
7. Somchai and Somsak will be knowing.

 

Tense 11 : วิธีใช้คำกริยานี้ในประโยคแบบ Future Perfect Simple

ประโยคแบบนี้จะใช้กับกริยาช่องที่ 3 โดยจะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่จะจบลงในเวลาที่กำหนด มักจะมีคำว่า แล้ว เรียบร้อยแล้ว เสร็จแล้ว ในประโยค
ตัวอย่างประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้
- เวลา 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ ฉันจะได้ประชุมสร็จแล้ว
- เวลาบ่ายโมงพรุ่งนี้ พวกเราจะหยุดเล่นฟุตบอลแล้ว
- พรุ่งนี้ 5 โมงเย็น ฉันจะเรียนดนตรีเสร็จแล้ว
- เมื่อคุณมาถึงโรงแรม พวกเราจะกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานเอกพจน์

ประธานเอกพจน์จะมีเพียงหนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งเดียว อย่างเดียว ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + will + have + กริยาช่องที่ 3 เช่น know เป็น He will have known. / เขาจะได้ รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ เสร็จแล้ว เรียบร้อยแล้ว
1. He will have known.
2. She will have known.
3. It will have known.
4. The boy will have known.
5. A boy will have known.
6. This boy will have known.
7. That boy will have known.
8. Somchai will have known.
9. I will have known.

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานพหูพจน์

ประธานพหูพจน์จะมีตั้งแต่ 2 อย่าง 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 รายการ ขึ้นไป ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + will + have + กริยาช่องที่ 3 เช่น know เป็น We will have known. / พวกเราจะได้ รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ เสร็จแล้ว เรียบร้อยแล้ว
1. You will have known.
2. We will have known.
3. They will have known.
4. These boys will have known.
5. Those boys will have known.
6. The boys will have known.
7. Somchai and Somsak will have known.

 

Tense 12 : วิธีใช้คำกริยานี้ในประโยคแบบ Future Perfect Continuous

  ประโยคแบบนี้จะใช้กับกริยาช่องที่ 1 เติม ing โดยจะกล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่มีลักษณะเป็นการกระทำอย่างต่อเนื่อง จะได้กำลังทำอะไรบางอย่าง ในช่วงเวลาที่กำหนด ประโยคในลักษณะนี้ไม่ค่อยได้ใช้กันบ่อยนัก ใช้น้อยมากในการแต่งประโยค หรือสนทนา พูดจากัน
ตัวอย่างประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้
- ก่อนที่ผมจะไปถึงที่บ้านพรุ่งนี้เวลา 10 โมงเช้า คุณจะได้กำลังเตรียมตัวสัก 2 ชั่วโมง (กำลังเตรียมตัวเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง ต้องทำนู่น นี่ จัดของ ฯลฯ )
- พรุ่งนี้เวลา 8:00-10:00 น. พวกเราจะได้กำลังประชุมกันอยู่ (กำลังประชุม เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง)
- พรุ่งนี้ 10 โมงเช้า คุณจะได้กำลังใช้อินเตอร์เน็ตประมาณ 2 ชั่วโมง
- ฉันจะได้กำลังเรียนกีตาร์ 3 เดือน ในปีหน้า

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานเอกพจน์

ประธานเอกพจน์จะมีเพียงหนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งเดียว อย่างเดียว ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + will + have + been + กริยาช่องที่ 1 เติม ing เช่น know เป็น He will have been knowing. / เขา จะได้กำลัง รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ
1. He will have been knowing.
2. She will have been knowing.
3. It will have been knowing.
4. The boy will have been knowing.
5. A boy will have been knowing.
6. This boy will have been knowing.
7. That boy will have been knowing.
8. Somchai will have been knowing.
9. I will have been knowing.

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานพหูพจน์

ประธานพหูพจน์จะมีตั้งแต่ 2 อย่าง 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 รายการ ขึ้นไป ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + will + have + been + กริยาช่องที่ 1 เติม ing เช่น know เป็น We will have been knowing. / พวกเรา จะได้กำลัง รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ
1. You will have been knowing.
2. We will have been knowing.
3. They will have been knowing.
4. These boys will have been knowing.
5. Those boys will have been knowing.
6. The boys will have been knowing.
7. Somchai and Somsak will have been knowing.

 

การใช้คำกริยานี้กับ Going to

'

ประโยคแบบนี้จะใช้กับกริยาช่องที่ 1 โดยจะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีความหมายว่า กำลังจะ ไปทำ ..อะไร..บางอย่าง ความหมายจะคล้ายกับเท้นส์ Present Continuous Tense ประธาน + will + กริยาช่องที่ 1

ตัวอย่างประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้
- ฉัน กำลังจะ ไปกิน ผลไม้
- ฉัน กำลังจะ ไปประชุม
- ฉัน กำลังจะไป ทำการบ้าน

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานเอกพจน์

ประธานเอกพจน์จะมีเพียงหนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งเดียว อย่างเดียว ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + is + going to + กริยาช่องที่ 1 เช่น know เป็น He is going to know. / เขา กำลังจะไป รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ
1. He is going to know.
2. She is going to know.
3. It is going to know.
4. The boy is going to know.
5. A boy is going to know.
6. This boy is going to know.
7. That boy is going to know.
8. Somchai is going to know.
9. I am going to know. ** I จะใช้ am

 

การใช้คำกริยานี้กับประธานพหูพจน์

ประธานพหูพจน์จะมีตั้งแต่ 2 อย่าง 2 คน 2 สิ่ง 2 ตัว 2 รายการ ขึ้นไป ประโยคแบบนี้ จะมีโครงสร้าง ประธาน + are + going to + กริยาช่องที่ 1 เช่น know เป็น We are going to know. / พวกเรา กำลังจะไป รู้จัก, ทราบ, เข้าใจ, ตรัสรู้, ประสีประสา, รู้เรื่องราว, รู้เรื่อง, รู้อยู่แก่ใจ
1. You are going to know.
2. We are going to know.
3. They are going to know.
4. These boys are going to know.
5. Those boys are going to know.
6. The boys are going to know.
7. Somchai and Somsak are going to know.

 

สรุป

คำกริยา 3 ช่อง แต่ละคำจะมีรูปแบบการใช้กับเท้นส์ (Tense) ทั้ง 12 แบบ เป็นรูปแบบมาตรฐาน แต่โอกาสจะได้ใช้หรือนำไปแต่งประโยค เพื่อใช้สื่อสารในชีวิตจริงมากน้อยต่างกันไป กริยาบางคำอาจจะใช้กับเท้นส์เพียงไม่กี่เท้นส์เท่านั้น และในเท้นส์นั้นๆ ก็อาจจะใช้บางประธานของประโยคเท่านั้น ส่วนผู้ที่จะได้ใช้ทั้งหมดทุกเทนส์ก็จะมีเพียงผู้ที่ศึกษาภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำรายงานส่งอาจารย์