Sponsored Ads

ผู้เขียนเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่ออยากจะเสนอข้อคิดส่วนตัวบางอย่างเกี่ยวกับการซื้อหนังสือ ซื้อคอร์ส หรือเทคนิครวยเร็ว ประสบความสำเร็จเร็ว ฯลฯ ซึ่งแม้จะมีคนใช้บริการ ซื้อหนังสือ ซื้อสินค้า ซื้อคอร์สอบรมจำนวนมาก แต่คนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ มีน้อยมาก ใน 100 คน จะมีไม่ถึง 10 คนเท่านั้นเอง ที่ประสบความสำเร็จ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

เรื่องนี้สำคัญจำเป็นต้องหาข้อมูลก่อนจะเสียเงินเปล่า เพราะบางคอร์สแพงมาก แต่ไม่ได้อะไร เพราะศึกษาแล้วไม่ลงมือทำ หรือลงมือทำ แต่ไม่ชอบ ไม่ใช่แนวของตัวเอง หรือลงมือทำแต่ไม่ต่อเนื่อง พอเห็นว่าไม่รวยในระยะเวลาสั้นๆ ก็จะล้มเลิกทันที

สำรวจตัวเองก่อนว่าเราเป็นคนแบบไหน

ก่อนอื่นควรสำรวจตัวเองว่าเราเป็นคนแบบไหน ซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากให้เรารู้จักใช้จ่ายอย่างมีสติไม่ตามกระเส ซึ่งไม่ใช่แนวของตัวเอง จ่ายเงินไปก็ เสียเปล่า เช่น
1. เป็นแค่คนที่ชอบศึกษาหาความรู้ ชอบคิดและชอบพูดหรือชอบปฏิบัติ เพราะยุคนี้หนังสือหรือสื่อหรือคอร์สที่นำเสนอเนื้อหาแนวสอนให้รวย สอนให้ ประสบความสำเร็จมีเยอะมาก ในขณะที่คนซื้อนั้นส่วนใหญ่จะเป็นคนชอบศึกษาหาความรู้ ชอบคิดและชอบพูด แต่ไม่ชอบปฏิบัติ จึงพากันเสียเงินเปล่า ต้องลงมือทำจึงจะสำเร็จ

2. มีเงินทุนมากน้อยแค่ไหน หากไม่มีเงินทุน ก็ต้องมีแรงกาย แรงใจและเวลา เช่น การหาเงินด้วยการทำเว็บไซต์คลิกโฆษณา Google Adsense ในเว็บ ต้องมีบทความคุณภาพจำนวนมาก เรามีแรงกาย แรงใจ มีเวลาเขียนบทความดีๆ ลงเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องหรือไม่ หากไม่มีเวลา ก็ยากจะประสบความ สำเร็จ ตามโฆษณาขายสินค้าชวนรวย

3. มีเงินลงทุนหรือไม่ หากทุนหนา ก็ต้องกล้าลงทุนให้ถูกทางตามเทคนิคในสื่อหรือคอร์สสอนหาเงินต่างๆ ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จเร็วขึ้น เช่น ถ้าจะทำบทความลงเว็บสัก 1000 บทความ ก็ต้องจ้างเขียนบทความ กล้าลงทุน เป็นต้น ความสำเร็จก็จะมาเร็วกว่า หลายคนมีทุนแต่ไม่กล้าลุย

4. คุณสมบัติสำคัญของคนจะรวย เรามีหรือไม่ เพราะคนรวยไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม ก็จะทุ่มเท ลงมือทำ ประเภทกัดไม่ปล่อย ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่เลิก อึด ถึก ทน และศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง คิดง่ายๆ ก็พอ งานที่เราทำอยู่หากยังไม่ประสบความสำเร็จ ก็อย่าหวังว่าไปทำงานอื่นแล้วจะรุ่ง ถ้า เรามีคุณสมบัติเป็นได้แค่พนักงาน ก็จะเป็นได้แค่นั้น เพราะใจไม่สู้ ต่อให้ทำงานอะไรก็ไม่มีทางรวย อ่านตัวเองให้ขาด

5. เรื่องที่ทำนั้น ตัวเราเองสามารถทำเอง หรือต่อยอดได้หรือไม่ เช่น มีการขายเว็บไซต์สำเร็จรูปช่วยหาเงินจากการคลิกโฆษณา Google Adsense แต่ ต้องทำเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเราไม่เก่งภาษา เขียนบทความภาษาอังกฤษไม่เป็น ทำเว็บก็ไม่เป็น แต่ทางผู้ขายมีบริการครบวงจร ทั้งทำเว็บ ทำบท ความ ใส่บทความลงเว็บไซต์ ฯลฯ กรณีอย่างนี้ก็ควรจะเลี่ยง เพราะหากเว็บไซต์ไม่ทำเงินตามที่ผู้ขายได้โฆษณาไว้ เราจะต้องทิ้งเว็บไซต์ เพราะทำอะไรไม่ ได้

6. ปัจจัยที่ทำให้คนเรารวยได้นั้น มีหลายด้าน ที่เราต้องอ่านให้ขาดและรู้ว่าตัวเรานั้น มีหรือขาดคุณสมบัติข้อใดบ้าง เช่น มีพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รวยอยู่แล้ว ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จึงต่อยอดทำธุรกิจได้ หรือมีคู่ครองที่ดีช่วยกันทำมาหากิน แต่คู่ครองเราช่วยใช้อย่างเดียว มีแต่ปัญหา การศึกษา ความรู้ความ สามารถ ความสามารถเฉพาะตัวสูง สู้ไม่ถอย ฯลฯ

การรู้จักตัวเอง เป็นเรื่องสำคัญ เพราะสื่อหรือคอร์สชวนให้รวย หรือประสบความสำเร็จเหล่านี้ เป็นแนวทางที่คนส่วนน้อยเท่านั้น สามารถทำได้ คน ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่ต้องการรู้เรื่องของคนที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ผู้เขียนห่วงคนอยู่ประเภทหนึ่งก็คือ คนที่อยากรวยและไม่รู้จักตัวเอง เห็น สื่อหรือคอร์สสอนหาเงิน แล้วโชว์ยอดรายรับหลักแสนหลักล้าน ก็เกิดความโลภ อยากรวยแบบนั้นบ้าง จนขาดสติไม่ศึกษาอะไรเลย ซึ่งหลายคนก็เสีย เงินหลักหมื่นกับการซื้อสื่อหรือคอร์สสอนหาเงินเหล่านั้น

วิเคราะห์สื่อหรือคอร์สสอนหาเงินแบบต่างๆ อย่างละเอียด

วิธีการหาเงินในเน็ตทุกวันนี้มีหลากหลายวิธีมาก อยากจะรวยตามสื่อที่นำเสนอหรือการซื้อคอร์ส ซื้อสินค้า หนังสือ eBook ฯลฯ มีหลายเรื่องที่ต้องรู้ ให้เท่าทันและวิเคราะห์อย่างละเอียด เช่น
1. หาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของสื่อหรือคอร์สสอนหาเงินมีประสบการณ์ในการทำงานมานานแค่ไหน กว่าจะมีรายรับเข้ามาจำนวนมาก ความรู้ความสามารถ ความฉลาด คุณสมบัติส่วนตัว ฯลฯ เพื่อเปรียบเทียบกับตัวเรา เพราะกว่าจะรวย ไม่มีทางที่จะใช้เวลาเท่ากันหรือสั้นกว่า ส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลานานกว่า นั้น

2. การสอนหาเงินในรูปแบบที่นำเสนอมีวงจรอย่างไร ตามกระแสระยะสั้นๆ หรืออยู่ได้ในระยะยาว 3. แนวทางหาเงินเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ตลาดใกล้จะวายหรือใกล้จะเสื่อมความนิยมหรือยัง เมื่อไม่สามารถสร้างรายได้จากสินค้าหรือบริการแนวนั้นแล้ว บางคนจะหันมาทำสื่อหรือคอร์สเพื่อหวังหาเงินจากคนโลภที่อยากรวย เช่น เปิดอบรมสัมนารับครั้งละ 30 คน ค่าคอร์สต่อคนหลักหมื่น เปิดเดือนละ 4 คอร์สก็พอแล้ว แต่คนเรียน เรียนแล้วก็ไม่สามารถหาเงินได้ตามสื่อหรือคอร์สเหล่านั้นแนะนำ เพราะตลาดวายแล้ว หมดยุค หมดกระแส

4. อย่าโลภ เคลิ้มตามยอดรายรับที่นำมาประกอบการโฆษณา วิเคราะห์ความเป็นไปได้ตามจริง หาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่ได้ใช้บริการ ผลที่ได้เป็นอย่างไร ประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน มีปัญหาอะไรบ้าง ดูความสามารถของเรา ว่าจะสามารถทำตามนั้นได้หรือไม่

5. แนวทางการหาเงินที่เราสนใจนั้น เราสามารถต่อยอดหรือทำเองได้หรือไม่ เช่น คอร์สสอนหาเงินด้วยการทำเว็บภาษาอังกฤษ ตัวเราเองก็สามารถ เขียนบทความภาษาอังกฤษได้ กรณีนี้ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จ เมื่อเทียบกับบางคนที่เขียนไม่เป็น เน้นจ้างชาวต่างชาติเขียนบทความ หากเว็บไซต์ ไม่มีรายรับ ก็จะไม่มีเงินจ้างเขียนบทความ สุดท้ายก็ต้องทิ้งเว็บ สูญเงินไปเปล่าๆ เพราะรู้ไม่เท่าทัน

6. คู่แข่งมีมากแค่ไหน หรือมีโอกาสมากแค่ไหนที่คนอื่นจะทำเรื่องนั้นเหมือนกัน เพราะเวลาทำอะไรแล้วได้เงินดี คนไทยก็จะแห่ทำตามกัน ตัดราคากัน วุ่นวาย เช่น การขายเสื้อผ้า แฟชั่น อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ ฯลฯ ขายออนไลน์ ผ่าน Facebook ใครๆ ก็ทำได้ คนขายจึงผุดเป็นดอกเห็ด เป็นต้น

7. แนวทางหาเงินตามที่สื่อนำเสนอ หนังสือ eBook หรือคอร์สสอนหาเงินแนวนั้น เป็นแนวทางที่มีโอกาสทำเงินได้มากน้อยแค่ไหน เช่น สอนหาเงิน ด้วยการเขียนบทความเพียงอย่างเดียว ไม่สอนการต่อยอดทางอื่น ก็ยากจะรวยเพราะการทำเขียนของคนเราทำได้จำกัด คนหนึ่งคนอาจจะเขียนบท ความได้เพียงวันละ 10 บทความ ก็จะทำได้แค่นั้น จะเห็นว่า การหาเงินแนวนี้ ไม่มีโอกาสรวย แต่มีเงินเข้ามาเรื่อยๆ เพราะบทความเป็นที่ต้องการ แต่ ถ้าสอนให้ทำ eBook ทำหนังสือขาย กรณีนี้มีโอกาสรวย หากหนังสือได้รับความนิยม มีคนซื้อจำนวนมาก จะไม่เหมือนบทความ 1 บทความ ขายให้ ลูกค้าได้แค่คนเดียว เพราะต้องเอาไปใช้กับเว็บไซต์ ซึ่งแต่ละเว็บจะมีบทความซ้ำกันนั้นไม่ดี อาจขายได้เพียงบทความละ 50 บาท แต่การทำหนังสือขาย คนซื้อเอาไปอ่าน จึงขายได้เรื่อยๆ ไม่จำกัด แม้จะขายเล่มละ 50 บาท แต่มีโอกาสรวย หากมีคนซื้อหลักหมื่นหลักแสนหรือหลักล้านคน

8. ความสำเร็จไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ต้องใช้เวลา นอกจากถูกหวย หรือได้รับมรดก 9. แต่ละคนที่ประสบความสำเร็จจนร่ำรวยและออกมาเปิดเผย ทำสื่อ หนังสือ eBook หรือคอร์สสอนหาเงิน ฯลฯ สินค้าเหล่านี้ เป็นการต่อยอดสร้างราย ได้อีกทางหนึ่ง เช่น ทำหนังสือสอนมนุษย์เงินเดือนเล่นหุ้น ขายเล่มละ 200 บาท สมมุติว่า ทำยอดขายได้สัก 100,000 ก็ 20,000,000 บาท เข้าไป แล้ว ซึ่งผู้เขียนจะได้ส่วนแบ่งหลังหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้วประมาณ 15-30% หรือ 3,000,000-6,000,000 บาท ในอดีตเคยมีพิธีกรดังท่านหนึ่ง เคยออกหนังสือแล้วมียอดขายหลักล้านเล่ม ก็คิดเอาเองละกันว่าจะทำเงินได้ขนาดไหน แต่น่าเสียดายอย่างเดียวก็คือ ให้สำนักพิมพ์เป็นผู้จัดพิมพ์ หาก พิมพ์เอง ลงทุนเอง คงจะรวยหลักสิบล้านขึ้นไป

ผู้เขียนเคยใช้บริการอยู่เจ้าหนึ่ง เป็นเว็บสำเร็จรูปขายสินค้า amazon ชื่อ amazon ready web เจ้าของโชว์ยอดรายได้ดีทีเดียว แต่เว็บที่ทำทดสอบเพื่อ จะเอามาโปรโมตโฆษณาขายเว็บสำเร็จรูปนั้น ทำแค่เว็บเดียว แต่รับทำเว็บให้คนอื่นทำหลายเว็บ บทความก็เอามาสปินหรือปั่นแล้วเอาไปใส่แต่ละเว็บมี 20 เว็บ บทความก็เหมือนๆ กัน ผ่านไปหนึ่งปี มีบทความขยะหลักหมื่นเลยทีเดียว ขายสินค้าไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว ผู้เขียนเสียเงินเปล่าไปสองหมื่นกว่า บาทเป็นประสบการณ์ราคาแพงมาก ที่ทำให้เข็ดขยาดไปอีกนาน

ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตามในโลกนี้ ทุกงานมีโอกาสทำเงินเหมือนกัน แต่จะรวยหรือไม่หลักการที่ผู้เขียนได้กล่าวมาก็น่าจะช่วยให้ผู้อ่านเกิดความเข้า ใจมากยิ่งขึ้น และสามารถเลือกซื้อสื่อการสอน หนังสือ eBook หรือคอร์สหรือเว็บสำเร็จรูปเพื่อหาเงินจากเน็ตแบบต่างๆ ได้ตรงกับความรู้ความสามารถ ความสนใจ ความถนัดของตนเอง จึงจะต่อยอดและสามารถสร้างรายได้ให้เราได้

และสิ่งสำคัญที่อยากจะให้ข้อคิดก่อนจากก็คือ ความรวยนั้น เลือกที่จะอยู่กับคนจำนวนน้อยเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถรวยได้ ลองศึกษา คุณสมบัติประจำตัวของคนรวยแต่ละคน แล้วพิจารณาดูว่าเรามีอะไรที่ใกล้เคียงหรือเหมือนกันบ้าง หากไม่มีเลย ก็ไม่มีทางรวย ผู้เขียนห่วงอย่างเดียวก็คือ ความโลภจะครอบงำ ทำให้พลาด สูญเงินจำนวนมาก เพราะคิดว่าแนวทางเหล่านั้นสามารถช่วยตัวเองได้ สามารถรวยได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องทำอะไรมาก ซึ่งโอกาสรวยแบบนี้นอกจากเสี่ยงโชคแล้ว ก็มีช่องทางน้อยมาก แต่การทำงาน ทำธุรกิจทุกรูปแบบไม่มีทางรวยได้ง่ายๆ ถ้าไม่มีพี่เลี้ยง

 

บทความเนื้อหาใกล้เคียงกัน :