อาชีพบางประเภทจะมีงานที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชีหรือเจ้านายอย่างต่อเนื่อง จนสร้างปัญหากับงานหรือสิ่งที่ตัวเองอยาก จะทำ โดยเฉพาะการทำอาชีพเสริมเพราะงานที่ทำนั้นเงินเดือนก็ไม่มากพอ หรือมีรายได้ไม่แน่นอน ไม่ได้มีความมั่นคง ก็จำเป็นจะ ต้องทำงานอื่นเสริมไปด้วยกัน แต่ไม่ง่ายนักสำหรับงานบางอย่าง

 

กรณีทำงานบริษัทอาจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะแต่ละคนก็จะมีงานที่ตัวเองต้องรับผิดชอบตามหน้าที่ หรือตำแหน่งของตัวเอง แต่การ ทำงานราชการ อาจจะไม่เป็นเช่นนั้น อย่างการเป็นครูนั้น บางคนจะมีงานอื่นเพิ่มเติมที่ต้องดูแล นอกเหนือไปจากการสอน และบางคน ก็จะมีงานเข้ามาเยอะมาก ในขณะที่เงินเดือนก็ไม่มาก จำเป็นจะต้องทำอาชีพเสริมควบคู่กัน จึงต้องวางแผนเรื่องงานอย่างดี

 

การเลือกงานที่เหมาะสมกับอาชีพ

หากต้องทำงานที่มีงานงอก มีงานได้รับมอบหมายมาก จนบางคนถึงกับต้องหอบงานมาทำต่อที่บ้าน กรณีอย่างนี้ การเลือกอาชีพ เสริม จะต้องเลือกอาชีพที่แนวออนไลน์ เช่น ขายของผ่านเน็ต หรือแนวผลิตสินค้าไว้ขายเอง เน้นการติดต่อกับลูกค้าให้น้อย หรือหลีก เลี่ยงงานที่จะต้องเตรียมข้าวของเพื่อขาย อย่างการขายของ ขายอาหาร เพราะเวลาจะไม่พอ

สำหรับงานออนไลน์ ก็จะมีงานเสริมมากพอสมควร เช่น ทำเว็บไซต์หาเงินกับการคลิกโฆษณา ทำวิดีโอหาเงินกับการคลิกโฆษณา หรือสปอนเซอร์ บางคนเน้นการเป็นนายหน้าขายสินค้าผ่านเฟสบุ๊ค ฯลฯ งานในลักษณะนี้จะไม่ใช้เวลามากนัก สามารถแบ่งเวลาไปทำ งานได้

 

แนวทางวางแผนเรื่องการทำงาน

หากมีงานประจำและมีงานเสริมที่จะต้องทำควบคู่กัน กรณีงานประจำมีงานต้องทำเยอะมาก เบียดบังเวลาทำงานเสริม ก็อาจจะวาง แผนการทำงานในลํกษณะนี้ ซึ่งก็น่าจะช่วยให้อาชีพเสริมสามารถดำเนินต่อไปได้

1. ศึกษาหาความรู้ในเรื่องที่จะทำให้มีความรู้ความชำนาญ เพื่อให้สามารถทำงานได้จริง เน้นศึกษาในเรื่องที่สามารถเปลี่ยนความรู้ให้ เป็นสินค้าได้ เพื่อลดเวลาในการทำงาน เช่น งานศิลปะ จะสามารถสร้างผลงานออกมาได้เรื่อยๆ ในขณะที่อาชีพเสริมสวย จะรับงานได้ จำกัดตามกำลังตัวเองที่จะสามารถให้บริการลูกค้าได้เท่านั้น และยังติดเรื่องเวลา และลูกค้า

2. การเปลี่ยนความรู้ให้เป็นรายได้ ต้องวางแผนให้ดีเช่นกัน ไม่ทำงานที่ต้องใช้เวลามากๆ อย่างการขายหมูปิ้งกับข้าวไข่เจียว การทำหมู ปิ้งต้องใช้เวลาในการเตรียมสินค้ามากกว่าข้าวไข่เจียว เป็นต้น งานแต่ละอย่างต้องวิเคราะห์ให้ดีเกี่ยวกับเวลาที่จะต้องใช้ไปทั้งหมด กว่า จะได้รายได้กลับมา บางคนชอบงานศิลปะ วาดรูปทั้งปี แล้วนำมาจัดงานเป็นช่วงๆ สร้างรายได้จากการขาย

3. ใช้การจัดบันทึก การทำงาน ทำอะไรถึงไหน แทนการใช้สมองมาจดจำ เพราะจะต้องใช้สมองคิดเรื่องอื่นหลายเรื่อง จะสร้างปัญหา ทำ ให้หลงๆ ลืมๆ งานไม่ก้าวหน้า

4. จัดที่นั่งทำงานให้เป็นที่ ห้ามขยับ ห้ามเปลี่ยน เพราะเวลามานั่งที่เดิม สิ่งที่เคยทำ ไปแล้ว ก็จะระลึกได้เร็วกว่า ลดเวลาทำงาน ไม่ต้อง มานั่งนึกว่า ทำอะไรถึงไหนแล้ว

5. เวลาทำงานต้องทำอย่างเดียว อย่าดูวิดีโอ ทีวี ฟังเพลง หรือทำอย่างอื่น ห้ามเด็ดขาด การทำงานจะมีความยาก เนื่องจากไม่มีสมาธิ และต้องหลีกเลี่ยงการมีข้าวของเครื่องมือเครื่องใช้บนโต๊ะมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เสียเวลาหยิบมาเล่น หยิบมาดู

6. อย่าทำงานที่มีรูปแบบการทำงานซับซ้อน การทำงานที่จะต้องติดต่อผู้คน ต้องพึ่งพาคนอื่น หรือปัจจัยอื่น ไม่เช่นนั้น งานก็ไม่สำเร็จ หรืออย่าไปคาดหวังความช่วยเหลือจากผู้อื่น บางคนคาดหวังว่าลูกหลาน คนในครอบครัวจะมาช่วย งานในลักษณะนี้ควรหลีกเลี่ยง เพราะยากที่จะประสบความสำเร็จ เน้นการทำงานที่ทำคนเดียว

7. จัดระบบการทำงานของตัวเองให้มีช่องทางให้คนอื่นมาช่วยสานต่อได้ บางคนเปิดเฟสบุ๊คเพจขายของ ติดเรียนไม่มีเวลา ก็จ้างคน คอยตอบคำถาม ติดต่อ สั่งซื้อสินค้า จ้างคนจัดส่งสินค้า เป็นต้น เพราะหากมีงานประจำเข้ามามาก ไม่มีเวลาดูแลงานเสริม ก็จะสร้าง ปัญหาอย่างแน่นอน

 

 

สำหรับผู้ที่ทำงานประจำ บางคนจะมีงานที่ได้รับมอบหมายเยอะมาก เวลาทั้งชีวิตแทบจะหมดไปกับงาน โดยเฉพาะอย่างงานราชการ ซึ่งบางทีการทำงานนั้น ก็เป็นการช่วยงานส่วนตัวผู้บังคับบัญชาบ้าง ไม่เหมือนงานบริษัท จะไม่มีงานให้ต้องรับผิดชอบมากขนาดนั้น ใน ขณะที่เงินเดือนน้อย ไม่มีความมั่นคง ก็จำเป็นต้องทำงานเสริม แต่การทำงานเสริม หากเวลามีจำกัด ก็ต้องรู้จักวางแผน

 

เพราะงานเสริมนั้นมีความสำคัญ หากประสบความสำเร็จ ก็จะมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น อาจจะลาออกจากงานประจำได้เลย และการทำงานเป็นลูกจ้างนั้น ยากจะรวย