ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงนิสัยไม่ดีของคนเรา เรื่องการชอบโทษคนอื่น หรือสิ่งอื่น เมื่อตัว เองทำผิด รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง แทนที่จะโทษตัวเอง กลับไปโทษสิ่งอื่น หลายมักจะเป็นแบบนี้ มีนิสัยแบบนี้ เรื่องนี้สำคัญที่ จะต้องรู้ให้เท่าทัน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ โดนโทษว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ตัวอย่าง :
การคบค้าสมาคมกับคนที่ชอบโทษคนอื่น เป็นพวก รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง ก็ต้องระวังตัวให้มาก จะทำอะไร พูดอะไร ก็ต้อง ระวัง เพราะหากเกิดความผิดพลาด ก็จะโดนโทษว่าเป็นสาเหตุของปัญหา หรือต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา บางคนนั้นโทษได้ทุก เรื่อง ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด คนประเภทนี้ไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด ก็ไม่ควรคบหาสมาคมด้วย เพราะคนเรานั้น ไม่มีใครไม่ เคยทำอะไรผิดพลาด หรือแม้จะระวังเพียงใด ก็มีโอกาสเกิดความผิดพลาด ถ้าไม่รู้จักให้อภัยกันก็ควรเลิกคบกันเสียจะดีกว่า
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ย่อมมีความผิดพลาดเกิดขึ้น การโทษตัวเองไว้ก่อน เป็นเรื่องดี จะช่วยพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้ เพราะเมื่อโทษตัวเอง ยอมรับว่าตัวเองผิด ก็จะได้หาทางแก้ไข แต่หากเป็นคนประเภท รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง โทษคนอื่นไป เสียทุกเรื่อง แม้กระทั่งสิ่งไม่มีชีวิตก็ตาม ชีวิตก็จะมีแต่ความทุกข์ เพราะเวลาทำอะไรผิดพลาด ก็จะโทษคนอื่น สิ่งอื่นรอบตัวไป หมดทุกเรื่อง และทำให้คนรอบตัวไม่กล้าคบหา เพราะกลัวจะกลายเป็นปี เป็นกลอง เป็นแพะ ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้น สิ่งเหล่านั้น ไม่ผิด ไม่เกี่ยวข้องด้วยเลย
นิสัยชอบโทษคนอื่น หรือสิ่งของรอบตัว ทั้งมีหรือไม่มีชีวิต รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง เป็นนิสัยพื้นฐานของคนเรา คนฉลาดจะ รู้ตัวเร็ว และหยุดนิสัยไม่ดีแบบนี้ ไม่ปล่อยให้เกิดขึ้น เพราะการโทษคนอื่นหรือสิ่งอื่นมีแต่จะเกิดปัญหาตามมาและไม่สามารถ แก้ไขอะไรได้ ต้องแก้ไขที่ตัวเอง หากตัวเองไม่มีปัญหา สิ่งรอบข้างก็จะไม่มีปัญหาเช่นกัน
บางคนเป็นคนมีระเบียบวินัย มีความ ระมัดระวังในการทำงาน อย่างละเอียดรอบคอบ และยึดถือมาตรฐานการทำงานแบบนี้ ดังนั้นใครก็ตามที่จะมาทำงานด้วย หาก เป็นคนไม่มีความระมัดระวัง ก็ย่อมจะรู้อยู่แก่ใจดีว่า จะต้องมีปัญหาเมื่อจะต้องทำงานร่วมกัน ก็จะไม่ทำอะไรที่ผิดพลาด หรือ สร้างปัญหาตามมา อย่างการโทษคนอื่นเมื่อตัวเองทำผิด