เปลี่ยนรถยนต์บ่อย กับ ใช้รถยนต์คันเดียวยาวๆ หลายสิบปี แบบไหนคุ้มกว่ากัน? เรื่องนี้หากไม่เคยใช้รถยนต์มาก่อน ก็ยากจะเข้าใจ เพราะประสบการณ์เรื่องรถยนต์ มักจะต้องแลกกับเงินหลักแสนหลักล้านบาท และเวลาที่จะต้องใช้ในการขับรถ ดูแลรถ ซ่อมบำรุง ฯลฯ จึงจะเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ซึ่งการเลือกใช้รถให้เหมาะสมกับตัวเอง ก็จะช่วยประหยัดเวลา ประหยัดเงิน อย่างมาก

หากจะตัดสินว่า การใช้รถแบบไหนจึงจะคุ้มค่ากว่ากัน คงต้องไปทำความรู้จักข้อดีข้อเสียของการเปลี่ยนรถบ่อย หรือใช้รถยนต์คันเดียวยาวๆ กันก่อน

 

ข้อดี ข้อเสีย ของการเปลี่ยนรถยนต์บ่อย

ข้อดีของการเปลี่ยนรถยนต์บ่อย

การเปลี่ยนรถบ่อยๆ เช่น บางคนจะใช้รถใหม่ป้ายแดง และเปลี่ยนใหม่ทุก 3-5 ปี ซึ่งก็จะได้รถที่มีสภาพสมบูรณ์ ได้รถใหม่ ไม่ตกรุ่น หากต้องทำงานที่ต้องอาศัยภาพลักษณ์ ใช้ความสำเร็จเป็นตัวช่วยทำการตลาด การเปลี่ยนรถบ่อย อาจจะคุ้มค่า เพราะดูดี มีความน่าเชื่อถือ ก็จะมีลูกค้าเข้ามา อย่างอาชีพโค้ชต่างๆ มีรถ มีบ้าน ก็ดูดี มีความน่าเชื่อถือ มีโอกาสได้ลูกค้าเพิ่ม

 

บางคนไม่เน้นเปลี่ยนรถบ่อย แต่เน้นรถสปอร์ต ซึ่งรถเหล่านั้นราคาไม่ตก และช่วยสร้างภาพลักษณ์ได้เป็นอย่างดีสำหรับคนทำธุรกิจ เพียงแต่ต้องมีรถหลายคัน รถสปอร์ตซื้อไว้สะสมและสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเอง เพราะรถแบบนี้ ราคาไม่ค่อยตก หรือบางรุ่นก็มีราคาเพิ่มมากขึ้น กลายเป็นของสะสมที่มีราคา

 

ข้อเสียของการเปลี่ยนรถยนต์บ่อย

การเปลี่ยนรถบ่อย อย่างการเปลี่ยนรถใหม่ทุก 3-5 ปี สมมุติว่า ราคารถเริ่มต้นที่ 1,000,000 บาท หลัง 5 ปีผ่านไป
- สำหรับยี่ห้อยอดนิยม ราคาจะอยู่ประมาณ 6-7 แสนบาท เงินหายไปประมาณ 3 - 4 แสนบาท


- สำหรับรถยี่ห้อที่ตลาดไม่นิยม รถยุโรป รถเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ราคารถอาจจะเหลือเพียง 4-5 แสน เงินหายไปประมาณ5-6 แสนบาท บางคันราคาป้ายแดง 1,000,000 บาท ผ่านไป 5 ปี เหลือ 400,000 บาท เป็นราคาที่ผู้เขียนไปเจอลงประกาศขายในเว็บไซต์รถมือสอง รถที่มีราคาหลายๆ ล้าน เงินก็จะหายไปหลักล้านบาทเช่นกัน

แต่หากขายให้เต็นท์รถ ก็คงจะขายได้ไม่เกิน 350,000 บาท ราคาตกมาก อย่างคันนี้ ราคาป้ายแดง 8 แสนกว่าบาท ตอนนี้เหลือราคาประมาณ ประมาณ 288,000 บาท แต่หากขายให้เต็นท์คงจะได้ประมาณ 2 แสนต้นๆ เท่านั้นเอง ราคาตกมาก

 

การเปลี่ยนรถยนต์บ่อยๆ อย่างในระยะเวลา 20 ปี เปลี่ยนรถไปแล้ว 4 คัน ถ้าขาดทุนคันละ 400,000 บาท รวม 4 คันก็จะเป็นเงินมากถึง 1,600,000 บาท เลยทีเดียว นี่ยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะต้องจ่ายมากถึง 4 เท่าตัวเช่นกัน ในขณะที่การใช้รถเพียงคันเดียว จากราคา 1,000,000 บาท ก็จะมักจะขาดทุนไปไม่เกิน 1,000,000 บาท เท่าราคารถ เพราะหลังปีที่20 รถยนต์จะเหลือราคาอยู่ไม่เกิน 100,000 บาท หรือ 0 บาท ก็มีสำหรับรถยนต์เครื่องใหญ่ ตลาดไม่นิยม รถยุโรป

 

หากรถยังอยู่ในสภาพดี ขับได้ ราคามักจะอยู่ที่หลักหมื่นบาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 100,000 บาท รถยนต์ใหญ่ เครื่องยนต์ใหญ่จะมีราคาถูกกว่ารถยนต์เล็ก เครื่องยนต์เล็ก ประหยัดน้ำมัน อย่าง Honda Accord Toyota Camry Benz 230 เครื่องยนต์ 2,000 cc ขึ้นอาจจะมีราคาใกล้เคียงรถเล็ก อย่าง Honda city เครื่องยนต์ 1,500 cc และราคาขายจะมีแนวโน้มถูกกว่า เพราะค่าใช้จ่ายสูง ค่าน้ำมันแพง ไม่มีใครอยากจะใช้งาน ถ้าไม่ชอบจริงๆ

 

รายจ่ายอื่นๆ ที่เกิดจากรถ การเปลี่ยนรถยนต์บ่อย เช่น เปลี่ยนทุก 5 ปี จะต้องเป็นการซื้อเงินสด จึงจะคุ้มค่า เพราะจะช่วยประหยัดค่าจัดไฟแนนซ์ ค่าผ่อน ดอกเบี้ย คำดำเนินการ ค่าเปลี่ยนโอนย้ายทะเบียนรถ ประมาณ 3,000 บาท ต่อคัน ในยี่สิบปีเปลี่ยนไป 4 คันก็ 12,000 บาทแล้ว รายจ่ายทุกอย่างต้องคูณ 4 นี่คือรายจ่ายอื่นที่นอกเหนือจากราคารถ ดังนั้น เงินที่จะหมดไปกับการเปลี่ยนรถบ่อยๆ หากรวมกับรายจ่ายส่วนนี้ ก็คิดเป็นเงินอีกหลายแสนบาท

 

ข้อดี ข้อเสีย ของการใช้รถยนต์คันเดียวยาวนานเกิน 10 ปี

ข้อดีของการใช้รถยนต์คันเดียวยาวนานเกิน 10 ปี

การใช้รถอย่างยาวนานเกิน 10 ปี หรืออาจจะเกิน 20 ปี หรือจนกว่ารถจะพังไปข้าง กรณีนี้จะเป็นเรื่องที่คุ้มค่า เพราะประหยัดเงินมากกว่า เช่น
1. กรณีใช้รถใหม่ป้ายแดง สมมุติว่าราคา 1,000,000 บาท หลังผ่านไป 20 ปี หากรถยังขับได้ อยู่ในสภาพดี มักจะมีราคาประมาณ 50,000 บาทขึ้นไป ก็จะขาดทุนประมาณ 950,000 บาท ขึ้นไป เมื่อเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนรถทุก 5 ปี แล้วคุ้มกว่า เพราะเปลี่ยนรถบ่อยจะขาดทุนเกิน 1 ล้านบาท

2. ส่วนกรณีซื้อรถมือสอง โดยเน้นรถที่มีอายุใช้งาน 3-5 ปี สมมุติว่า ราคาประมาณ 5-7 แสนบาท จากรถป้ายแดง1,000,000 บาท กรณีนี้จะคุ้มค่ามากที่สุด ได้รถดี ราคาถูก และประหยัดเงินหลายแสนบาท หากตั้งใจจะใช้รถอย่างยาวนาน ก็แนะนำแบบนี้ อย่าไปซื้อรถใหม่ป้ายแดง โดยซื้อเงินสด อย่าซื้อรถเงินผ่อน ก็จะประหยัดเงินมากที่สุด


2. การใช้รถยนต์คันเดียวยาวๆ ทั้งการขับ การซ่อมบำรุง การดูแล ก็จะรู้ข้อดี ข้อเสีย จุดเด่น จุดด้อย เวลารถมีปัญหา ก็จะแก้ไขได้ไม่ยาก รถจะมีโอกาสอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งาน แม้จะเป็นรถเก่า

 

ข้อเสียของการใช้รถยนต์คันเดียวยาวนานเกิน 10 ปี

1. การใช้รถคันเดียวอย่างยาวนาน ต้องวางแผนค่อนข้างมาก ตั้งแต่การเลือกซื้อรถ ต้องเป็นรถเล็ก ประหยัดน้ำมันเท่านั้น จึงจะคุ้มค่า หากซื้อรถเครื่องยนต์ใหญ่ กินน้ำมัน ก็จะต้องติดตั้งแก๊ส ทำให้เสียเงินเพิ่ม โดยเฉพาะเครื่องยนต์ ซึ่งมักจะมีปัญหาอาจจะต้องเปลี่ยนเครื่อง ค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่ ค่าประกันภัยที่แพงกว่า ซึ่งมีรายจ่ายหลักหมื่น หลักแสนบาทตามมา ดังนั้นหากวางแผนผิดไปจากนี้ จะเสียเงินมาก เพราะอาจจะต้องขายรถเสียก่อน สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว

2. การเกิดอุบัติเหตุ แม้จะใช้รถเล็ก ประหยัด แต่หากเกิดอุบัติเหตุ รถไม่มีประกันภัย การชนหนัก ทำให้ต้องขายรถ หรือกลายเป็นซากรถ ต้องซื้อใหม่ ก็จะทำให้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นทันที ซึ่งในระยะเวลาเป็นสิบปี ก็ย่อมจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ ไม่เพราะเราก็คนอื่นเป็นต้นเหตุ

3. การซ่อมบำรุง ต้องทำตามระยะทาง อย่างเคร่งครัด และซ่อมให้จบ เปลี่ยนอะไหล่แท้ รถก็จะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหา การดูแลอย่างดี รถก็จะใช้งานได้อีกนาน โดยเฉพาะที่จอดรถที่กันแดดกันฝนได้ เรื่องนี้ก็สำคัญ ไม่เช่นนั้นก็จะมีค่าทำสี ปะผุตามมาอีกหลายหมื่นบาท

4. หากต้องใช้รถเพื่อทำมาหากิน ก็จำเป็นต้องมีรถสำรอง เผื่อรถมีปัญหา หรือต้องนำไปซ่อมบำรุงหลายวัน รถสำรองก็ต้องอยู่ในสภาพดีเช่นกัน

5. กรณีใช้รถบ่อย ขับรถมาก รถจะโทรมมาก ค่าซ่อมมาก จึงไม่เหมาะกับการใช้งานมาก ขับรถระยะทางไกลในแต่ละวัน อย่างเซลล์ขายของ หรือ รถรับส่งของ และจำเป็นต้องมีรถสำรอง สลับใช้ สลับซ่อม

6. ไม่มีรถรุ่นใหม่ไว้ใช้งานตลอดเวลา เหมือนคนอื่น ไม่เท่เหมือนคนอื่น อย่างในภาพคันนี้อายุเกิน 25 ปี

 

ข้อควรพิจารณา ใช้รถคันเดียวหรือเปลี่ยนรถบ่อย

หากตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกแบบใด ระหว่างการใช้รถคันเดียวให้พังไปข้าง กับการเปลี่ยนรถบ่อยๆ คงจะต้องแยกพิจารณาตามลักษณะการใช้งาน เช่น

 

ทำงานบริษัท เน้นใช้รถเพื่อขับไปทำงาน หรือทำธุระบ้าง

กรณีนี้การใช้รถคันเดียวยาวๆ คุ้มค่าแน่นอน แต่ต้องเน้นรถเล็ก ประหยัดน้ำมัน และไม่จำเป็นต้องเป็นรถป้ายแดง หารถมือสองอายุ 3-5 ปี เลขไมล์น้อยๆ ก็เพียงพอแล้ว ด้วยงบไม่เกิน 350,000 ก็จะได้รถดีไว้ใช้งานอีกนาน มีข้อแม้อย่างเดียวต้องซ่อมบำรุงตามระยะทาง เปลี่ยนอุปกรณ์ทุกอย่างเมื่อถึงเวลา ในระยะเวลา 20 ปี ค่าซ่อมไม่เกิน 150,000 หากเน้นซ่อมให้เหมือนรถมาตรฐานเดิมๆ จากโรงงาน ใช้อะไหล่แท้

 

ใช้รถเพื่อทำมาหากินหรือเดินทางบ่อย

หากใช้รถเพื่อทำมาหากิน ต้องใช้รถมาก ขับรถมาก ระยะทางไกล การใช้รถคันเดียวอาจจะไม่คุ้ม บางคนขับเกิน 100,000 กิโลเมตรต่อปี อาจจะต้องเปลี่ยนรถบ่อย เช่น ทุก 10 ปี แต่ต้องดูแลซ่อมบำรุงให้ดี ก็พอจะช่วยประหยัดเงินได้

 

แต่บางคนก็เน้นเปลียนรถบ่อยๆ เพราะขับรถมาก แต่ละปีขับรถเกินหลักแสนกิโลเมตร ก็จะซื้อรถอายุ 3-5 ปี มาใช้งาน เลือกคันที่ใช้งานน้อย จากนั้นก็ใช้งานต่ออีก 2-3 ปี แล้วขายต่อ หนำซ้ำยังกรอเลขไมล์อีกต่างหาก แล้วก็หาคันใหม่ ทำแบบเดิมๆ วนไป วิธีนี้ก็จะช่วยประหยัดเงินได้พอสมควร ได้รถดีไว้่ใช้งาน และไม่ต้องซ่อม แต่คนที่ได้รถไป อาจจะเจอกับการซ่อมใหญ่

 

ทางเลือกอื่นหากต้องการความประหยัด ก็อาจจะเลี่ยงไปใช้รถยนต์เครื่องดีเซล เพราะมีความทนทานกว่าเครื่องยนต์เบนซินบางรุ่นใช้งานได้เกินล้านกิโลเมตรเลยทีเดียว อย่างคันนี้ ตอนนี้เลขไมล์ 7 แสนกว่ากิโลเมตรแล้ว ล้านกิโลเมตรใช้งานได้สบายๆ

วางแผนใช้รถยาวๆ หลายสิบปี ต้องหลีกเลียง ยี่ห้อเจ้าปัญหา เน้นยี่ห้อยอดนิยม และรุ่นที่ไม่สร้างปัญหา ดูแลง่าย ระบบต่างๆ ไม่ซับซ้อน เพื่อไม่ให้เสียเงิน เสียเวลาไปกับการซ่อม การดูแล 

 

ท้ายนี้ก็หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านที่กำลังลังเลว่าจะเลือกใช้งานรถแบบไหนดี ระหว่างใช้คันเดียวยาวให้พังไปข้างหรือเปลี่ยนรถบ่อย เรื่องนี้หากเข้าใจก็จะช่วยประหยัดเงินหลักแสนหลักล้านบาทเลยทีเดียว การทดลองเอง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้ เพราะต้องใช้เงินหลักแสน หลักล้านบาทเช่นกัน ผู้เขียนเคยใช้รถมาทั้งหมด ซื้อๆ ขายๆ รวม 11 คัน ค่าซ่อม ค่าโอน ฯลฯ ก็ 11 รอบ เมื่อเทียบกับการใช้รถเพียงคันเดียว ยาวๆ ก็จะช่วยประหยัดเงิน อย่างมาก