แบตเตอรี่รถยนต์ แนะนำวิธีการดูแล การใช้งานอย่างเข้าใจ จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ เพราะระบบไฟฟ้าเป็นระบบสำคัญในรถยนต์ ซึ่งมีหลายเรื่องที่จะต้องรู้ เช่น การแก้ปัญหากรณีแบตเสื่อม แบตเตอรี่หมดไฟ ประเภทของแบตเตอรี่ เป็นต้น
ในรถยนต์มือสอง แบตเตอรี่ที่ใช้งานนั้น อาจจะพบได้ 3 แบบด้วยกันก็คือ
1. แบตเตอรี่แบบน้ำ เป็นแบบเก่า ต้องคอยเติมน้ำกลั่น มีราคาถูก และมีความทนทาน ใช้งานได้นาน แต่ต้องคอยดูระดับน้ำกลั่นในตัวแบตเตอรี่อย่าให้ลดลงเหลือน้อยกว่าระดับ MIN ต้องให้น้ำอยู่ในระดับ MAX และ MIN เท่านั้น การใช้แบตเตอรี่แบบนี้ จึงต้องหมั่นตรวจสอบระดับน้ำอย่างน้อยก็เดือนละครั้ง หรือ หลังจากเดินทางไกล หรืออาจจะเกิดอุบัติเหตุ อย่างผู้เขียนขับรถปีนเกาะกลางถนน รถกระแทกอย่างรุนแรง แบตแตก น้ำกลั่นรั่ว
2. แบตเตอรี่แบบแห้ง เป็นแบตเตอรี่แบบใหม่ ราคาสูงกว่า ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น สะดวกในการใช้งาน แต่จากที่ลองใช้ รู้สึกว่า อายุการใช้งานจะสั้นกว่าแบบเติมน้ำ เพียงแต่สะดวก ไม่ต้องทำอะไร คอยดูแค่ว่า รถมีอาการสตาร์ตยากหรือไม่ นั่นก็หมายถึงแบตเตอรี่เสื่อมได้เวลาเปลี่ยนแล้ว จะใช้วิธีเขียนวันเดือนปีที่เปลี่ยนเอาไว้ ก็จะรู้ได้ทันที ว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้วหรือยัง
3. แบตเตอรี่แบบไฮบริด ผสมผสามระหว่างแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกับแบบแห้ง สามารถเติมน้ำกลั่นได้ แต่จะระเหยช้ากว่า
ในรถยนต์มือสองที่เราใช้งานอยู่นั้น ให้ดูว่า แบตเตอรี่แบบเดิม จากโรงงาน หรือในรถยนต์ใหม่ ใช้แบบใด ก็ใช้ไปตามนั้น
การดูแลและใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์แบบเติมน้ำ
สำหรับรถยนต์มือสองที่ใช้แบตเตอรี่แบบเติมน้ำ จะต้องการการดูแลมากกว่า มีโอกาสเกิดปัญหา กับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า ซึ่งสาเหตุจะมาจากระดับน้ำกลั่นที่ลดลง ดังนั้น จึงต้องหมั่นตรวจสอบ และอาจจะต้องดูแลอย่างอื่นเพิ่มเติมอีกเช่นกัน ตัวอย่างเช่น
การดูระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่รถยนต์
ให้คลายน็อตพลาสติกบนแบตเตอรี่รถยนต์ ออก ใช้เหรียญ 2 บาทหมุนออก เพื่อดูระดับน้ำกลั่น มีวิธีสังเกตุง่ายๆ โดยดูระดับน้ำต้องเท่ากับตำแหน่งดังภาพปริ่มๆ ไม่ลดน้อยกว่านั้น หากลดน้อยลง อาจจะทำให้สตาร์ตไม่ติดง่ายเหมือนปกติ ครั้งเดียวไม่ยอมติด หาซื้อน้ำกลั่นได้จาก Lotus Express หรือ ร้านขายอะไหล่รถยนต์
กรณีแบตเตอรี่เสื่อมสภาพแล้ว หมดอายุ
อายุการใช้งานแบตเตอรี่จะอยู่ประมาณ 3 ปี หรือมากกว่านี้ อาจจะมีบางคนที่ใช้ได้นานกว่านั้นหรือสั้นกว่านั้น ก็ต้องสังเกตุอาการที่จะบ่งบอกว่าแบตเตอรี่เสื่อมแล้ว เช่น สังเกตุจากการสตาร์ตรถยนต์ทุกวัน หากบิดกุญแจ แช๊ะ เดียวแล้วไม่ติดให้ตรวจสอบระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่อาจจะมีบางช่องที่พร่องไปก็มีส่วนทำให้สตาร์ตติดยาก ครั้งเดียวไม่ยอมติด แต่หากระดับน้ำกลั่นปกติ ก็แสดงว่าแบตใกล้จะเสื่อมแล้ว หรืออาจจะเกิดจากไดสตาร์ท ให้นำรถยนต์เข้าไปตรวจสอบกับอู่
1. ปัญหาจากไดสตาร์ต บิดกุญแจแล้วเงียบ แต่รถยังมีไฟ
2. ปัญหาจากแบตเตอรี่รถไม่มีไฟ หรือ ไฟเหลือน้อยมาก อย่างการลืมปิดไฟ หน้ารถ แม้จะเป็นเพียงไฟหรี่ ก็ทำให้ไฟในแบตเตอรี่หมดได้ อาการนี้ แบตเตอรี่ยังไม่เสื่อม
ตรวจสอบตำแหน่ง แบตเตอรี่รถยนต์ เมื่อขับรถลงหลุม กระแทกรุนแรง
การขับรถตกข้างทาง ลงหลุม ปืนเกาะกลางถนน รถได้รับการกระแทกอย่างรุ่นแรง ต้องเปิดฝากระโปรงหน้าเพื่อตรวจสอบว่าแบตเตอรี่หลุดออกจากตำแหน่ง หรืออาจจะแตก ทะลุหรือไม่ ผู้เขียนเคยขับรถปีนเกาะกลางถนน ทำให้แบตเตอรี่กระแทกกับชิ้นส่วนภายในแตก น้ำกลั่นไหลออกมา ระดับน้ำกลั่นที่ลดลง ทำให้สตาร์ตยาก แต่แบตเตอรี่ยังไม่เสื่อม หลังจากเอากาวติดให้สนิท เติมน้ำกลั่นลงไปให้พอดี ก็ยังใช้งานต่อได้อีกหลายปี
ถอดขั้วแบตเตอรี่
กรณีของรถมือสองที่ไม่มีระบบอีเล็คทรอนิกซ์ซับซ้อนมากนัก ก็จะสามารถถอดขั้วแบตเตอรี่ออกได้เลย แต่การตั้งค่านาฬิกาหรืออุปกรณ์ที่ต้องใช้ไฟเลี้ยงจะถูกรีเซ็ตก็ต้องตั้งค่าใหม่ วิธีที่ง่าย ก็นำรถมอเตอร์ไซค์มาจอดใกล้ๆ แล้วพ่วงแบตมอเตอร์ไซต์เอาไว้ก่อน จากนั้นจึงถอดขั้วแบตเตอรี่ ซึ่งอาจจะถอดเพื่อทำความสะอาด
การทำความสะอาดแบตเตอรี่ ขั้วแบตเตอรี่ ฐานแบตเตอรี่
การทำความสะอาดตัวแบตเตอรี่ก็ใช้ผ้าแห้งหรือหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดได้ตามปกติ ส่วนขั้วแบตเตอรี่ หากมีขี้เกลือเกาะ ก็สามารถใช้น้ำอุ่น ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาด หรือของแข็ง พลาสติก ไม้ ขูดออกได้ ส่วนฐานแบตเตอรี่ก็เช่นกัน ถอดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อน ยกแบตเตอรี่ออกมา แล้วทำความสะอาดฐานแบตเตอรี่ อย่าลืมใช้แบตเตอรี่พ่วงเอาไว้ก่อน จะไม่เสียเวลาตั้งค่าอุปกรณ์บางตัวที่ต้องใช้ไฟเลี้ยง
การพ่วง แบตเตอรี่รถยนต์
หากมีปัญหา แบตเตอรี่ หมด ต้องใช้การพ่วงแบตเตอรี่ โดยเฉพาะรถเกียร์ออโต้ ก่อนอื่นก็เตรียมสายพ่วงแบตเตอรี่ให้เรียบร้อยก่อน รถที่จะทำการพวงแบตเตอรี่ กำลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ต้องใกล้เคียงกันหรือเท่ากัน รถยนต์เล็ก แบตเตอรี่ขนาดเล็ก เอาไปพ่วงรถใหญ่จะไม่ได้ผล กำลังไฟไม่พอ
1. ขั้นตอนการพ่วงแบตเตอรี่ให้นำสายพวงแบตขั้วบวกหรือสีแดงหนีบกับขั้วบวกที่แบตเตอรี่ของรถทั้งสองคัน ขั้วบวก + กับบวก + ให้ระวังอย่าให้ที่หนีบไปโดนตัวถังรถเด็ดขาด เพราะจะเกิดการลัดวงจรได้ เนื่องจากตัวถังรถจะเป็นขั้วลบ ระวังให้มากๆ
2. จัดการต่อขั้วลบโดยหนีบขั้วลบแบตเตอรี่ในรถที่นำมาพวง ส่วนอีกขั้วหนึ่งให้นำไปหนีบที่ตัวถังรถที่แบตเตอรี่หมดเลือกตำแหน่งที่เป็นโลหะ ในตัวรถ ไม่ควรไปหนีบที่ขั้วแบตเตอรี่โดยตรง
3. จัดการสตาร์ตรถคันที่แบตเตอรี่สภาพดี หรือรถที่นำมาพ่วง
4. สตาร์ตรถคันที่แบตเตอรี่หมด เมื่อติดแล้วให้เร่งเครื่อง พอประมาณ
5. จัดการถอดสายพ่วงแบตออกจากกัน โดยถอดขั้วบวกกับขั้วบวก ในรถทั้งสองคันก่อน ระวังอย่าให้โดนตัวรถอย่างเด็ดขาด จะทำให้ช็อตได้ แล้วจึงถอดขั้วลบ
6. รถคันที่แบตเตอรี่สภาพดี หรือรถที่นำมาพ่วง เดินเครื่องทิ้งไว้สักพัก อย่าเพิ่งดับเครื่องยนต์ เพื่อชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ ส่วนรถคันที่แบตเตอรี่มีปัญหา หากแน่ใจว่าแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมแล้ว ก็ควรขับไปเปลี่ยนทันที เพราะหากดับเครื่องก็ต้องพ่วงแบตเตอรี่เหมือนเดิม
การแก้ปัญหากรณีไม่มีสายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์
ในกรณีที่ไม่มีสายพ่วงแบตเตอรี่ เราก็ยังสามารถสตาร์ตรถเจ้าปัญหาที่แบตเตอรี่หมดได้ โดยในรถยนต์ที่แบตเตอรีสภาพดี ให้สตาร์ตแล้วถอดแบตเตอรี่ออก ระวังขั้วบวกต้องหาผ้ามารอง อย่าให้โดนตัวถังรถอย่างเด็ดขาด จะเกิดการลัดวงจรหรือช็อต ขั้วลบก็เช่นกันเก็บสายไฟให้ดี เดี๋ยวจะเกิดการลัดวงจร
คราวนี้ก็ถอดแบตเตอรี่ไปแทนที่รถที่มีปัญหา แล้วจึงทำการสตาร์ต หลังจากสตาร์ตเครื่องติดแล้ว ก็เอาแบตเตอรี่มาใส่เหมือนเดิม ส่วนรถคันที่แบตเตอรี่มีปัญหา ก็เอาแบตเตอรี่ใส่เข้าไปเหมือนเดิม แล้วรีบวิ่งเข้าอู่ ไปจัดการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่วิธีนี้เคยทำกันเอง เพราะอยู่บนเขาใหญ่ หาที่พ่วงแบตเตอรี่ไม่ได้ เลยต้องใช้วิธ๊นี้ เพราะเป็นรถเกียร์ออโต้ เข็นไม่ได้
การซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ใหม่ด้วยตนเอง
การเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ร้านอาจจะบวกราคาเพิ่ม ดังนั้นควรสอบถามราคาก่อน และสอบถามร้านขายอะไหล่ หากต่างกันมาก ก็สามารถซื้อเองแล้วนำไปชาร์จกับร้านไดนาโม หรืออู่ทำระบบไฟฟ้ารถยนต์ ซึ่งจะคิดค่าชาร์จประมาณ 200 บาท
ทั้งนี้หากราคาไม่ต่างกันมากนักอาจซื้อแบตเตอรี่จากอู่ไปเลยก็ได้ แต่หากเกิน 300-400 บาทขึ้นไป การซื้อแบตเตอรี่เองจะประหยัดกว่า ผู้เขียนก็ใช้วิธีซื้อจากร้านขายอะไหล่ แล้วนำไปชาร์จกับร้านไดนาโมอีกที สำหรับแบตเตอรี่ควรจะขีดเขียนวันที่เปลี่ยนไว้ที่ตัวแบตเตอรี่ เวลามีปัญหาจะเดาได้ไม่ยาก เช่น แบตเตอรี่ลูกนี้ใช้มานานเกิน 3 ปีแล้วหากมีปัญหาสตาร์ตไม่ติด ก็รู้ได้ทันทีว่าปัญหาน่ามาจากแบตเตอรี่
ยืดอายุแบตเตอรี่ด้วยตัวชาร์จแบตเตอรี่
หากที่บ้านมีรถยนต์หลายคัน โดยเฉพาะการขับในระยะทางสั้นๆ การชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ จะทำได้ไม่เต็มที่ ควรซื้ออุปกรณ์ช่วยชาร์จแบบเตอรี่มาไว้ใช้งาน โดยต่อกับไฟบ้าน เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ของรถยนต์ให้เต็ม วิธีนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ ลองค้นหาข้อมูลจาก Lazada
แบตเตอรี่รถยนต์ที่เสื่อมสภาพแล้วนำไปใช้อะไรได้บ้าง
สำหรับแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพแล้ว แต่ก็ยังมีไฟฟ้า ยังพอเก็บไฟได้บ้าง อาจจะซื้อโซล่าเซลมาใช้ เพื่อทำไฟฟ้าไว้ใช้ในบ้าน แทนการเปิดไฟบ้าน เพราะอุปกรณ์โซล่าเซลราคาก็ไม่สูงมาก สามารถใช้งานแบตเตอรี่ไปได้อีกนาน ส่วนการนำไปใช้อย่างอื่นดูจะไม่คุ้ม เพราะน้ำหนักมากเกินไป