หุ้นเป็นวิธีลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ทั้งในระยะสั้น ระยะยาว มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายอย่าง ราคาหุ้น ผล กระกอบการ เงินปันผล ความมั่นคงของกิจการ นอกจากหุ้นแล้ว เว็บไซต์ ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับคนมีเงินเย็น ซึ่งมีลักษณะการลง ทุนที่คล้ายกัน อาจเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนมีเงินเย็น

 

หลังจากที่มีลูกค้าหนังสือท่านหนึ่ง ซึ่งเล่นหุ้นอยู่แล้ว และกำลังมองหาช่องทางลงทุนด้านอื่น เพิ่มเติม เพราะการเล่นหุ้นมีความเสียง จึงสนใจธุรกิจการทำเว็บไซต์ ก็เลยเป็นที่มาของบทความนี้ เผื่อใครที่มีเงินเย็นอยากจะลองเปลี่ยนแนวทางลงทุนด้านอื่นบ้าง

 

ทำความรู้จักการลงทุนกับหุ้นและลงทุนกับเว็บไซต์

ก่อนอื่นเราไปทำความเข้าใจกับการลงทุนกับการเล่นหุ้น และการลงทุนกับการทำเว็บไซต์กันก่อน ว่ามีรูปแบบการทำงาน การสร้าง รายได้ ผลกำไร ความเสี่ยง ฯลฯ อย่างไรบ้าง

 

 

ผลตอบแทนจากการเล่นหุ้น

การเล่นหุ้นมีผลตอบแทนในด้านต่างๆ เช่น

1. การเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร สร้างรายได้หรือขาดทุนวันต่อวัน

ตัวอย่าง วันนี้ช่วงเช้า ซื้อหุ้นราคาหุ้นละ 20 บาท ซื้อทั้งหมด 1,000 หุ้น รวมเงิน 20,000 บาท เช้าวันรุ่งขึ้น ราคาปรับตัวขึ้นเป็น 21 บาท ลงประกาศขายทั้งหมด ก็จะได้เงิน 21 x 1,000 = 21,000 กำไร 21,000 - 20,000 = 1,000 บาท

 

กรณีหุ้นตก ตัวอย่าง วันนี้ช่วงเช้า ซื้อหุ้นราคาหุ้นละ 20 บาท ซื้อทั้งหมด 1,000 หุ้น รวมเงิน 20,000 บาท เช้าวันรุ่งขึ้น หุ้นราคา เหลือ 18 บาท ลงประกาศขายทั้งหมด ก็จะได้เงินคืน 18 x 1,000 = 18,000 ขาดทุน 18,000 - 20,000 = ขาดทุน 2,000 บาท

 

บางคนที่มีเงินมากหลักหลายล้านบาท การซื้อหุ้นไม่ได้ซื้อทีละ 20,000 บาท เช่น ซื้อจำนวน 100,000 หุ้น เป็นเงิน 2,000,000 บาท หากราคาปรับขึ้นเพียงบาทเดียว ก็จะทำกำไรในระยะเวลาสั้นๆ มากถึง 100,000 บาทเลยทีเดียว แต่ถ้าขาดทุนก็หลักหมื่นหลัก แสนบาทเช่นกัน

 

2. การเล่นหุ้นปันผล มีผลตอบแทนระยะยาว

ตัวอย่าง สิ้นเดือนเงินออก ซื้อหุ้น หุ้นราคาหุ้นละ 20 บาท แบ่งเงินเดือนไปซื้อหุ้นทั้งหมด 500 หุ้น รวมเป็นเงิน 10,000 บาท สิ้นปี บริษัทกิจการดี มีเงินปันผลได้ หุ้นละ 0.50 บาท ซื้อไว้ 500 หุ้นจะได้เงินปันผล 0.50 บาท x 500 = 250 บาท ถ้าฝากธนาคาร จะต้องใช้เงินหลายแสนบาท เพื่อให้ได้ดอกเบี้ยใกล้เคียงกัน

 

ซื้อหุ้นต่อเนื่องทุกเดือน ทุกปี เป็นเวลา 10 ปี ผลตอบแทนที่เป็นเงินปันผล ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนหุ้นที่มี สมมุติว่า ได้ปัน ผลปีละ 100,000 ก็จะเป็นรายได้ที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในอนาคต

 

แต่การเล่นหุ้นปันผล ก็มีความเสี่ยง เช่น บางปี บริษัทไม่จ่ายเงินปันผล เพราะผลประกอบการไม่ดี หรือบางบริษัทก็เจ๊งปิดกิจการ เงินลงทุนก็จะหายไปด้วย

 

3. เงินต้น เงินลงทุน เพิ่มหรือลดลง

เงินที่นำไปลงทุนซื้อหุ้น ในแต่ละเดือน อาจจะน้อย สำหรับคนทำงาน เช่น บางคนแบ่งเงินเดือนละ 10,000 บาท ซื้อหุ้นสะสมไว้ บางคนนำเงินก้อนใหญ่หลักแสน หลักล้าน ไปซื้อหุ้นเก็บไว้ เงินที่นำไปซื้อหุ้นจะเป็นเงินลงทุน หรือเงินต้น ซึ่งเงินส่วนนี้อาจจะเพิ่มขึ้น หรือลดลง

 

ตัวอย่างการซื้อหุ้นราคาหุ้นละ 20 บาท ซื้อทั้งหมด 10,000 หุ้น รวมเงิน 200,000 บาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า ราคาปรับตัวขึ้นเป็น หุ้นละ 50บาท ทำให้เงินเพิ่มขึ้น 10,000 หุ้น x 50 บาท = 500,000 บาท รวมแล้วมีกำไร 300,000 บาท จากที่ลงทุนไป 200,000 บาท ส่วนคนรวยซื้อหุ้นหลักแสนหุ้น กำไรก็มหาศาลเช่นกัน

 

คนที่รวยกับการเล่นหุ้นในอดีต รวยกับหุ้นแบบนี้ เช่น เมื่อ 20 ปีก่อน ซื้อหุ้น ปตท ไว้ไม่เกิน หุ้นละ 20 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นละ 3 -400 บาท ก็ทำกำไรมหาศาลมาก รวยหลักล้าน หลักสิบล้าน พันล้าน กันถ้วนหน้า

 

ผลตอบแทนจากการทำเว็บไซต์

ลูกค้าของผู้เขียนท่านหนึ่งที่สนใจเรื่องการลงทุนทำเว็บไซต์ เพราะเห็นความไม่แน่นอนในการเล่นหุ้น ทั้งเก็บกำไร ทั้งเงินปันผล และ ทั้งเงินต้น ที่อาจจะไม่เหลือเงินทุนเลย มีความเสียง จึงหันมาสนใจเรื่องทำสร้างรายได้จากเว็บไซต์ โดยเน้นการทำรายได้จาก การคลิ กโฆษณาเป็นหลัก

 

1. รายได้จากเว็บไซต์ในแต่ละเดือนจากการคลิกโฆษณา

เว็บเหล่านี้สร้างรายได้จากการคลิกโฆษณา Adsense เหมือนกัน

ตัวอย่างรายได้จากเว็บไซต์ขนาดเล็ก เพิ่งจะเริ่มทำได้ไม่นาน

rodusedcar.com เว็บนี้ผู้เขียนได้ทดสอบอะไรบางอย่าง (ไม่บอก) โดยทำเว็บใหม่ เพื่อดูว่า ในระยะเวลา 1 ปี จะสร้างรายได้ให้ มากน้อยเพียงใด ซึ่งเว็บนี้มีค่าใช้จ่ายต่อปีไม่เกิน 700 บาท ในระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา (สร้างเว็บ 27/11/2560 ขณะเขียนบท ความ 7/11/2561) มีรายได้เข้ามาแล้วประมาณ 5,000 กว่าบาท

 

 

ตัวอย่างเว็บไซต์ขนาดกลาง อายุเว็บไซต์เกิน 5 ปี

car250.com เว็บนี้เริ่มสร้างมาประมาณปี 2013 ปัจจุบัน ปี 2018 ประมาณ 6 ปี มีผู้เข้าชมต่อวันประมาณ 15,879 คน หรือ ประมาณ 5,716,440 คนต่อปี เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับรถยนต์เหมือนกัน สร้างรายได้จากการคลิกโฆษณาเช่นกัน ก็ขอคิดคำนวณรายได้ คร่าวๆ ตามนี้
เว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมประมาณ 60,000 คนต่อปี ทำเงินได้ต่อปี ประมาณ 5,000
หากเว็บไซต์มีผู้เข้าชมประมาณ 5,716,440 คน จะทำเงินได้ต่อปีประมาณ (5,716,440 x 5,000) หาร 60,000 = 476,370 บาท (รายได้โดยประมาณ ไม่ใช่รายได้จริง)

 

 

เว็บไซต์ขนาดใหญ่มาก อายุหลายสิบปี

thairath.co.th เว็บนี้ก่อตั้งประมาณปี 1999 ปัจจุบันอายุประมาณ 19 ปี มีผู้เข้าชมต่อวันประมาณ 1,060,569 หรือประมาณ 387,107,685 คนต่อปี เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับรถยนต์เหมือนกัน สร้างรายได้จากการคลิกโฆษณาเช่นกัน ก็ขอคิดคำนวณรายได้คร่าวๆ ตามนี้
เว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมประมาณ 60,000 คนต่อปี ทำเงินได้ต่อปี ประมาณ 5,000
หากเว็บไซต์มีผู้เข้าชมประมาณ 387,107,685 คนต่อปี คนต่อปี จะทำเงินได้ต่อปีประมาณ (387,107,685 คนต่อปี x 5,000) หาร 60,000 = 32,258,973 บาท (รายได้โดยประมาณ ไม่ใช่รายได้จริง)

 

 

2. รายได้จากช่องทางอื่น

เมื่อมีผู้เข้าชมเว็บไซต์จำนวนมาก ก็จะมีช่องทางสร้างรายได้อีกหลายทาง เช่น สปอนเซอร์ที่ติดต่อขอลงโฆษณา เป็นเดือน เป็นปี

3. มูลค่าของเว็บไซต์ที่เพิ่มขึ้น

เมื่อเว็บไซต์มีรายได้ มีผู้เข้าชมจำนวนมาก ก็จะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น อย่างเว็บไซต์ lazada.co.th ที่ขายสินค้าต่างๆ ผ่านเน็ต ถูกขาย ต่อให้ แจ็ค หม่า หลักหมื่นล้านบาท เลยทีเดียว

 

 

การลงทุนหุ้นสำหรับคนทุนน้อย อย่างพนักงาน หรือมนุษย์เงินเดือนที่ทยอยนำเงินไปลงทุนซื้อหุ้นไว้ทุกเดือน กับนักเขียนหรือการ ลงทุนซื้อบทความไปลงเว็บไซต์ไว้ทุกเดือน เพิ่มจำนวนมากขึ้น เพิ่มฐานผู้เช้าชมมากขึ้น อาจจะใช้เวลาหลายปี เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้าชม ให้มากขึ้น ก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น การหาเงินทั้ง 2 แบบนี้ มีความคล้ายกัน ก็คือ ผลตอบแทนที่ดี จะต้องใช้เวลาเป็นปีๆ

 

แต่สำหรับคนมีเงินทุนมาก เช่นมีเงินหลักล้านบาท ก็สามารถเดินทางลัด ด้วยการซื้อเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมจำนวนมากพอสมควร แล้วนำมาพัฒนาต่อ โดยเน้นการทำบทความหรือซื้อบทความมาลงเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้เว็บโตเร็วขึ้น มีโอกาสสร้างผลตอบ แทนเร็วขึ้นไม่ต้องรอเวลาหลายปี

 

เงินทุนและระยะเวลาที่ใช้ลงทุน

การทำเว็บไซต์กับการเล่นหุ้นอย่างหุ้นปันผลจะต้องใช้ระยะเวลาหลายปี สำหรับคนมีทุนน้อย เน้นซื้อหุ้นสะสมไปทุกเดือน ส่วนคน ทำเว็บไซต์ ก็เขียนบทความหรือซื้อบทความใส่เว็บทุกเดือนเช่นกัน

 

1. ทุนน้อยกับการเล่นหุ้นหรือทำเว็บไซต์

สำหรับคนมีเงินทุนไม่มาก การทำเว็บไซต์หรือเล่นหุ้นจะคล้ายๆ กัน คนเล่นหุ้นจำเป็นต้องแบ่งเงินเดือนไปซื้อหุ้นเก็บไว้ทุกเดือน ส่วนคนทำเว็บไซต์ ก็จำเป็นต้องแบ่งเงินไปจ้างเขียนบทความ หรือซื้อบทความทุกเดือน หรือหากไม่มีเงินทุนก็ต้องเขียนบทความด้วยตน เอง อย่างเว็บไซต์ของผู้เขียน rodusedcar.com เขียนบทความเอง มีทั้งหมด 100 กว่าบทความ

 

คนมีทุนน้อยเล่นหุ้นหรือทำเว็บไซต์ โอกาสประสบความสำเร็จจะต้องใช้เวลาเป็นปี ขึ้นอยู่กับความจริงจัง การเล่นหุ้นจะช้ากว่า เพราะไม่สามารถควบคุมตัวแปรได้ แต่การทำเว็บไซต์จะสามารถควบคุมตัวแปรได้ เช่น เพิ่มบทความ เพิ่มผู้เข้าชม ซึ่งมีผลต่อรายได้ที่ จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง โดยตรง บางเว็บคนเข้าชมจากหลักพันพุ่งขึ้นไปหลักแสน รายได้ก็จะว่ากันที่หลักแสนบาททันที เช่นเดียวกับหุ้น หากหุ้นบางตัวปรับราคาสูงมาก มูลค่าหุ้นจะเพิ่มขึ้น เพียงแต่ จะต้องขายหุ้นไปบางส่วนหากต้องการนำเงินออกมาใช้จ่าย

 

2. ทุนมากกับการเล่นหุ้นหรือทำเว็บไซต์

สำหรับคนมีเงินทุนมาก การเล่นหุ้นก็สามารถซื้อหุ้นจำนวนมากได้เลย ส่วนคนทำเว็บไซต์ ก็สามารถซื้อเว็บไซต์ที่มีขนาดใหญ่เล็ก ตามกำลังทรัพย์เพื่อนำไปพัฒนาต่อ หากสามารถสร้างฐานผู้ชม ผู้อ่านให้เพิ่มขึ้นได้ รายรับก็จะเพิ่มขึ้นทันที

 

หากมีทุนมาก มีโอกาสประสบความสำเร็จเร็วทั้งเล่นหุ้นหรือทำเว็บไซต์ อาจจะใช้เวลาไม่ถึงปีเท่านั้น เว็บที่มีผู้เช้าชมมาก จะมีช่อง ทางต่อยอดมากกว่า เมื่อเทียบกับการเล่นหุ้น จะไม่มีช่องทางต่อยอดอะไรได้ รอเงินปันผลอย่างเดียว

 

ความเสี่ยงในการเล่นหุ้นและทำเว็บไซต์

การเล่นหุ้นหากใช้เงินทุนเท่ากันกับการทำเว็บไซต์ เช่น 1,000,000 บาท จะมีความเสี่ยงต่างกันไป โดยการเล่นหุ้นมีความเสียง มากกว่า หากกิจการไปได้ไม่ดีนัก หรือต้องปิดกิจการ เงินล้านจะหายไปทันที แต่เว็บไซต์ จะสามารถควบคุมตัวแปรได้ เว็บที่จะมีปัญหา จะต้องทำผิดกฏโดนแบน แต่ผู้เช้าชมจะค่อยๆ ลดจำนวนลง รายได้จะลดลงตามเช่นกัน ก็ยังพอจะรู้ตัว และสามารถตั้งรับได้ แต่การ เล่นหุ้น แม้จะรู้ตัวว่า หุ้นตก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากต้องขายทิ้ง เว็บไซต์นั้นหากเพิ่มบทความต่อเนื่อง รายรับจะไม่ตก ความเสียงน้อยกว่า

 

โอกาสประสบความสำเร็จของการเล่นหุ้นกับการทำเว็บไซต์

โอกาสประสบความสำเร็จกับการเล่นหุ้น

การเล่นหุ้นหากต้องการความสำเร็จ ต้องศึกษาอย่างมาก เพราะมีตัวแปรที่ควบคุมยากหลายด้าน ทำให้มีโอกาสขาดทุน เงินลฃทุน หายไปทั้งหมด คนที่สามารถสร้างความร่ำรวยได้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เล่นหุ้นมานานแล้ว ผลกำไรที่ได้ มากเกินกว่าเงินลงทุนหลายเท่า ตัว แม้จะขาดทุน ก็ไม่สร้างความเสียหาย เพราะเป็นเงินส่วนที่เป็นผลกำไรจากการเล่นหุ้น

 

การเลือกหุ้นปันผลจะมีแนวโน้มอยู่รอดได้มากกว่าหุ้นแบบเก็งกำไร ซึ่งมีความเสียงสูงมาก คนที่ประสบความสำเร็จจะเป็นคนเล่น หุ้นรายใหญ่มากกว่ารายเล็กที่เหมือนแมงเม่า เข้าไปให้เขาเชือด ปัจจุบันโอกาสประสบความสำเร็จไม่ง่ายนัก เพราะการหาหุ้นราคาถูก แต่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นมากในอนาคตเหมือนหุ้น ปตท อย่างที่ผ่านมาในอดีตนั้นยากเสียแล้ว

 

การทำเว็บไซต์หากทำให้เป็นระบบจริงๆ แล้วล้มยาก มีช่องทางนำบทความไปต่อยอดทำเงินได้อีกหลายทาง เช่น ทำวิดีโอลง Youtube ทำแอปลง Play Store ทำ eBook ทำสไลด์ ฯลฯ

 

โอกาสประสบความสำเร็จกับการทำเว็บไซต์

การทำเว็บไซต์หากทำอย่างเป็นธุรกิจ จะไม่ต้องทำอะไรมาก เมื่อเว็บไซต์มีรายได้ ส่วนใหญ่จะแบ่งเงินรายได้ ไปซื้อบทความเพิ่มขึ้น ทุกวัน ทุกเดือน เพื่อให้เว็บไซต์ขยายใหญ่ เพิ่มจำนวนผู้เช้าชมให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตัวแปรสำคัญอยู่ที่บทความดี มีคุณภาพ ไม่ลอก ใคร และจำนวนผู้เข้าชม ทั้ง 2 สิ่งนี้หากหมั่นดูแล เว็บไซต์จะสร้างรายได้ระยะยาว ไม่ซื้อบทความไร้คุณภาพมาลงเว็บ ไม่ทิ้งขว้าง ไม่ดูแล เว็บ จนผู้เข้าชมหดหาย รายได้ ก็จะไม่หดหายเช่นกัน

 

แม้จะไม่มีความรู้ในเรื่องการทำเว็บไซต์มากนัก ก็สามารถนำเงินมาลงทุนกับธุรกิจนี้ได้ เพียงแต่ต้องรู้จักแหล่งจ้างนักเขียนคุณภาพ รู้จักการใช้งานเว็บไซต์ในเบื้องต้น เท่านั้น ไม่มีอะไรยุ่งยากมากเหมือนเล่นหุ้น

 

การทำเว็บไซต์จะมีระบบอัตโนมัติที่มีความสะดวกสะบายมากขึ้นในทุกวันนี้ เช่น การทำบทความอัตโนมัติ แบบตั้งเวลา อย่างการ ซื้อบทความจำนวนมาก หลักร้อย หลักพันบทความ ก็สามารถนำบทความไปใส่ในเว็บไซต์ และตั้งเวลาให้แสดงบทความวันละบทความ อาจจะใช้เวลาทำบทความเพียงเดือนเดียว จากนั้นทั้งปี ก็ไม่ต้องทำอะไร กรณีทำเว็บไซต์หาเงินกับการคลิกโฆษณา ก็รอรับเงินอย่าง เดียวเท่านั้น

 

การทำเว็บไซต์ สามารถขยายกิจการได้ไม่จำกัด หากมีกำลัง มีแรงจะทำกี่เว็บไซต์ก็ได้ หรือจะแปลเว็บไซต์ภาษาไทยให้เป็นภาษาอื่น เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้อีกหลายเท่าตัวก็ยังได้

 

ความยากง่ายในการศึกษาหาความรู้

การเล่นหุ้นกับการทำเว็บไซต์จำเป็นต้องศึกษาหาความรู้ โดยจะมีความแตกต่างกันเช่น

1. การศึกษาหาความรู้เพื่อการเล่นหุ้น หากต้องการเล่นหุ้นจำเป็นต้องศึกษาเกี่ยวกับหุ้นแต่ละตัว ศึกษาถึงประวัติการเงิน การลงทุน ผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ และต้องดู แนวโน้วในอนาคต จะร่วงหรือรุ่ง กิจการไปได้ดี หรือแย่ ค่อนข้างกว้างหากเน้นการเล่นหุ้นเก็งกำไร แต่หุ้นปันผล อาจจะไม่ต้องศึกษา มากนัก เพราะบางกิจการค่อนข้างยากที่จะเจ๊ง


2. การศึกษาหาความรู้เพื่อการทำเว็บไซต์ การทำเว็บไซต์ ศึกษาความรู้พื้นฐานเพียงครั้งเดียว เช่น วิธีทำเว็บไซต์ วิธีทำบทความ แต่สิ่งที่ยากและต้องทำอย่างต่อเนื่องก็คือ บท ความ ต้องศึกษาหาความรู้เพื่อเขียนบทความ หรือไม่ก็ต้องรูู้วิธีเลือกซื้อบทความเพื่อไว้ใช้ในเว็บไซต์ สำหรับบทความต่างๆ นั้น เมื่อซื้อ มาแล้ว ก็ต้องหาทางป้องกันการก็อปปี้ เพราะในอนาคตบทความเหล่านี้ ก็ยังสามารถขายต่อได้ หากมีรายได้มากพอ และต้องการขาย เว็บไซต์ให้คนอื่นนำไปทำต่อ

สำหรับคนมีเงินทุน มีเงินเย็น แต่ละคนก็จะพยายามหาช่องทางนำเงินไปลงทุนในด้านต่างๆ บางคน ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน บ้าน ไว้ขาย ให้เช่า ซื้อทอง เล่นหุ้น ฝากธนาคาร ทำธุรกิจส่วนตัว หรือลงทุนร่วมกับคนอื่น ฯลฯ สำหรับคนที่เคยเล่นหุ้นมาก่อน หากเข้าใจ ระบบการทำธุรกิจกับเว็บไซต์ ก็เชื่อว่าจะชอบการลงทุนแบบนี้อย่างแน่นอน เพราะเป็นการลงทุนที่มีลักษณะคล้ายกัน เพียงแต่ความ เสียงน้อยกว่า โอกาสสร้างผลตอบแทนมากกว่า และยังมีโอกาสประสบความสำเร็จ เพราะคนหาเงินกับการทำเว็บไซต์ ส่วนใหญ่จะไม่ จริงจัง ทำเล่นๆ คู่แข่งเหล่านี้ ไม่นานก็จะล้มหายตายจาก