บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักรายจ่ายต่างๆ รอบตัวเรา 20 รายการ พร้อมแนะนำวิธีลดรายจ่ายเหล่านั้น ซึ่งเราอาจจะมองข้าม โดย ในแต่ละปี หากสามารถลดได้จะช่วยประหยัดเงินหลักหมื่นหลักแสนบาทเลยทีเดียว เพราะยิ่งมีรายได้มาก มีเงินให้ใช้มาก สมาชิกในบ้าน มีมาก รายจ่ายก็จะมากตามไปด้วย ซึ่งเงินที่จ่ายออกไปนั้น จะมีวิธีลดรายจ่ายให้น้อยลงได้ ช่วยให้เหลือเงินในกระเป๋ามากขึ้น
การใช้ชีวิตของคนเราในแต่ละวันจะมีรายจ่ายมากน้อยต่างกันไปตามแต่สไตล์ชีวิต ฐานะ รายได้ หรือความมีระดับของแต่ละคน แต่ราย จ่ายเหล่านี้จำเป็นจะต้องรู้ เผื่อว่าอยากจะลดรายจ่ายให้น้อยลงก็จะรู้วิธีว่าจะต้องทำอย่างไรได้บ้าง
reduce-expenses014
ตัวอย่างการลดรายจ่ายด้านต่างๆ
1. ลดรายจ่ายเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม
อาหารและเครื่องดื่มเป็นรายจ่ายพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องจ่าย และอาจจะมีรายจ่ายค่อนข้างมาก เพราะราคาอาหารก็ปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้ง เครื่องดื่มสารพัด ก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน แค่อาหาร 3 มื้อ กับกาแฟ 1 แก้ว ก็เกือบ 200 บาทต่อวันเข้าไปแล้ว แต่เงินที่เราจ่ายออกไปนั้น เกินกว่าครึ่งหนึ่ง จะเป็นกำไรของทางร้านค้า หรือพ่อค้าแม่ค้า แต่เราไม่ได้ปริมาณสินค้าเท่ากับเงินที่เราจ่าย
สำหรับวิธีที่จะช่วยลดรายจ่ายได้ ให้ฝึกทำอาหารทานเอง ซื้อเครื่องมือทำอาหารพื้นฐานอย่างหม้อหุงข้าวไฟฟ้า กระทะไฟฟ้า แค่นี้ก็ ช่วยลดรายจ่ายได้อย่างมาก อย่างข้าวไข่เจียวหมูสับทำกินเองต้นทุนไม่เกิน 10 บาท แต่ซื้อตามร้านอาหารตามสั่งทุกวันนี้ไม่ต่ำกว่า 30 บาท จ่ายแพงขึ้นอีก 20 บาท เป็นกำไรให้พ่อค้าแม่ค้า แต่ปริมาณที่ได้ ก็พอๆ กับการทำอาหารกินเอง ในแต่ละเดือน การซื้ออาหารสำเร็จ จึงเสียเงินไปกับค่าอาหารหลักพันบาท หรือปีละหลักหมื่นบาท
ควรเสาะแสวงหาแหล่งขายอาหารราคาถูก เช่น ซื้อแกงที่ตลาดสดตอนเช้าและตอนเย็น อาจจะซื้อเผื่อไว้อุ่นกินตอนเช้า หรือซื้อตอนเช้า ก็เผื่อไว้ตอนเที่ยงด้วย เป็นต้น การอุ่นกับข้าวก็ไม่ยาก ใช้กระทะไฟฟ้า หรือ หม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่มีซึ้ง ก็ใช้อุ่นกับแกงพร้อมกันไปในขณะหุง ข้าวได้ ไม่ต้องใช้เตาไมโคเวฟ ไม่เสียเวลา ข้าวสุก แกงก็อ่นพร้อมรับประทาน การทำอาหารกินเอง อาจจะมีค่าไฟที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ประหยัด กว่าซื้ออาหารตามสั่งอย่างมาก
ในเรื่องอาหารการกินนั้น ให้กินข้าวเป็นอาหารหลัก อย่ากินขนม ของขบเคี้ยว ของหวานเป็นอาหารหลัก ไม่อยู่ท้อง และทำให้เสียเงิน มากขึ้น และนอกจากอาหารแล้ว บรรดาเครื่องดื่มต่างๆ ก็เช่นกัน ต้นทุนจริงๆ ไม่กี่บาท ที่เหลือเป็นกำไรของแม่ค้า ส่วนเครื่องดื่มของมึน เมานั้น ค่อนข้างแพง สิ้นเปลืองเงินมาก ร้านดูดีมาก จะเสียเงินมาก ต้องหลีกเลี่ยง ถ้าต้องการประหยัดเงิน
2. ใช้รถแบบเดิม อย่าปรับแต่ง
สำหรับใครที่มีรถยนต์หรือจักรยานยนต์ให้ใช้รถแบบเดิมๆ จากโรงงาน อย่าปรับแต่งให้ผิดไปจากมาตรฐานที่มาจากศูนย์ บางคนนำไป แต่งแม็ก แต่งล้อ เปลี่ยนยางใหญ่ขึ้น ก็จะมีค่าใช้จ่ายตามมาค่อนข้างแพง ซึ่งในช่วงที่ยางหมดอายุ อาจจะเป็นช่วงกระเป๋าแห้ง ก็จะไม่มีเงิน ซ่อมรถ เช่น เปลี่ยนแม็กและใช้ยางคุณภาพดี เส้นละ 5000 ขณะที่มาตรฐานเดิมๆ จากโรงงาน 4 เส้นไม่ถึง 10,000 บาท ค่าใช้จ่ายก็ เพิ่มขึ้น เสียเงินมากขึ้น
บางคนโบนัสออก ก็นำเงินไปดาวน์รถป้ายแดง ได้รถมาแล้ว ก็แต่งเต็มที่ และเที่ยวเต็มที่เช่นกัน ปรากฏว่าอยู่ๆ บริษัทก็เลิกจ้าง สร้าง ปัญหาการเงินขึ้นมาทันที
3. ลดการเจอะเจอกับเพื่อนฝูง
การเจอะเจอกันบ่อย ก็จะมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น เพราะการเจอะเจอกัน ก็มักจะต้องกินต้องใช้ หรือนัดเจอกันตามร้านอาหาร ร้านแกแฟ ฯลฯ มีแต่เรื่องเสียเงินทั้งนั้น เมื่อก่อนผู้เขียนอยู่กรุงเทพ มีนัดปาร์ตี้กับเพื่อนทุกอาทิตย์ รายจ่ายก็เพิ่มมากขึ้น ทั้งค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม ฯลฯ
4. ปรับเปลี่ยนเมนูอาหารเพื่อช่วยลดรายจ่าย
การทำอาหารทานเอง เมนูบางอย่างจะมีค่าใช้จ่ายสูง อย่างต้มยำ จะมีเครื่องปรุงทั้งขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กระเพรา ต้นหอมผักชี พริก เกลือ น้ำตาล มะนาว ฯลฯ กรณีนี้ก็ควรซื้ออาหารปรุงสำเร็จ เช่น ต้มยำไก่ แล้วซื้อเนื้อไก่มาใส่เพิ่มเข้าไป เพื่อปริมาณให้มากขึ้น แต่ไม่ต้อง ซื้อเครื่องปรุงจำนวนมาก แม่ค้าบางคนทำอาหารรสจัด แม้จะเพิ่มเนื้อ เพิ่มน้ำลงไป รสชาติก็ยังไม่ถึงกับแย่
5. ซื้อที่สูบลมไว้เติมลมยาง
คนส่วนใหญ่ซื้อรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ จักรยาน แต่ไม่ซื้อที่เติมลม จึงทำให้มีรายจ่ายในส่วนนี้ แม้จะไม่มาก แต่อุปกรณ์ตัวนี้จำเป็นจะ ต้องมีติดบ้าน ปัจจุบันร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ปรับราคาค่าเติมลมขึ้นไปถึง 5 บาท ต่อคัน จากเมื่อก่อน แค่ล้อละบาทเท่านั้น หากมีรถหลาย คัน ก็ควรซื้อที่เติมลมเก็บไว้เติมลมยางด้วยตัวเอง ให้ใช้แบบมีที่พักลม แม้จะเป็นผู้หญิง แรงน้อย ก็ไม่มีปัญหาสามารถสูบลมเองได้ โดยใช้ ท่าถอนสายบัวทิ้งน้ำหนักตัวลงไป แทนการใช้มือกด จะไม่ค่อยเหนื่อยมากนัก
6. อย่าทำตัวเจ้าชู้ มีกิ๊กมาก รายจ่ายก็มาก
การทำตัวเจ้าชู้มากรัก จะมีรายจ่ายตามมาค่อนข้างมาก และยังผิดศีลอีกต่างหาก ผู้ชายอาจจะมีน้อยกว่าผู้หญิง ก็ไม่ต้องไปทำตัวใจดี พยายามดูแลใครต่อใครเขาไปทั่ว มีกิ๊กมาก รายจ่ายก็จะมากตามไปด้วย ซึ่งรายจ่ายอาจจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับพาหนะที่ใช้ด้วย หาก ไม่มีรถยนต์รายจ่ายจะน้อยกว่า แต่หากมีรถยนต์ก็จะพากันไปไกลมากขึ้น เข้าร้านแพงมากขึ้น มีรายจ่ายมากขึ้น ทั้งค่าน้ำมัน ค่าบำรุง รักษารถยนต์ ค่าโรงแรม ฯลฯ
7. ปรับเปลี่ยนใช้เครื่องมืออุปกรณให้เหมาะสม
การปรับเปลี่ยนใช้เครื่องมืออุปกรณ์ให้เหมาะสมจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ เช่น อยู่หอพักค่าไฟฟ้าแพง ให้ใช้โน้ตบุ๊คแทนคอมพิวเตอร์ตั้ง โต๊ะซึ่งกินไฟมากกว่า ใช้พัดลมขนาดเล็ก ใช้โคมไฟ แทนการเปิดไฟกลางห้อง ไม่ใช้เตาไมโคเวฟเพราะกินไฟมาก เป็นต้น
8. ใช้ชีวิตเรียบง่าย รายจ่ายจะลดลง
การใช้ชีวิตแบบมีระดับ เสื้อผ้าหน้าผม เป๊ะ รายจ่ายก็จะมากตามไปด้วยเช่นกัน การเลือกซื้อเสื้อผ้า ควรเลือกที่ซักแล้วไม่ยับ จะไม่เสีย เวลารีด แต่งตัวเรียบง่ายแต่สะอาด ก็ดูดีได้ ข้าวของเครื่องใช้ อาหารการกิน ก็เน้นเรียบง่าย รายจ่ายจะลดลง อย่างอาหารไม่จำเป็นจะต้อง เข้าร้านแพงๆ ร้านอาหารราคาประหยัด ก็มีให้เลือก หากมีบ้านที่ดิน ปลูกพืชผักกินเองด้วยแล้ว จะใช้เงินแต่ละเดือนน้อยมาก
9. ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทาง
พาหนะที่ใช้ในการเดินทาง ควรซื้อจักรยานพับติดรถยนต์ ติดบ้านเอาไว้ เผื่อเดินทางในระยะทางใกล้ๆ ประมาณ 1- 3 กิโลเมตร ก็ไม่ ต้องขับรถยนต์ ส่วนการเดินทางระยะไกลขึ้นไปอีกหน่อย ก็อาจจะใช้มอเตอร์ไซค์คันเล็กเครื่องยนต์ไม่เกิน 125 cc ใช้รถเกียร์ธรรมดา อย่าใช้รถเกียร์อัตโนมัติ เพราะมีค่าใช้จ่ายมากกว่า ความทนทานน้อยกว่า หรือการเดินทางไกลมากขึ้น ก็ใช้รถยนต์ บางคนมีแต่รถยนต์ แค่ ไปกินข้าวหน้าบ้านไม่ถึง 100 เมตร ก็ยังต้องใช้รถยนต์ แต่หากมีรถจักรยาน หรือจักรยานยนต์ ไว้ใช้ ก็จะช่วยประหยัดเงินค่าน้ำมันได้ไม่ น้อย
10. ประหยัดเงินกับการซื้อและซ่อมรถมอเตอร์ไซค์มือสอง
การซื้อรถมอเตอร์ไซต์มาไว้ใช้งาน ไม่จำเป็นจะต้องเป็นรถใหม่ป้ายแดง เน้นรถมือสองก็ได้ บางยี่ห้อคุณภาพดี แต่ราคาตกมาก อย่าง Suzuki สามารถหาซื้อรถสภาพดี ราคาถูกได้ไม่ยาก ส่วนการซ่อมบำรุงนั้น อย่าซ่อมตามร้านทั่วไป ให้เข้าศูนย์ หรือสั่งอะไหล่จากศูนย์มา ใช้บริการร้านซ่อมแถวบ้านก็ได้ แต่หากไม่ซื้ออะไหล่เอง ร้านซ่อมทั่วไปจะบวกเงินเพิ่มทั้งค่าอะไหล่ และค่าแรง อย่างผู้เขียนต้องการ เปลี่ยนซี่ลวดใหม่ ไปเปลี่ยนที่ศูนย์เสียเงินแค่ 200 กว่าบาท แต่ตอนแรกไม่มีความรู้เรื่องการซ่อม ก็ซื้อซี่ลวดจากศูนย์ แล้วจ้างร้านแถว บ้านให้เปลี่ยน ปรากฏว่าเจอ ไปล้อละ 150 บาทรวมแล้วเสียเงินไปอีก 300 แต่ที่ศูนย์เสียเงินแค่ 200 กว่าบาทเท่านั้นเอง ไม่มีค่าแรงแต่ อย่างใด เสียค่าโง่ไป 300 บาท
11. ประหยัดเงินกับการซื้อและซ่อมรถยนต์มือสอง
รถยนต์มีราคาแพง แต่ก็มีทางเลือกด้วยการซื้อรถยนต์มือสอง เมื่อซื้อมาแล้ว การซ่อมให้ซื้ออะไหล่เอง แล้วหาอู่เล็กๆ ที่เจ้าของทำคน เดียว อย่าเข้าอู่ใหญ่ มีลูกน้องมาก รายจ่ายจะมากตามไปด้วย เพราะต้องคิดแพง เพื่อนำเงินไปจ่ายให้ลูกน้องนั่นเอง การซื้อรถยนต์มือสอง ต้องเน้นเครื่องยนต์เล็กๆ เท่านั้น พวก Honda City, Toyota Vios, Suzuki Swift เครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 cc รถมือสองหากรู้จักซ่อมก็จะ ได้รถดีไว้ใช้งานอีกนาน ประหยัดเงินหลักแสนบาทเลยทีเดียว
การซื้ออะไหล่เอง จะช่วยประหยัดเงินได้อย่างมาก เพราะร้านซ่อมรถจะบวกราคาเพิ่มสูงมาก อย่างผู้เขียนนำรถไปเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ใช้น้ำมัน 2 กระป๋อง ซึ่งร้านอะไหล่ทั่วไปขายกระป๋องละ 90 บาท แต่ร้านซ่อมรถบวกเพิ่มเป็น 180 บาท รวม 2 กระป๋องเป็นเงิน 360 และคิดค่าแรงอีก 200 บาท โหดมาก ร้านในลักษณะนี้ ทางเจ้าของเน้นจ้างช่างมาทำงาน จึงต้องคิดค่าแรงแพง เพราะเจ้าของก็ไมได้ทำเอง นอกจากงานจะมากจริงๆ
รถมือสองต้องรู้วิธีซ่อม รถจึงจะไม่มีปัญหา อย่างบางคันเจ้าของเดิมดูแลอย่างดีอยู่แล้ว เมื่อได้รถมา อาจจะไล่ตรวจสอบทุกจุด เช่น เครื่องยนต์ ระบบระบายความร้อน ช่วงล่าง ยาง โช้ค ระบบแอร์ ฯลฯ พร้อมกับทำประวัติการซ่อม การตรวจสอบเอาไว้ จัดการซ่อมชุดใหญ่ เอาให้เต็มที่ ให้สมบูรณ์ใกล้เคียงรถใหม่มากที่สุด ก็จะใช้งานไปได้อีกหลายปี เกิน 5 ปีสบายๆ แต่ไม่ต้องจ่ายเงินหลายแสนบาท
12. ประหยัดเงินกับการใช้ของมือสอง
สินค้ามือสองของดีก็มีให้เลือก เพียงแต่ต้องเลือกยี่ห้อที่ไว้ใจได้ อย่างมือถือ ASUS ขายในเน็ต 1,000 บาท ของใหม่ 3,000 กว่าบาท ได้เครื่องมาในสภาพดี ใช้งานได้อีกนาน ผู้เขียนเน้นใช้เครื่องมือสอง ซึ่งบางรุ่นก็คุ้มมาก แม้จะมีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีแล้วก็ตาม ยังใช้ งานได้เป็นปกติ เพียงแต่ในการเลือกซื้อนั้น จะต้องเน้นยี่ห้อที่ไว้ใจได้ อย่าเลือกมือถือราคาถูกจากจีน แม้จะเป็นของใหม่แต่พังก่อนแน่นอน คุณภาพวัสดุนั้นต่างกัน ความทนทานต่างกันมาก
13. ประหยัดเงินกับการซักผ้า รีดผ้าเอง
การซักผ้า รีดผ้าเอง จะช่วยประหยัดเงิน โดยเลือกใช้เสื้อผ้าที่ไม่หนาเกินไป ซักยาก เปลืองผงซักฟอก และเน้นเสื้อผ้าที่ไม่ยับ ซักแล้ว ตาก แห้งแล้วก็ไม่ยับ ไม่ต้องรีด ไม่เสียเวลา ช่วยประหยัดเงินค่าไฟฟ้า
14. ซื้อสินค้าราคาถูก ในช่วงโปรโมชัน
ทุกวันนี้มีสินค้าให้สั่งซื้อผ่านเน็ต แต่รวมค่าจัดส่งแล้ว จะแพงกว่า การซื้อสินค้าตามห้าง ในบางช่วงจะลดราคา อย่างสบู่แพ็คละ 4 ก้อน 50 กว่าบาท ในขณะที่ร้านขายของชำทั่วไปขายปลีกก้อนละ 15 บาท ขึ้นไป ของใช้ส่วนตัวยังมีอีกหลายรายการ หากรู้จักเลือกซื้อ ก็จะ ช่วยประหยัดเงิน
15. การไว้ผมสั้น
สำหรับผู้ชายการไว้ผมสั้นจะช่วยประหยัดเงิน อย่างผู้เขียนไว้ผมสั้น จึงซื้อแชมพูขวดใหญ่ปีละครั้งเท่านั้นเอง ประหยัดมาก
16. การส่งเสริมการศึกษาของบุตรหลาน
สำหรับคนที่มีบุตรหลาน ก็มักจะพากันส่งเสริมให้ลูกหลานได้มีพัฒนาการ มีความสามารถในด้านต่างๆ เช่น เรียนภาษาต่างชาติ ดนตรี ศิลปะ ฯลฯ ซึ่งบางทีก็อาจจะยังไม่ถึงเวลา และทำให้เสียเงินเปล่า ต้องวิเคราะห์หลายๆ ด้าน หากเด็กไม่ได้อยู่ในสังคมที่มีการใช้ภาษาต่าง ชาติ ไม่ได้พูด เดี๋ยวก็ลืม ดังนั้นการส่งเสริมในช่วงเรียนปริญญาตรี หรือมัธยมปลาย หรือในระดับการศึกษาที่จบแล้วเริ่มต้นทำงาน จะมี โอกาสได้ใช้ประโยชน์มากกว่า เรียนภาษาแล้วมีโอกาสนำไปใช้ เป็นต้น
นอกจากนี้การส่งเสริมให้เด็กเรียนมากเกินไป ไม่เพียงเสียเงินเปล่า แต่ส่งผลให้เด็กไม่รู้ว่า ตัวเองชอบอะไรกันแน่ ไม่มีความถนัด หาก ลองสังเกตุก็จะพบว่า เด็กที่พ่อแม่พาไปเห็นโลกกว้างมากเกินไป กลับไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต เมื่อเทียบกับเด็กที่อาจจะไม่ได้เเรี ยนอะไรมากนัก รู้น้อยไม่เรื่องมาก จึงเลือกที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่า
17. การซื้อรถยนต์ จักรยานยนต์ หรือจักรยาน
การรู้จักเลือกซื้อรถเหล่านี้โดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย ก็จะไม่เสียเงินเปล่า ช่วยประหยัดเงิน ซื้อครั้งเดียวจบ ไมเสียเงินซ้ำซาก ตัวอย่างเช่น 1. การซื้อจักรยาน รถจักรยานที่มีประโยชน์ใช้สอยอย่างคุ้มค่าที่สุด ต้องเป็นรถจักรยานพับเท่านั้น โดยเลือกรุ่นที่มีอุปกรณ์ครบๆ ที่ขาดไม่ ได้เลยเช่น บังโซ่ ไว้ป้องกันกระโปรง หรือขากางเกงไม่ให้เปื้อนคราบน้ำมันจากโซ่ บังโคลนไว้ป้องกันน้ำ โคลนกรณีปั่นในหน้าฝน จักรยาน พับสามารถใช้ได้หลายวัย ทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ เพราะสามารถพับได้ ปรับความสูงต่ำของอาน หรือ แฮนด์ได้ เมื่อซื้อมาแล้ว ก็ดูแลให้ดี อย่าจอดแตกแดด ตากฝน ก็ใช้ได้ยาวนานนับสิบปี การซื้อรถแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นของใหม่ เน้นจักรยานมือสองจากญี่ปุ่น ก็เพียงพอแล้ว
2. จักรยานยนต์ การซื้อจักรยานยนต์ให้เน้นรถที่ใช้เกียร์ธรรมดา ใช้โซ่ ไม่ใช้รถเกียร์อัตโนมัติ ความทนทานจะสูงกว่ามาก ถ้าคิดจะใช้ยาวๆ ให้พังไปข้าง ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ยี่ห้อยอดนิยมอย่าง Honda เพราะมีราคาสูงกว่า ให้เลือกยี่ห้อ Yamaha หรือ Suzuki ก็มีความทนทานมาก เช่นกัน เลือกเครื่องยนต์ห้ามเกิน 125 cc จะให้ดีควรอยู่ที่ 110 - 115 cc ก็เพียงพอแล้ว รถเหล่านี้ประหยัดน้ำมัน เราจึงใช้ขับไปทำธุระ หรือ ทำมาหากินได้ บางคนเริ่มต้นด้วยการซื้อรถสปอร์ต รถบิ๊กไบค์ สุดท้ายก็สร้างปัญหา ต้องซื้อเพิ่มอีกคัน เพราะไม่สะดวกในการขนข้าว ของ และกินน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุงก็สูงกว่า
* รถจักรยานยนต์หากดูแลดี ถ่ายน้ำมันเครื่องตรงเวลา หรือก่อนเวลา ไม่ปรับแต่งใดๆ เน้นใช้เดิมๆ จากโรงงาน รับรองว่าใช้งานได้หลัก แสนกิโลเมตรสบายๆ อย่างคันนี้ เลขไมล์ เกือบ 120,000 กิโลเมตร เข้าไปแล้ว ยังคงใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร
3. รถยนต์ การซื้อรถยนต์ก็เช่นกัน เน้นรถเล็ก เครื่องยนต์เล็ก ประหยัดน้ำมันไว้ก่อน ยี่ห้อยอดนิยม หาอะไหล่ได้ง่าย รถเหล่านี้ใช่้ช่วยทำ มาหากินได้ ขับซื้อของ ส่งของ ติดต่องาน วิ่งได้ทั้งวัน ใช้น้ำมันน้อยกว่า รถใหญ่ เครื่องยนต์ใหญ่ กินน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุงสูงกว่า เมื่อการ เงินมีปัญหา สุดท้ายก็ไม่พ้นต้องไปซื้อรถเล็กๆ มาใช้งานอยู่ดี ทำให้เสียเงินเปล่า เพราะรถใหญ่ เครื่องยนต์ใหญ่ ราคาตกมาก ขายต่อยาก ขาดทุนมาก เสียเงินมากกว่ารถเล็ก ลองค้นดูรถที่ประกาศขายผ่านเน็ต ก็จะพบว่า รถยนต์ราคาหลักล้าน หลายคัน ราคาลดเหลือพอๆ กับ รถเล็กๆ ราคาไม่ถึงล้าน ที่สำคัญขายต่อยากกว่า ค่าซ่อมก็ยังแพงกว่า รายจ่ายในการดูแลสูงกว่า
18. ประหยัดเงินกับการซื้อรถยนต์ หรือจักรยานยนต์มือสอง
การซื้อรถยนต์ หรือ จักรยานยนต์ให้คุ้มค่า ควรซื้อรถมือสอง ที่มีอายุการใช้งานประมาณ 3- 5 ปี รถจะยังอยู่ในสภาพดี แต่ประหยัดเงิน หลายแสนบาท รถบางคันเพิ่งจะวิ่งไปไม่กี่หมื่นกิโลเมตรก็หาได้ไม่ยาก คุ้มค่ามาก ไม่จำเป็นจะต้องใช้รถใหม่ป้ายแดง แต่มีข้อแม้ว่า ระวัง อย่าซื้อรถใหญ่ เครื่องยนต์ใหญ่กินน้ำมัน รถเหล่านี้ อาจจะดูหรู ทำให้ชีวิตมีระดับ แต่ถ้าไม่รวยจริง จะเอาไม่อยู่ เสียเงินเปล่า
19. ครองตัวเป็นโสด หรืออย่าเปลี่ยนคู่บ่อย
การครองตัวเป็นโสด อย่าใจเร็วในการเลือกคู่ มีส่วนช่วยประหยัดเงินไม่น้อย ส่วนการมีคู่ ก็อย่าเปลี่ยนคู่ครองบ่อยๆ เพราะจะทำให้มี รายจ่ายมากขึ้น เวลาเลิกกัน อาจจะไม่เหลืออะไรเลย บางคนเลิกกัน ก็เดินออกจากบ้านตัวเปล่า ไม่เอาอะไรเลย ต้องไปเริ่มต้นใหม่
20. เปลี่ยนโปรเน็ต ซิมเน็ตจากรายเดือนเป็นรายปี/h2>
การใช้ซิมเน็ตแบบรายปีจ่ายครั้งเดียวไม่เกิน 2000 บาท ใช้ได้ 12 เดือน ประหยัดกว่าการใช้ซิมเน็ตแบบรายเดือน ซึ่งบางคนใช้เดือน ละ 1,000 บาท รวมทั้งปีเป็นเงิน 12,000 บาทเลยทีเดียว หากใช้แบบรายปีๆ ละ 2,000 บาท จะช่วยประหยัดเงินมากถึง 10,000 ต่อ ปีเลยทีเดียว บางคนก็ใช้แบบเติมเงินทุกอาทิตย์ มีรายจ่ายเกิน 6,000 บาทต่อปี ก็ยังแพงอยู่ดี
เมื่อมีเงินเหลือ ให้นำเงินที่เหลือไปลงทุน
เมื่อลดการใช้จ่าย ทำให้มีเงินเหลือมากขึ้น ก็หาวิธีนำเงินไปลงทุน หาทางทำให้เงินงอกเงย ไม่ว่าจะเหลือเงินแค่หลักร้อยบาท ก็ตาม ก็ ต้องหาวิธีนำเงินไปลงทุน หากสามารถทำได้ ในอนาคตจะมีเงินเพิ่มมากขึ้น บางคนมีเงินหลักร้อยบาทเท่านั้นเอง ก็หาซื้อสินค้ามาขายผ่าน เน็ต ผ่านเฟสบุ๊ค จนสามารถสร้างยอดขายหลักล้านบาทได้ในอีกหลายปีต่อมา หากมีเงินเหลือน้อยมาก ก็ต้องใช้วิธีทำงานฝีมือขาย เพราะงานฝีมือสามารถตั้งราคาแพงได้ เนื่องจากเป็นงานเฉพาะ หรืออาจจะทำเฟสบุ๊คเพจเป็นนายหน้าขายสินค้า ไม่ต้องลงทุน เสียแค่ค่าชั่ว โมงเน็ต
การนำเงินไปฝากธนาคารเก็บไว้ ไม่ควรทำ เพราะว่าดอกเบี้ยที่ได้จะน้อยมาก ผู้เขียนเคยฝากเงินไว้ 10,000 บาท ผ่านไป 1 ปีได้ ดอกเบี้ย 10 กว่าบาท เลยปิดบัญชีแล้วก็คืนดอกเบี้ยให้ธนาคารไป รับไม่ได้จริงๆ แต่หากนำเงิน 10,000 บาทไปซื้อสินค้ามาขาย หรือ จ้างผลิตสินค้า หรืออาจจะเป็นตัวแทนขายสินค้าต่างๆ ก็มีโอกาสทำเงินได้มากกว่าดอกเบี้ย 10 กว่าบาทต่อปีอย่างแน่นอน
สรุป
หลังจากได้อ่านบทความนี้จบลงแล้ว ผู้อ่านก็ลองสำรวจตัวเองว่ามีรายจ่ายอะไรบ้างที่สามารถลดได้ ก็จะมีเงินเหลืออย่างแน่นอน โดย เริ่มจากการลดรายจ่ายในส่วนที่จำเป็นก่อน เช่น ค่าอาหาร ทำอาหารกินเอง กาแฟชงกินเอง เปลี่ยนไปใช้ซิมเน็ตรายปี แค่นี้ก็ประหยัดเงิน หลักพันบาทต่อเดือน หรือหลักหมื่นบาทต่อปีแล้ว