การหาเงินออนไลน์มีหลายแบบ คนที่ไม่เน้นลงทุนเป็นตัวเงิน แต่เน้นลงทุนศึกษาหาความรู้ แล้วเปลี่ยนความรู้ให้เป็นเงินนั้น มี หลายเรื่องที่ต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ เพื่อป้องกันความผิดพลาด เพราะการขยันผิดที่ ไม่เพียงเสียเวลา แต่ยังไม่ช่วยสร้างรายได้อะไรเลย ก็มี

 

การสร้างสินค้าของตนเองเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

ผู้เขียนมองว่าควรจะทำแบบนี้ คือเราต้องทำสินค้าของเราเองไว้ขายในเว็บด้วย สำหรับคนไม่มีทุน หรือมีทุนก็ตาม ควรเปลี่ยน ความรู้เป็นสินค้าก่อน หรือจะสร้างสินค้าแบบใดก็ตามแต่ กรณีเปลี่ยนความรู้เป็นสินค้า ก็อาจจะเป็นการสร้างเว็บไซต์แม่แบบ สำหรับนำไปใช้สร้างเว็บแบบต่างๆ เช่น เว็บร้านค้า เว็บไซต์รีสอร์ท เป็นต้น หรือขายเทมเพลท และทำบทความเพื่อดึงคนเข้ามา เผื่อ เป็นลูกค้า เช่น ทำแม่แบบเว็บ ขายเสื้อผ้า ใครอยากจะมีเว็บขายเสื้อผ้าก็ซื้อไปใช้ได้เลย โดยไม่ต้องศึกษามาก มีคู่มือพร้อม

 

การสร้างสินค้าขึ้นมาก่อน

อย่างบางเว็บนั้น เน้นนำเสนอบทความแบบเบาๆ เพราะรายได้หลักจริงๆ คือการขายเทมเพลท เช่น จำหน่ายในราคา 2500 บาท ในหนึ่งปี หากขายได้ 100 ชุด ก็หาเงิน 250,000 ได้สบาย การทำเว็บ หาเงินจากเว็บ อาจต้องเปลี่ยนมามองมุมนี้ เปลี่ยนแนว อย่างการทำบทความ ทำคู่มือสอนใช้โปรแกรมต่างๆ ยากที่คนจะซื้อเพราะ คนมีเวลาทำเองได้ และคนที่ต้องการ ซึ่งไม่มีเวลาศึกษา และไม่อยากจะศึกษา เค้าก็ไม่ซื้อ เราก็เสียเวลาปล่า ถ้าจะทำขาย ต้องเลือกเรื่องที่ยากจริงๆ หาอ่านใน Google ไม่ได้ อย่างสอนทำ เทมเพลท Joomla ค่าเรียนหลักหมื่นก็มี

 

จุดด้อย ข้อดี ข้อเสีย ในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ต้องอ่านให้ขาด

อย่างการสอนทำเว็บ Adsense การทำเว็บหลายคนสามารถทำได้ และน้อยคนจะซื้อหนังสือแนวนี้ เราต้องมองให้ขาดว่า อะไรที่ คนทำไม่ได้ ก็คือบทความนั่นเอง ดังนั้น หากจะขายก็ต้องขายบทความหรือเทมเพลทสำหรับ Adsense ทำเทมเพลท Joomla ขายนั่น เอง การทำเป็นหนังสืออาจขายไม่ออก หนังสือแต่ละเล่มใช้เวลาทำเป็นเดือน แต่ยอดขายมันไม่ได้ เป็นแสน เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แถมหนังสือตอนนี้ ก็ขายไม่ได้เลย เพราะ Google มีทุกเรื่อง โดยเฉพาะการทำเป็น eBook ด้วยแล้ว กำไรไม่ต้องพูดถึงเลย ยอด ขายทำให้ได้สักพันบาท ก็ยากแล้ว

 

เราจึงเห็นนักเขียน เขียนบทความขายกันมาก ซึ่งหลายคนก็ตั้งคำถามว่า ทำไม ไม่ทำเว็บเองเลย เอามาขายทำไม ก็เพราะว่ามันไม่ง่ายเลย กว่าเว็บไซต์จะโต มีรายได้ เป็นกอบเป็นกำ แต่บทความขายทำเงินได้ ทันทีนั่นเอง

 

การทำบทความนั้น โดยเฉพาะแนวไอที บางเรื่อง เราเอาความรู้ไปต่อยอดทำเงินไม่ได้เลย เรื่องนี้ต้อง คิดให้ดี ต้องอ่านให้ขาด เข้าให้ถึง อย่างความรู้เกี่ยวกับการทำเทมเพลทสำหรับเว็บไซต์ เราสามารถทำเทมเพลทขายได้เรื่อยๆ และ เนื้อหาก็ไม่เปลี่ยนมาก แต่อย่าง Joomla 3 หรือ WordPress พอเปลี่ยนรุ่น หลายอย่างก็เปลี่ยน หน้าตาก็เปลี่ยน ต้องศึกษาใหม่ จับ ภาพหน้าจอใหม่ เนื้อหาต้องแก้ไข หนังสือก็ต้องมาทำใหม่ เสียเวลามาก แต่เทมเพลท เราแต่งนิดเดียว เสร็จแล้ว พร้อมขาย

 

เข้าใจในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำเองไม่ได้ เพื่อนำมาเป็นแนวทางสร้างสินค้า

1. คนส่วนใหญ่ไม่มีเวลาศึกษา แม้จะมีบทความสอน แต่คนที่มาศึกษา ก็เอาจะเป็นกลุ่มเดียวกับเรา คือคนที่ต้องการศึกษาเอง คนกลุ่มนี้จะไม่ซื้อสินค้าและบริการในเว็บไซต์ ต่างจากคนที่ไม่มีเวลา ไม่มีความรู้ แต่มีเงิน พร้อมจ่ายเพื่อสร้างทางลัด
2. เรื่องที่ต้องศึกษา เกินกำลังที่จะเรียนรู้ เช่น ศึกษาการปรับแต่ง ทำธีม ฯลฯ และเรื่องพวกนี้หาไม่ได้ใน Google อย่างการสอนทำธีม การสร้างแอป แม้จะรู้วิธีสร้าง แต่น้อยที่จะทำ เพราะมันยาก ไม่มีเวลา 3. อย่างการทำเว็บไซต์ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว การทำเว็บไซต์ไม่ ง่าย แต่การทำบทความนั้นยาก ดังนั้น การทำบทความตุนไว้มากๆ ย่อมขายได้แน่นอน เพราะคนทำเว็บไซต์ที่ไม่สามารถเขียนบท ความเองได้ ก็จะมาเป็นลูกค้านั่นเอง

 

การใช้งานมือถือของคนส่วนใหญ่ ดูอะไร เสพอะไรบ้าง

ทุกวันนี้ คนใช้มือถือ ท่องเน็ตกันเยอะ เราก็ต้องมาดูว่า มือถือมันกินอะไร มันเสพอะไร มันต้องใช้อะไรไปป้อนให้มัน เช่น วิดีโอ นี่ เหมาะกับมือถือเลย เล่น เฟส ดูรูป แต่ไม่เหมาะสำหรับการอ่านบทความ บทความท่องเที่ยว บันเทิง ยังพอทน แต่แนวไอที สอน คอมพิวเตอร์ สอนใช้โปรแกรม การอ่านผ่านหน้าจอมือถือเป็นเรื่องที่ลำบากมาก เพราะหน้าจอมันเล็ก ภาพก็ต้องมีคำอธิบาย อ่านอย่างเดียวไม่พอ ต้องอ่านข้อความอธิบายบนภาพด้วย ดังนั้นการทำเว็บไซต์ที่เน้นบทความให้อ่าน จึงอาจจะมีคนอ่านไม่มาก ตรงนี้ต้องจับจุดให้ถูก เพื่อจะได้ทำเนื้อหาให้ตรงความต้องการของผู้เข้าชม

 

ประเภทของเนื้อหาที่นำเสนอ

หากเปรียบเทียบเว็บไซต์ให้เหมือนร้านอาหาร ซึ่งมีทั้งของคาว ของหวาน เครื่องดื่ม บทความก็ควรหลากหลายเช่นกัน มีบท ความด้านวิชาการอย่างเดียว ก็เหมือนมีแต่อาหารหลัก ซึ่งคนจะกินวันละ 3 มื้อ เท่านั้น นั่นก็หมายความว่า อ่านเมื่อต้องการ ต้องใช้ แต่บทความประเภทของกินเล่น อย่างเรื่องอ่านเล่น คำคม ข้อคิด แนวนี้ อ่านได้เรื่อยๆ เพลินๆ เหมือนจิบเบียร์ไปเรื่อยๆ แกล้มถั่ว กินได้เรื่อยๆ ติดลม

 

การสร้างแหล่งความรู้ร่วมกัน

เรื่องนี้ก็สำคัญครับ ความรู้ใหม่ๆ ทุกวันนี้มีความซับซ้อน เริ่มเกินกำลังสำหรับคนเพียงคนเดียวในการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับ เรื่องหนึ่งเรื่องใด การสร้างทีม สร้างกลุ่มผู้สนใจเรื่องเดียวกัน และสร้างแหล่งความรู้ไว้ใช้ร่วมกัน จะประหยัดเวลาในการเรียนรู้ หรือมี การแลกเปลี่ยนความรู้กันนั่นเอง เช่น ศึกษาเรื่องการทำธีม ทำเทมเพลทเหมือนกัน มีความรู้เท่ากัน จากนั้นใครจะนำความรู้ไปออก แบบธีมอย่างไร ทำเทมเพลทแบบไหน ก็เป็นไอเดียของแต่ละคน

 

บทความนี้เขียนเรื่อยเปื่อย อ่านแล้วก็จับประเด็น ให้ได้ด้วยนะครับ ว่าผมต้องการสื่ออะไรบ้าง ช่วงนี้ผมเริ่มเบลอและมึนงงกับการทำเว็บไซต์ เริ่มจะหลงทาง จนต้องกลับมาทบทวนตัว เองเสียใหม่ ก็คิดว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อ่านที่กำลังเดินทางบนถนนเดียวกัน

 

แชร์บทความนี้ :