การวางแผนเกี่ยวกับการเงิน การใช้จ่าย ล่วงหน้า ก่อนจะเกษียณหรือก่อนหยุดทำงาน สำหรับคนมีรายได้น้อย อายุยังน้อย ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอะไรก็ตามที่ยังมาไม่ถึง ยังไม่เคยพบเจอกับตัวเองมาก่อน ก็ยากที่จะรู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร มีปัญหาอะไรรออยู่บ้าง รายได้น้อยมาก แล้วจะต้องทำอย่างไร ในบทความนี้ก็มีมุมมองส่วนตัวที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน

 

ในเรื่องการใช้จ่ายเงินในอนาคตนั้นจะมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ที่คาดไม่ถึง ยากที่จำคำนวณได้ว่า มีเงินเท่าไรถึงจะพอใช้ไปจนกว่าจะตายจากโลกใบนี้ จึงจำเป็นจะต้องศึกษาหลายด้าน โดยเฉพาะคนมีรายได้น้อย และไม่มีช่องทางหารายได้เพิ่ม หรืออาจจะมีช่องทาง แต่ก็หาเงินได้ไม่มากนัก นั่นก็หมายความว่า ความคิดที่จะเกษียณหรือหยุดทำงาน และใช้เงินอย่างเดียว เป็นเรื่องที่ลืมไปได้เลย เพราะอาจจะต้องทำงานไปตลอดชีวิต จนกว่าจะไม่มีแรง เจ็บป่วยทำงานไม่ไหว และจากโลกนี้ไปในท้ายที่สุด

 

เรื่องที่จะต้องศึกษาหาข้อมูลสำหรับผู้มีรายได้น้อย

การมีรายได้ไม่มาก เช่น เดือนละแค่หลักหมื่นบาท หรือ น้อยกว่านั้น จำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลที่ต่างไปจากคนมีรายได้มาก ตัวอย่างเช่น

 

1. การใช้ชีวิตเรียบง่าย รายจ่ายน้อย

การกินง่าย อยู่ง่าย จะใช้จ่ายน้อยมาก ศึกษาและลงมือใช้ชีวิตแบบนี้ เพื่อให้รู้ว่า รายจ่ายจริงๆ ประมาณเท่าไร หรือ มีช่องทางใดบ้างที่ช่วยลดรายได้ เช่น ปลูกผักกินเองบางส่วน ทำอาหารกินเอง กินอาหารแบบไหน เมื่อลงมือทำก็จะรู้จริง ช่วยลดรายจ่ายได้ค่อนข้างมาก

 

การใช้ชีวิตแบบนี้ เมื่อเริ่มชินและติดในความเรียบง่าย ด้วยความเข้าใจ ก็จะมีความสุข อีกทั้งเงินจะเหลือเก็บมากยิ่งขึ้น จากที่กูรูการเงินบางคนกล่าวว่า ตอนแก่ตัวไป จะต้องมีรายจ่ายเดือนหลักหมื่นบาท ต้องเตรียมเงินไว้หลักสิบล้านบาท จากที่ผู้เขียนทดลองใช้ชีวิตเรียบง่ายจริงๆ เดือนหนึ่งไม่เกิน 5000 บาท ก็อยู่ได้สบาย คนมีรายได้มาก มุมมองจะไม่เหมือนกัน รายได้ของเราเท่าไร ก็ต้องหาวิธีปรับให้เข้ากัน

 

2. ลดการสะสม ทรัพย์สิน สมบัติ ที่มีค่าใช้จ่ายต้องดูแล

การมีของสิ่งของ ทรัพย์สิน หรือสมบัติบางอย่างที่มีค่าใช้จ่ายในการดูและ แต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้มีค่ามากนัก หรือ ไม่ได้ทำเงิน ไม่สร้างรายได้ ก็ไม่ควรสะสม เช่น มีรถยนต์หลายคัน แต่ไม่ค่อยได้ขับ ค่าภาษี ค่าน้ำมันต่อปีไม่น้อย หรือ มีของใช้ ที่ไม่ได้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต หรือ เปลี่ยนเป็นเงินไม่ได้ แต่ต้องการการดูแล ทำให้เสียเวลาดูและหรือมีค่าใช้จ่ายตามมา

 

3. ไม่ยุ่งกับสิ่งมีชีวิต

การปลูกต้นไม้ หรือมีสัตว์เลี้ยง จะมีรายจ่ายเกิดขึ้นตามมา ค่าน้ำ ค่าปุ๋ย อาหาร การดูแล รักษา หากเป็นพืช ต้นไม้ก็ควรปลูกชนิดที่ใช้เป็นอาหารได้ เพื่อช่วยลดรายจ่าย บางคนชอบดอกไม้ ปลูกสารพัด เสียเวลารดน้ำวันละหลายชั่วโมง มีรายจ่ายค่าปุ๋ย ยา และอื่นๆ อีกหลายรายการ ปลูกเพื่อชื่นชมเท่านั้น ไม่ได้ปลูกไว้ขาย

 

4. ดูแลการเงินตัวเองและคนใกล้ตัวต่างต้องไม่เป็นภาระ

การดูแลตัวเองในเรื่องการทำงาน การใช้จ่าย การบริหารเงิน จะต้องทำให้ได้ ไม่เป็นภาระใคร หรือ ไม่เป็นภาระให้กับสมาชิกในครอบครัว เมื่อต่างคนต่างพยายามช่วยเหลือตัวเอง เงินก็จะเหลือเก็บมากยิ่งขึ้น มีความมั่นคงการเงินมากยิ่งขึ้น ถ้ารายได้น้อยแล้วยังต้องช่วยเหลือคนรอบข้าง ก็จะไม่มีเงินเหลือ

 

การมีสมาชิกในครอบครัวหลายคน มีลูกหลาน คนใกล้ตัว ที่ต้องรับผิดชอบในอนาคต ก็ต้องสอนให้แต่ละคนเรียนรู้การดูแลตัวเองในเรื่องการทำงาน การเงิน บริหารเงิน หาเงิน ใช้เงินอย่างเข้าใจ

 

5. ดูแลสุขภาพตัวเองและสมาชิกในครอบครัวไม่ให้เจ็บป่วย

การดูแลตัวเอง ตลอดจนสมาชิกในครอบครัว ใส่ใจทั้งการออกกำลังกาย เรื่องอาหารการกิน เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวเองในอนาคต จากการเจ็บป่วย ซึ่งบางครั้งจะมีรายจ่ายค่อนข้างมาก เงินเก็บทั้งหมดที่มีอาจจะไม่เหลือเลย กับการเจ็บป่วยเพียงครั้งเดียว ยังไม่ทันเกษียณ เงินก็อาจจะไม่เหลือแล้ว

 

ในเครื่องความเจ็บป่วยนั้น ก็แปลก เพราะมักจะมาในช่วงเวลาที่ชีวิตกำลังแย่ อย่างที่ผ่านมาบางครอบครัว เจอกับสถานการณ์โควิด กิจการก็ต้องปิด ไม่มีรายได้ ต้องดึงเงินเก่าเก็บมาใช้ เคราะห์ซ้ำเข้าไปอีก พ่อหรือแม่ หรือคนแก่คนเฒ่าในครอบครัว ก็ดันมาเจ็บป่วย สุดท้ายแล้ว เงินไม่แทบจะเหลือเลย

 

สาเหตุที่พ่อหรือแม่หรือคนแก่คนเฒ่าในครอบครัว เจ็บป่วย หลายรายมาจากการไม่ดูแลตัวสุขภาพตัวเอง แถมยังค่อนข้างดื้อรั้นอีกต่างหาก (ใครมีผู้เฒ่าในบ้านก็คงจะนึกภาพออก) ไม่ดูแลตัวเอง ไม่ออกกำลัง กินอาหารตามใจปาก ห้ามไม่ฟัง จนอุดมไปด้วยโรคนานาชนิด เจ็บป่วย ต้องเข้าโรงพยาบาล หมดเงินหลักแสนบาท ครั้นได้เห็นว่า ตัวเองได้ทำให้ลูกหลาน คนใกล้ตัวเดือดร้อน เสียเวลา เงินเงินไปหลักหมื่น หลักแสน จึงจะเริ่มคิดได้ บางทีก็สายเกินไป จ่ายค่ารักษาจนแทบจะหมดตัวแล้ว

 

ดังนั้นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ หากพฤติกรรมคนในบ้านมีโอกาสเสี่ยงที่จะเจ็บป่วย หรือ เริ่มอุดมไปด้วยโรค แถมยังดื้อรั้น ห้ามไม่ฟัง ก็ต้องเตรียมหาทางป้องกันไว้ก่อน ไม่ต้องรอให้มีใครป่วย โดยเฉพาะหากมีรายได้น้อย เงินเก็บน้อยด้วยแล้ว ต้องเปิดอกคุยกันอย่างจริงจัง หากไม่เชื่อฟัง บางครั้งก็ต้องปล่อยให้เจอกับตัวเอง ป่วยหนักสักครั้งก็อาจจะคิดได้

 

6. การบริจาคร่างกายหลังเสียชีวิต

สำหรับคนโสด ตัวคนเดียว ที่มีรายได้น้อยมากกกก ก็สามารถรับผิดชอบตัวเองหลังการเสียชีวิตได้ง่ายๆ ด้วยการทำเรื่องบริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาลไม่ว่าจะเพื่อการศึกษาของนักษาแพทย์หรือบริจาคอวัยวะก็ตาม จะช่วยลดรายจ่ายในการจัดการงานศพของตัวเองอย่างมาก ซึ่งตอนนั้นก็คงจะลุกขึ้นมาทำอะไรเองไม่ได้แล้ว ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ก็ไม่ใช่น้อยๆ หลักแสนบาท ตามแต่ความมีชื่อเสียงของตัวเอง หรือ วันเวลาที่เสียชีวิต เพราะอาจจะติดวันพระ วันโกน วันสำคัญ ติดคิวต้องเข้าเตาเผา เตาไม่ว่าง ทำให้ต้องเก็บศพไว้หลายวัน ค่าใช้จ่ายก็จะสูงตามมาเช่นกัน

 

7. การทำงานที่ส่งผลเสียต่อร่างกายในอนาคต

การทำงานหนักเกินไป ใช้ร่างกายหนักเกินไป ควรหลีกเลี่ยง หรือค่อยๆ ลดลง รายได้น้อย แต่ใช้ร่างกายไม่มาก ก็ต้องเลือกร่างกายเอาไว้ก่อน เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะเริ่มได้รับผลจากการทำงานหนัก บางคนเมื่อครั้งยังหนุ่มสาว แบกหาม ยกของหนัก ครั้งแก่ตัว ก็มีอาการเจ็บป่วย ปวดหลัง ปวดเอว ตัวงอ หลังโก่ง มีปัญหากับกระดูกสันหลัง และสุดท้ายก็มีรายจ่ายตามมา เงินเก็บที่ได้ ต้องเอามารักษาตัวเองตอนแก่ ยิ่งแย่เข้าไปอีก งานก็ทำไม่ได้ ร่างกายก็ป่วย

 

8. หาที่อยู่อาศัย ไม่ต้องเช่า ช่วยลดค่าใช้จ่าย

การมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายอย่างมาก โดยเฉพาะค่าเช่า สำหรับคนโสด รายได้น้อย ในชนบทไกลๆ มีที่ดินที่สามารถซื้อได้ในราคาไม่แพง แม้จะไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ แต่การอยู่อาศัยเพียงเพื่อให้ผ่านชาตินี้ไป ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ก็พอแล้ว

 

เพียงแต่ต้องศึกษาวิธีทำงานจากสถานที่ไกลๆ เช่น ผลิตสินค้า ขายผ่านเน็ต ส่งทางไปรษณีย์ แม้จะอยู่ในพื้นที่ห่างใกลแต่ก็ขอให้มีบริการขนส่ง ไม่ไกลจากไปรษณีย์ Kerry Flash ก็สามารถทำงานหาเงินได้ อย่างผู้เขียน ทำงานผ่านเน็ต อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ ขอเพียงแค่ให้มีสัญญาณมือถือ ใช้เน็ตได้ เป็นต้น

 

บางคนไม่ได้มีที่ดินติดถนน ก็สามารถเปิดร้านอาหารได้ มีลูกค้า มีฟู้ดไรเดอร์มารอรับ ลูกค้าก็เข้ามาอุดหนุนจนทำอาหารแทบไม่ทัน นี่ก็เป็นตัวอย่างของการอยู่ในสถานที่ไกลๆ ช่วยประหยัดเงินได้ ไม่ต้องซื้อที่ดินติดถนนในราคาแพง ก็ทำกิจการได้ เพราะทุกวันนี้มีวิธีโปรโมทกิจการผ่านเฟสบุ๊ค ผ่านโซเชียลให้เป็นที่รู้จักได้ไม่ยาก

 

9. ระวังการใช้จ่ายเงินไปกับยานพาหนะ

ยานพาหนะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็ต้องระวังจะหมดเงินจำนวนมากหลักแสนหลักล้านไปกับการซื้อรถ ใช้รถ การซื้อรถยนต์หรือจักรยานยนต์สักคัน จะต้องใช้ให้คุ้ม เน้นใช้กันยาวๆ เกินสิบปี ตัวอย่างเรื่องควรรู้เกี่ยวกับรถยนต์ รถจักรยานยนต์

 

รถใหม่ป้ายแดง

การซื้่อรถใหม่ป้ายแดง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือจักรยานยนต์ก็ตาม หากมีเงินมากพอ ซื้อได้ไม่เดือดร้อน การซื้อป้ายแดงก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่สิ่งสำคัญก็คือ ห้ามผิดพลาด ทำให้ต้องขาย ซื้อใหม่ เพราะไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น
1. ผ่อนไม่ไหว
2. กินน้ำมันมากเกินไป
3. ประโยชน์ใช้สอยน้อยเกินไป
4. รถไม่มีความทนทาน จุกจิก ปัญหามาก ซ่อมบ่อย ใช้ต่อไม่ไหว

 

ความผิดพลาดในการเลือกรถจะทำให้ต้องเสียเงินหลักแสน เพื่อเปลี่ยนรถคันใหม่ ก่อนซื้อจึงต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดี ทั้งก่อนซื้อ หลังซื้อได้รถมาแล้วจะมีปัญหาอะไรบ้าง และ การขายต่อราคาตก ขายง่าย ขายยาก ซื้อรถยนต์ใหม่ 1 คัน มีค่าใช้จ่ายกี่บาทต่อปี

 

ดังนั้นการซื้อรถใหม่ต้องศึกษาให้รอบด้าน เอาเหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ความชอบ เช่น
1. มีช่องทางใดบ้างในการใช้รถช่วยทำมาหากิน พยายามคิดถึงข้อนี้ก่อนซื้อรถใหม่ เพราะเงินจะหายไปเยอะมาก โดยเฉพาะรถยนต์
2. รถคันแรกและต้องมีในบ้าน ต้องเน้นรถเล็กไว้ก่อน ประหยัดน้ำมัน ประหยัดค่าใช้จ่าย รถใหญ่กินน้ำมัน เงินจะไม่เหลือ
3. การซื้อรถใหม่ป้ายแดง ต้องแน่ใจว่า สามารถผ่านจ่ายได้สบายๆ ไม่เดือดร้อน หากผ่อนไม่ไหว ต้องปล่อย ต้องขาย นั่นหมายถึง เงินหลักแสนจะหายไปด้วย
4. ประโยชน์ใช้สอยคุ้มค่า อย่าเอาความชอบ เน้นประโยชน์ใช้สอยก่อน
5. รถยนต์มีความทนทาน ยี่ห้อยอดนิยม ราคาขายต่อดี
6. การใช้รถยนต์ไม่ว่าจะเป็นแบบใดต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง อย่าไปตามสังคม บางคนบอกว่า ต้องใช้รถ Honda Accord, Camry เน้นรถใหญ่ ดูดี มีหน้ามีตา อย่าไปตามคนอื่น ต้องดูเงินในกระเป๋าตัวเองเป็นหลัก รถใหญ่เหล่านี้ไม่เหมาะกับคนรายได้น้อย เงินจะหายไปเยอะมาก ลองสังเกตุ รถเหล่านี้ออกป้ายแดงราคาหลักล้าน แต่เมื่ออายุมากเกินสิบปีแล้ว ราคาจะตกมาก ขายยาก ราคาถูกกว่ารถเล็กๆ อย่างพวก Honda City, Vios เสียอีก ทั้งยังกินน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาแพง

 

ซ่อมบำรุงให้รถอยู่ในสภาพดี ช่วยประหยัดเงินอย่างมาก

เมื่อได้รถมาแล้วก็ต้องหมั่นดูแลซ่อมบำรุง ไม่จอดตากแดด ตากฝน อย่าสักแต่ขับ เปลี่ยนอะไหล่ ชิ้นส่วนที่หมดสภาพ ตามระยะทาง ก็จะใช้งานได้เกิน 10 ปี เพื่อนผู้เขียนบางคนเน้นใช้รถยาวๆ บางคันเกิน 15 ปี เลขไมล์เกิน 500000 กิโลเมตร แต่ก็ยังใช้งานได้ดี เพราะการซ่อมบำรุงดี รถก็ใช้งานได้นาน ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อยๆ เสียเงินหลักหมื่นหลักแสน

 

รถมือสอง

การใช้รถยนต์มือสอง หรือ จักรยานยนต์มือสอง เป็นตัวเลือกในเรื่องความประหยัด แม้จะเป็นรถเก่า แต่เมื่อได้รถมาแล้ว ก็ต้องซ่อมบำรุงให้ดี ก็จะใช้งานได้อีกนาน

 

รถมอเตอร์ไซค์มือสอง

อย่างมอเตอร์ไซค์คันนี้ รถมือสองราคาไม่ถึง 10,000 บาท รถปี 2551 อายุ 15 ปี 9 เดือน เลขไมล์ประมาณ 128,000 กิโลเมตรแล้ว แต่ยังเดินทางไกลเกิน 500 กิโลเมตรต่อวันได้สบายๆ ยี่ห้อนี้ค่อนข้างทนทาน ในขณะที่รถใหม่บางคันรวมค่าผ่อนทั้งหมดแล้วเกือบ 1 แสนบาท เลยทีเดียว เงินหายไปเยอะมาก

 

 

การเลือกรถมอเตอร์ไซค์ต้องเน้นรถเล็กเครื่องยนต์ไม่เกิน 125 cc ก็พอ เน้นรถใช้โซ่ รถครอบครัว อเนกประสงค์ ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าแบบอื่น ทนทานกว่ารถเกียร์อัตโนมัติ ต้องประหยัดน้ำมัน เผื่อว่าจะต้องใช้รถช่วยทำมาหากิน ขับไปทำธุระ ซื้อของ ขายของ ส่งสินค้า ฯลฯ

 

รถยนต์มือสอง

การใช้รถยนต์มือสอง ไม่น่ากลัว แต่ต้องซื้อให้เป็น และสำคัญที่สุดก็คือ ซ่อมให้เป็น ซ่อมให้จบก็จะใช้งานได้นานๆ ที่สำคัญเน้นรถที่ราคาไม่ตก รถเครื่องยนต์เล็กไม่เกิน 1600 cc ใหญ่กว่านี้ อย่าไปแตะ ราคาตก เงินหาย ค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำมันแพง เงินจะไม่เหลือ

 

เรื่องรถนั้น หากไม่มีความจำเป็นต้องใช้จริงๆ เป็นคนโสด การมีรถมอเตอร์ไซค์มือสองสักคันก็เพียงพอแล้ว หารถมือสองไม่เกิน 20,000 บาท มีรถสภาพดี ใช้งานได้นานเกิน 10 ปีสบายๆ ขอเพียงดูแลให้ดี อย่าสักแต่ขับอย่างเดียว แต่เน้นยี่ห้อที่มีความทนทาน อย่าใช้รถเกียร์ออโต้ เน้นเกียร์ธรรมดา อย่าง Suzuki เป็นรถที่มีความทนทานมาก คันนี้เลขไมล์เกือบ 130,000 กิโลเมตรแล้ว ยังแรง ขับทางไกล ใกล้ สบาย ซื้อรถในราคาประมาณนี้ ช่วยประหยัดเงินหลักหมื่นบาท เมื่อเทียบกับรถป้ายแดง ในการขายต่อ ราคาก็ไม่ตกมาก เงินก็ไม่หายมากนัก

 

ในเรื่องรถยนต์ก็เช่นกัน มีรถยนต์มือสองหลายรุ่นที่ราคาไม่ตก ซื้อรถในราคาประมาณ 50,000-70,000 บาท ซ่อมให้เป็นจบที่ประมาณ 100,000 บาท รวมทั้งราคารถและค่าซ่อม ใช้กันยาวๆ ขายต่อ ก็จะได้ราคาประมาณนั้น 50,000-70,000 บาท ขอเพียงแค่ให้ดูแลรักษาให้ดีก็พอ

 

การใช้รถมีรายการใช้จ่ายไม่น้อย จึงต้องศึกษาให้ดี ขอให้ตั้งธงไว้อย่างเดียวว่า จะต้องเลือกคันที่สามารถใช้ได้ยาวๆ เกินสิบปี ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์มือสองก็ตาม จากนั้นก็ศึกษาหาข้อมูลรอบด้าน การกินน้ำมัน ราคาอะไหล่ อู่ใกล้บ้าน การขายต่อ ฯลฯ ก่อนตัดสินใจซื้อ หากทำได้ตามนี้ รับรองว่า เงินหลักแสน หลักล้านจะไม่หมดไปกับรถยนต์อย่างแน่นอน

 

จักรยาน

รถจักรยานเป็นพาหนะที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเหมือนรถยนต์ หรือ จักรยานยนต์ ต้องมีติดบ้าน เผื่อไปทำธุระใกล้ๆ ก็ใช้จักรยาน ไปไกลๆ ก็ใช้รถยนต์ จักรยานยนต์ กรณีใช้รถยนต์อาจจะซื้อจักรยานพับได้ญี่ปุ่นมือสอง ไว้ติดรถ เวลาไปไหนไม่ไกล ก็ปั่นจักรยานไปได้ ไม่ต้องขับรถให้เปลืองน้ำมัน

 

อย่างผู้เขียนใช้คู่กัน มอเตอร์ไซค์กับจักรยาน มีค่าน้ำมันมอเตอร์ไซค์ปีละประมาณ 1,500-2,000 บาทเท่านั้น น้อยมากกกกกก เคยเอารถยนต์ของน้องสาวมาใช้วันเดียว เติมน้ำมันไป 2,000 บาท สะดุ้งเลย!!! รายได้น้อย อย่าไปยุ่งกับรถยนต์ รถจะเอาเงินไปกินหมด ไม่เหลือเก็บ

 

10. ระวังในการนำเงินไปลงทุน

เมื่อเริ่มมีเงินเก็บก็ต้องศึกษาในเรื่องการนำเงินไปลงทุน หลีกเลี่ยงการนำเงินไปลงทุนในรูปแบบที่ ...
1. มีคนชวนให้นำเงินไปลงทุน โดยจะบริหารจัดการให้เอง รอรับผลตอบแทนอย่างเดียว แนวนี้ห้ามอย่างเด็ดขาด
2. การลงทุนจะต้องเป็นการทำเองเท่านั้น เพื่อให้มีความรู้ความชำนาญสามารถทำเป็นอาชีพได้ ในอนาคต หากจะต้องออกจากงานหลัก

 

ความโลภ ความไม่รู้ อาจจะทำให้เงินที่เก็บได้พอสมควรแล้วหมดไปได้ หากไม่ศึกษาให้ดี อาจจะพลาดได้ เงินหมดก่อนเกษียณ รายได้ยิ่งน้อยๆ กว่าจะสะสมได้ แบบนี้ชีวิตบั้นปลายลำบากแน่นอน

 

11. การหวังพึ่งพาคนรอบข้าง เพราะกลัวลำบากตอนแก่

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เงินหมดเร็วเช่นกัน โดยเฉพาะคนโสด กลัวว่าแก่แล้วจะไม่มีใครเลี้ยงดู แก่แล้วจะลำบาก ก็เลยหวังพึ่งพาคนรอบข้าง บางคนไม่มีลูก มีแต่หลาน ก็อยากจะเอาใจหลานด้วยการยกสมบัติ บ้านที่ดิน เงินทอง หวังซื้อใจ อยากจะให้เขาเลี้ยงดูตอนแก่ ครั้นพอยกทุกอย่างให้หมดแล้ว ก็โดนเท ไม่เหลืออะไรเลย

 

ดังนั้นต้องพยายามพึ่งพาตนเอง และพึ่งพาระบบ เช่น ต้องมีเบอร์ของมูลนิธิต่างๆ ไว้ติดต่อขอความช่วยเหลือ นำส่งโรงพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย ไม่ต้องพึ่งพาลูกหลาน การบริจาคร่างกาย ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีใครทำศพ การหวังพึ่งพาคนรอบข้าง โดยเฉพาะญาติพี่น้องด้วยแล้ว จะเสียเงินมากกว่าการใช้บริการระบบเหล่านี้

 

ระบบเหล่านี้จ่ายเงินแล้วก็จบ ต่างจากการพึ่งพาญาติพี่น้องลูกหลาน ไม่จบง่ายๆ ต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องนั้น เรื่องนี้ ตามมา ให้พาไปส่งโรงพยาบาล บางคนก็ขอให้ช่วยเติมน้ำมัน ช่วยค่าเสียเวลาทำงาน ขอแล้วขออีก มีลูกหลานมาช่วยกันหลายคน ก็เกิดปัญหากันอีก คนนั้นได้มาก คนนี้ได้น้อย บลาๆๆ นี่คือเรื่องที่จะต้องเจอ ทำให้เสียเงิน และปวดหัวมากกว่าที่คิด

 

12. การปลูกสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ และมากเกินไป

การปลูกบ้าน สิ่งก่อสร้างในที่ดิน ก็เช่นกัน จำเป็นต้องวางแผน เพราะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่จะทำให้เสียเงินจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น

1. บางคนมีสมาชิกในครอบครัวหลายคน ก็สร้างบ้านขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ ด้วยหวังว่า อนาคตลูกหลานจะมาอยู่ร่วมกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว แต่ละคนก็จะมีชีวิตเป็นของตัวเอง เฉพาะลูกเท่านั้นที่อาจจะมาอยู่ร่วมชายคากันได้ แต่ลูกสะไภ้ ลูกเขย หลาน อาจจะไม่สามารถมาอยู่ร่วมกันได้ เพราะไม่สนิทกัน และการมาอยู่ก็มาได้แค่ชั่วคราว อาจจะมีกิจการที่ต้องดูแล ทิ้งไม่ได้ หากมีลูกต้องคิดให้มาก เพราะเมื่อถึงเวลาต้องแบ่งสมบัติจะสร้างปัญหาในการแบ่งบ้าน

 

2. แทนที่จะปลูกบ้านหลังใหญ่เต็มพื้นที่การปลูกเป็นกึ่งบ้านกึ่งทาวน์เฮ้าส์ อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แยกเป็นห้อง ตามจำนวนสมาชิกในครอบครัว เผื่อทั้งการแบ่งที่ดินไปในตัว เพราะความจริงที่ต้องยอมรับก็คือ เมื่อใดที่ลูกหลานโตขึ้น แยกตัวมีครอบครัวแล้ว พ่อแม่ พี่น้อง ก็เหมือนคนอื่น จะเห็นได้ว่าแทบจะทุกครอบครัวลูกหลานจะมีปัญหาทะเลาะแย่งสมบัติกัน การปลูกแบบนี้จะดีกว่า อีกทั้งยังแบ่งให้เช่าได้อีกด้วยในอนาคต เป็นการสร้างรายได้อีกทาง

 

เรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องคิดวางแผนให้ดี หากมีลูกหลายคน การทำบ้านหลังใหญ่เต็มพื้นที่ แม้จะแยกห้องเผื่อให้ลูกหลานทุกคน แต่ก็ต้องคิดเผื่อการแบ่งสมบัติของลูกหลานด้วย หลังจากที่ตัวเองลาโลกไปแล้ว เพราะในแต่ละครอบตัว จะมีตัวโกง ตัวแสบ อย่างน้อยหนึ่งคน ที่อาจจะโกงพี่น้องเอาบ้านเอาที่ดินไปคนเดียว เป็นหลังใหญ่แบ่งไม่ได้ ก็จะสร้างปัญหาให้คนอื่น แต่หากเป็นห้องแถวหรือทาวส์เฮ้าส์ ก็ยังพอจะแบ่งกันได้

 

ส่วนคนโสดอยู่คนเดียว อย่าไปทำบ้านหลังใหญ่ ทำบ้านหลังเล็กๆ ประหยัดเงิน สะดวกในการดูแล ยามแก่ชรา หรือเจ็บป่วยเดินเหินไม่คล่อง ก็ไม่ลำบากในการเข้าห้องน้ำ ห้องครัว ซักผ้า ฯลฯ เพราะห้องมีขนาดเล็ก อย่างผู้เขียน โสด อยู่คนเดียว หากจะสร้างบ้าน ก็จะไม่สร้างใหญ่มากเกินกว่าห้องตามหอพัก ใหญ่กว่านี้ เสียเวลาดูแล และเสียเงินเปล่าๆ จ่ายไปแล้ว ไม่ได้ใช้ประโยชน์

 

13. ศึกษาฝึกทำอาชีพที่สามารถทำได้แม้จะมีอายุมาก

เรื่องนี้สำคัญมาก รายได้น้อย เก็บเงินได้น้อย ก็ต้องหาอาชีพเสริม หรือ งานที่ทำได้แม้จะมีอายุมาก หรือสามารถทำต่อไปได้จนกว่าจะไม่ไหว ก็จะหมายถึงรายได้ที่จะยังคงมีเข้ามาเรื่อยๆ ศึกษางานที่ใช้แรงกายไม่มากนัก เน้นใช้สมอง คิดงาน สร้างสรรค์ ฯลฯ ก็จะยังคงทำงานต่อไปได้เรื่อยๆ อย่างผู้เขียน เป็นนักเขียน หากสมองไม่เสื่อม ก็จะยังคงทำงานต่อไปได้เรื่อยๆ

 

การวางแผนผลิตสินค้าเป็นของตัวเอง อาจจะเป็นงานฝีมือ หรือรับจ้างผลิต ฯลฯ ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ เพราะสินค้าจะขายได้ด้วยตัวมันเอง ทุกวันนี้มีบริการเก็บสต็อกสินค้า รับออเดอร์ จัดส่ง ไม่ต้องทำอะไร รอรับเงินที่บ้าน ข้อดีของการมีสินค้าก็คือ ไม่ต้องดูแล ไม่ต้องจ่ายเงินค่าจ้างเหมือนการทำกิจการบางอย่าง เหนื่อย ไม่สบาย เจ็บป่วย ก็ไม่มีปัญหา สินค้าเดินของมันเองได้

 

อาชีพต่างๆ มีเยอะมาก ลองค้นหาวิดีโอแนะนำใน Youtube หรือไม่ก็เข้าไปดูในเว็บไซต์รวมแฟรนไชส์ หรือ เว็บไซต์แนะนำอาชีพ จดรายชื่อไว้ให้หมด แล้วดูว่าตัวเองชอบแบบไหน จากนั้นก็เริ่ม ให้เลือกอาชีพที่เน้นการลงทุนน้อยที่สุด สามารถทำคนเดียวได้ และจะให้ดี อย่าไปยุ่งกับสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ พืช หรือ สัตว์เลี้ยง อาชีพแนวนี้ เป็นภาระผูกพันต้องดูแลต่อเนื่อง มีค่าใช้จ่ายตลอดเวลา อาจจะไม่เหมาะกับคนรายได้น้อย มีเงินเก็บน้อย

 

สรุป

จากที่กล่าวมาก็เป็นตัวอย่างแนวทางจัดการการเงิน บริหารเงิน ล่วงหน้าก่อนจะถึงวันที่จะเริ่มเกษียณตัวเอง ออกจากงาน แม้จะไม่อยากออก แต่ด้วยอายุ หรือ กฏข้อบังคับของแต่ละหน่วยงาน ที่อาจจะให้ทำงานได้ถึงอายุช่วงใด ช่วงหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อชีวิตยังเดินต่อไป และรายได้ ก็ไม่มาก เก็บเงินได้น้อย ก็ต้องวางแผนในลักษณะนี้ จึงจะรอดดดดด