คำกริยาจะหมายถึง คำที่แสดงถึงการกระทำหรือถูกกระทำ ถ้าเปรียบเทียบกับภาษาไทย ก็จะเป็นคำต่างๆ เช่น กิน เดิน นั่ง ลุก ยิ้ม กระโดด หรือกริยาท่าทางการแสดงออกต่างๆ นั่นเอง

 

ในแต่ละภาษาจะต้องมีคำกริยา เพื่อแสดงถึงการกระทำของผู้กระทำ (ประธาน) หรือผู้ถูกกระทำ (กรรม) เช่น ครูตีนักเรียน
Teacher hits student.
ทีเช่อะ ฮิทสฺ สติวเด้นทฺ

ครู (teacher) เป็นผู้กระทำ คำนี้ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค ตี (hit) เป็นคำกริยา และนักเขียน (student) เป็น กรรม

วิธีใช้งานคำกริยา

คำกริยาในภาษาอังกฤษจะมีการใช้รูปแบบการใช้งานที่หลากหลายกว่าภาษาไทยของเรามาก เช่น

 

คำกริยาจะแยกเป็นเอกพจน์และพหูพจน์

นี่อาจจะเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวของคำกริยาในภาษาอังกฤษ สำหรับคนไทยเรา เพราะจะต้องจำให้ได้ว่า คำใดเป็นเอกพจน์ หรือ พหูพจน์เพื่อจะได้ใช้งานให้ถูกต้อง ตัวอย่าง เช่น
ตัวอย่างประโยคที่เป็นเอกพจน์
ทอม กิน ข้าวเช้า
Tom eats breakfast.
ทอม อีทสฺ เบรกฟัสต์

ประธานมีคนเดียว คือ ทอม คำกริยา กิน (eats) จะต้องเติม s

ตัวอย่างประโยคที่เป็นพหูพจน์
Tom and Sara eat breakfast.
ทอม แอนด์ ซาร่า อีท เบรกฟัสต์
ประโยคนี้ ประธานมี 2 คน คือ ทอมและซาร่า ดังนั้น คำกริยาจะต้องเปลี่ยนไปตามประธาน ไม่ต้องเติม s เป็น eat

การสร้างประโยคในภาษาอังกฤษ เพื่อพูดหรือเขียน จึงต้องเข้าใจเรื่องของคำนามเอกพจน์และพหูพจน์ที่ทำหน้าที่เป็นประธาน เช่น Tom และ Sara หากไม่เข้าใจก็จะใช้ประโยคไม่ถูกต้อง ตรงนี้จะต่างจากภาษาไทยของเรา

 

การท่องจำคำกริยา

คำนามภาษาอังกฤษมีหลายแบบ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ฯลฯ คำกริยาที่จะใช้กับคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ก็จะต้องใช้คำกริยาที่ ต่างกันออกไป หากจำคำศัพท์ได้มาก ก็จะใช้ภาษาอังกฤษเพื่อพูดหรือเขียนเป็นประโยคได้ดียิ่งขึ้น เช่น
Tom kicks a dog
ทอม คิก อะ ด้อก
ทอม เตะ สุนัข

Dogs bite Tom.
ด้อก ไบท์ ทอม
สุนัขหลายตัวรุมกัดทอม

Water flows slowly.
วอเตอร์ โฟลสฺ สโลลิ
น้ำไหลช้าๆ

เราจะเห็นว่า คำกริยานั้นจะเปลี่ยนไปตามประธาน ไม่ว่าจะเป็น Tom, Dogs หรือ Water ดังนั้นจะต้องจำให้ได้ว่าคำแต่ละประเภทต้อง ใช้กับคำกริยาอะไร แบบไหน การจำคำศัพท์ได้มากๆ ก็จะใช้ภาษาอังกฤษได้ดี เรียบเรียงประโยคเพื่อพูดหรือเขียนได้ดียิ่งขึ้น พื้นฐาน สำคัญของภาษาอังกฤษก็คือคำศัพท์นั่นเอง

จับคู่คำนามและกริยาให้ถูกต้อง

เมื่อจำคำศัพท์ได้มาก ทั้งคำนามและคำกริยา การเรียบเรียงประโยคก็นำมาจับคู่กับ คำกริยา ใช้ให้ถูกต้อง ก็จะพูด และเรียบเรียง ประโยคภาษาอังกฤษได้ไม่ยากเลย หนังสือประเภทคำศัพท์หมวดหมู่และกริยา 3 ช่องต้องมีติดตั้ง สำหรับคนชอบภาษาอังกฤษ ไว้ท่อง ไว้ศึกษา รับรองเก่งภาษาเร็วขึ้นแน่นอน
1. สำหรับคำศัพท์แบบหมวดหมู่ ค้นหาได้จาก Google แล้วคลิกขวา คลิก Save Image as.. เพื่อดาวน์โหลดไว้ท่อง


2. กริยา 3 ช่องก็เช่นกัน หากท่องจำได้มากๆ การใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสนทนา การเรียบเรียงประโยคก็จะไม่ยากเลย

 

 

ประธานของประโยคที่เป็นคำสรรพนาม

สำหรับประธานของประโยค นอกจากคำนาม ทั่วไป คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ อารมณ์ สภาวะการณ์ ฯลฯ ก็ยังมีคำสรรพนาม ฉัน เธอ เขา พวกเขา ที่สามารถนำมาเป็นประธานของประโยคได้อีกเช่น
He eats breakfast.
ฮี อีทสฺ เบรกฟัสต์
เขา กิน อาหารเช้า คำว่า He(ฮี) เขา เป็นเอกพจน์ จึงต้องเติม s ที่คำกริยา eate

They eat breakfast.
เดย์ อีท เบรกฟัสต์
พวกเขากินอาหารเช้า คำว่า They เป็นพหูพจน์ จึงไม่ต้องเติม s ที่คำกริยา eat

 

การใช้ภาษาอังกฤษยังมีเรื่องของกาลหรือ Tense เข้ามาเกี่ยวข้อง

การใช้งานภาษาอังกฤษ เพื่อพูดหรือเขียนเป็นประโยค จะต้องเข้าใจเรื่อง Tense(เทนสฺ) หรือกาล อีกด้วย เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะ เรียบเรียงประโยค หรือพูดภาษาอังกฤษไม่ถูกต้อง ตัวอย่างเทนสฺแบบต่างๆ เช่น

เทนสฺที่เป็นปัจจุบัน เหตุการณ์ในปัจจุบัน สิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนั้น วันนั้น เวลานั้น
Tom is in classroom.
ทอม อิส อิน คลาสรูป
ทอม อยู่ ในห้องเรียน

เหตุการณ์ในอดีต
Tom was in classroom yesterday. ทอม อีส อิน คลาสรูป เยสเตอเดย์
เมื่อวานทอมอยู่ในห้องเรียน

จะเห็นว่าประโยคภาษาอังกฤษ จะต่างจากภาษาไทยของเรา ซึ่งจะไม่มีคำกริยาเพื่อใช้งานในลักษณะนี้ เราจะใช้คำเดียวกันทั้งหมด เพียงแต่จะมีการใช้คำที่บ่งบอกให้รู้ว่า เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อใด เช่น

วันนี้ทอมอยู่ในห้องเรียน หรือ Tom is in classroom.
เมื่อวานนี้ทอมอยู่ในห้องเรียน หรือ Tom was in classroom yesterday.

นอกจากกาลหรือเทนส์แล้วก็ยังมีประโยคแบบอื่นอีกหลายแบบ ที่จะต้องทำความเข้าใจ การเรียนภาษาต้องใช้เวลา แต่อย่างน้อย บทความนี้ ก็คงจะช่วยให้ผู้อ่านรู้วิธีจับคู่คำนามกับคำกริยาได้ดียิ่งขึ้น สิ่งสำคัญก็เพียงแต่ต้องจำ คำศัพท์ให้มาก เท่านั้นเอง ซึ่งก็ต้อง ท่องจำอย่างเดียว