บทความแนะนำวิธีพัฒนาตนเองให้เก่งแบบก้าวกระโดด เหนือกว่าคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการใช้ชีวิต การทำงาน เพื่อให้มีความรู้ ความ สามารถ ฉลาดกว่าคนอื่น หรือรู้เท่าทันคนอื่น โดยเฉพาะคู่แข่งในด้านการทำธุรกิจเพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ไม่เสียเปรียบ หรือสามารถ เอาตัวรอดในการแข่งขันเชิงธุรกิจได้
ผู้คนในทุกวันนี้มีโอกาสเพิ่มความฉลาดให้ตัวเองได้มากกว่าคนในยุคก่อน โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ ด้วยผลจากการส่งเสริมการเรียนรู้ของพ่อ แม่ผู้ปกครอง เด็กในทุกวันนี้และที่ผ่านมา พ่อแม่ค่อนข้างใส่ใจ ส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมาก บางคนให้ลูกเรียน 2 ภาษา เรียนเสริม เรียนพิเศษ ทั้งดนตรี วาดภาพ ฯลฯ เด็กจึงมีโอกาสเรียนรู้มากกว่า และเท่าทันผู้ใหญ่
นอกจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของแหล่งข้อมูล และความสามารถในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลเหล่านั้น คนเราทุกวันนี้ใช้มือถือสมาร์ทโฟนกันเป็นส่วน ใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ถึงแหล่งข้อมูลมากมายมหาศาลบนอินเตอร์เน็ต ทั้งข้อมูลในเว็บไซต์ หรือ วิดีโอต่างๆ ในยูทูป หากต้องการเรียนรู้เรื่องใด ก็จะ มีโอกาสประสบความสำเร็จ เพิ่มความฉลาดให้ตัวเองได้ไม่ยาก
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองให้เก่งแบบก้าวกระโดด
ทำความรู้จักเครื่องมือช่วยในการเรียนรู้
ข้อมูลต่างๆ ในอินเตอร์เน็ต มีทั้งบทความ หนังสือ วิดีโอ การเรียนรู้ การเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น ใช้มือถือเครื่องเดียวก็พอแล้ว ซึ่งมือถือสมาร์ท โฟนอย่างแอนดรอยด์มีราคาเริ่มต้นไม่ถึงหนึ่งพันบาท ก็ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา และเมื่อได้มือถือมาแล้ว ก็ต้องเรียนรู้วิธีใช้มือถือในการพัฒนาตน เอง เช่น การใช้มือถือค้นหาข้อมูลจากเน็ต ค้นหาวิดีโอสอนความรู้ต่างๆ ในยูทูป สอนอาชีพ สอนวิชาการ ฯลฯ
** สำหรับการใช้มือถือเพื่อค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเพื่อการพัฒนาตนเอง ศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความนี้ ***
ตัวอย่างความรู้พื้นฐานในการใช้งานมือถือที่จะต้องรู้
ความรู้พื้นฐานเหล่านี้ เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้สามารถเรียนรู้แบบก้าวกระโดดได้ เพราะรู้วิธีเข้าถึงข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีมากเหลือเกิน ความยากในการค้นหาข้อมูลที่ตรงกับความต้องการ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะข้อมูลขยะมีมากเหลือเกิน สำหรับมือใหม่หัดใช้มือถือจึงควรศึกษา อย่างจริงจัง อย่าเพิ่งเสียเวลาไปกับความบันเทิงแต่เพียงอย่างเดียว
1. การค้นหาข้อมูลในเน็ต ผ่านแอป Chrome
2. การค้นหาข้อมูลวิดีโอต่างๆ ใน ยูทูป
3. การค้นหาข้อมูลใน Facebook
4. การค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ที่เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนความรู้กัน อย่าง pantip.com
การเรียนรู้ทุกวันนี้ไม่ต้องเข้าห้องสมุด ไม่ต้องอ่านในหนังสืออีกต่อไป เพียงมีมือถือ อุปกรณ์ที่มีกันแทบทุกคน ก็จะสามารถศึกษาหาความรู้ ในทุกเรื่องได้ตลอดเวลา ด้วยความที่ยังเป็นเด็ก สมองดีกว่าผู้ใหญ่ ความจำดีกว่า หากมีความขยันด้วยแล้ว ก็จะมีโอกาสเรียนรู้ได้เท่าทัน หรือ ฉลาดกว่าผู้ใหญ่
เด็กอายุน้อย ฉลาดกว่า สมองดีกว่า
ในช่วงอายุยังน้อย เด็กส่วนใหญ่จะมีความจำดีกว่า คนวัยอื่น ฉลาดกว่า สมองดีกว่า จึงมีโอกาสเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ได้มาก ประกอบกับการ ส่งเสริมการเรียนของพ่อแม่ด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีโอกาสมากเช่นกัน ดังนั้นในช่วงที่ยังเด็ก ช่วงวัยรุ่น ก็อย่าปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านไป ทุ่มเทใช้เวลาศึกษา หาความรู้ให้เต็มที่ ความรู้บางอย่าง อาจะเสียเวลาเรียนรู้ครั้งเดียว แต่ใช้ทำมาหากินได้ตลอดชีวิต
ความขยันในการศึกษาเป็นหัวใจสำคัญ
ทุกวันนี้ความรู้บางอย่างที่เราเคยได้เรียนรู้มานั้น อาจจะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องศึกษาหาความรู้ใหม่ โดยเฉพาะใน เรื่องอาชีพ ความขยันเป็นหัวใจสำคัญ ที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จ เด็กหลายคนมีความขยันในการศึกษาเล่าเรียน เพื่อแข่งขัน ทั้งทำตาม ความคาดหวังของพ่อแม่ หรือตัวเด็กเอง ซึ่งเด็กบางคนไม่เพียงศึกษาเฉพาะด้านวิชาการเท่านั้น แต่ยังศึกษาด้านอื่น บางคนก็เริ่มทำงาน ทำธุรกิจ ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ทำให้มีประสบการณ์ในหลายด้าน ไม่เพียงเฉพาะด้านวิชาการเท่านั้น
สิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจศึกษาเรื่องใด จะต้องพิจารณาให้รอบด้านว่าสิ่งที่เรียนรู้นั้น สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ตลอดชีวิต หรือใช้งานได้นาน มากเพียงใด อย่างการทุ่มเทศึกษาภาษาอังกฤษของเด็กไทย ที่เน้นการอ่านเพื่อสอบเรียนต่อ เด็กหลายคนเก่งไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สามารถ สอบทำคะแนนได้ดี เมื่อสอบเรียนต่อ หรือสมัครงาน แต่ทักษะในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร การฟัง การแปล กับไม่ได้เรื่องเลย ทำให้ไม่เข้าใจ บทความหรือดูวิดีโอภาษาอังกฤษ ก็ไม่สามารถแปลได้ ทักษะนี้มีความสำคัญ เพราะจะช่วยให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น
การศึกษาหาความรู้ในบางเรื่องจะต้องใช้ความขยันและใช้เวลาเป็นอย่างมาก ดังนั้นระวังอย่าไปเสียเวลาศึกษาในเรื่องที่ไม่สามารถใช้งานได้ นาน หรือไม่สามารถใช้งานในชีวิตจริงได้ อย่างการทุ่มเทศึกษาด้านวิชาการ กับด้านอาชีพ สุดท้ายแล้ว ด้านอาชีพย่อมจะดีกว่า เพราะมีช่องทาง หารายได้ที่ง่ายกว่า ถ้าไม่เลือกงาน
วิธีเรียนลัดให้ฉลาดแบบก้าวกระโดด
ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นเดียวกัน ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงวัย ไม่ว่าจะทำงานเรื่องใด มีความรู้เรื่องใด การพัฒนาตนเองแบบก้าวกระโดด เพื่อให้มีความรู้ ฉลาดเท่าทัน หรือเหนือกว่าคนอื่น ไม่ว่าคนเหล่านั้น จะมีอายุมากกว่า มีประสบการณ์มากกว่า ก็ตาม เพียงแต่ต้องอาศัยความขยันในการศึกษา ในเรื่องเดียวกัน อย่างผู้ใหญ่มีความรู้เรื่องการบริหารเงิน หากเรามีความขยันมุ่งศึกษาอย่างจริงจัง ก็จะมีโอกาสเรียนรู้ได้เท่าทันในเวลาไม่นาน แม้จะยังมีความต่างอยู่บ้างในเรื่องปลีกย่อยเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เด็กในทุกวันนี้ ฉลาดกว่าผู้ใหญ่ เพราะเพียงอาศัยระยะเวลาไม่นานใน การศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้ครอบคลุมทั้งหมด ก็จะรู้ทุกเรื่อง และอาจจะรู้มากกว่า จำได้มากกว่า เพราะสมองดีกว่า
ส่วนจุดอ่อนของเรียนรู้ทางลัด ก็คือ การลงมือทำ การเรียนรู้ให้มีความรู้ ฉลาดเท่าทันคนอื่น ไม่ใช่เรื่องยาก อาศัยการอ่านและจำให้ได้ แค่นั้น แต่กรณีเป็นความรู้เชิงปฏิบัติ จะค่อนข้างยาก เพราะบางอย่าง บางเรื่อง ต้องลงมือทำ ต้องมีเครื่องมืออุปกรณ์ ประกอบการเรียนรู้ด้วยเช่นกัน ใน บางเรื่องจึงไม่ง่าย ที่เราจะสามารถเรียนรู้ได้ทันผู้อื่น เพราะตัดขัดในเรื่องเครื่องมือ อุปกรณ์
อย่าหยุดการเรียนรู้เพราะจะให้สมองแย่ลง
สมองของคนเราต้องการการออกกำลังกาย ได้คิด คำนวณตัวเลข ได้วิเคราะห์ ได้จดจำ ก็จะช่วยให้สมองไม่เสื่อม ยังคงใช้งานได้ดี ดังนั้นอย่า หยุดบริหารสมอง เพราะจะทำให้ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ช้าลง แย่ลง และความจำก็แย่ลงเช่นกัน อยากฉลาดแบบก้าวกระโดดต้อง หมั่นฝึกสมองบ่อยๆ ห้ามหยุดการเรียนรู้
โลกเปลี่ยนทุกวัน ความรู้เปลี่ยนทุกวัน ต้องศึกษาตลอดเวลา
โลกเปลี่ยนแปลง ความรู้ในด้านต่างๆ บางเรื่องจึงต้องเรียนรู้ใหม่ ตลอดเวลา เพื่อเอาชีวิตรอด หรือเพื่อประกอบอาชีพ ความรู้่ในสมัยก่อน ไม่ สามารถใช้ได้อีกต่อไป เช่น รูปแบบการทำงาน การขายสินค้าผ่านเน็ต วิธีหาเงิน วิธีใฃ้ชีวิต ทุกวันนี้ไม่จำเป็นจะต้องมีหน้าร้านติดถนน ต้องอยู่ ในทำเลที่ดี อยู่ในป่า ในซอยลึก ก็มีช่องทางค้าขายได้ ด้วยการขายของออนไลน์ เน้นส่งของทางไปรษณีย์ เป็นต้น
หากคิดว่างานที่ตัวเองทำอยู่ หรือความรู้ ประสบการณ์ความสามารถของตัวเอง ไม่สามารถปรับใช้ได้อีกต่อไปแล้ว เช่น บางคนรับจ้างสร้าง บ้าน หรือปลูกบ้านขาย ก็ยังดันทุรังทำอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะเคยชินกับกำไรมากๆ ได้เงินเป็นก้อน การจะลดตัวไปทำ งานง่ายๆ จะไม่ยอมทำอย่างเด็ดขาด ก็ทำให้ไม่มีงาน แต่หากรู้จักปรับตัว เรียนรู้สิ่งใหม่ ก็จะมีช่องทางเอาตัวรอดได้ บางคนมีความรู้เรื่องบ้าน ก็ มาทำวิดีโอ ทำบทความแนะนำให้ความรู้คนอื่น สร้างรายได้จากโฆษณา เป็นต้น
การหยุดการเรียนรู้ของผู้ใหญ่หรือคนสูงวัย
หากสังเกตุให้ดี จะพบว่า ผู้ใหญ่ หรือ ผู้สูงวัยไม่น้อย ได้หยุดการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไปนานแล้ว ที่ยังจำได้ ก็จะเป็นความรู้เก่าๆ คนแก่จึงมักจะ พูดถึงแต่เรื่องเก่าๆ เพราะนั่นคือความรู้ที่เคยมี เคยเรียนรู้ ผู้เขียนคบคนสูงวัยหลายคน บางคนก็พูดแต่เรื่องเดิมๆ ความรู้เดิมๆ แทบทุกครั้งที่พูด คุยกัน ทำเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ไม่กล้าเรียนรู้สิ่งใหม่ กลัวคนอื่นมองว่าตัวเองไม่ฉลาด จึงมักจะพูดถึงในเรื่องที่ตนมั่นใจว่า มีความรู้ในเรื่องนั้นๆ ดีกว่า คนอื่น ซึ่งบางทีก็เป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะความรู้ในเรื่องนั้น ไม่สามารถปรับใช้ในปัจจุบันได้อีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นไม่ว่าเราจะเป็นคนสูงวัย หรือวัยใด ก็ตาม ก็ควรหมั่นวิเคราะห์สถานการณ์ความเป็นไปของโลก และศึกษาหาความรู้ในเท่าทันคนอื่น โดยเฉพาะความรู้ที่เกี่ยวกับการทำมาหากิน เพราะเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของชีวิต บางคนมีความรู้เกี่ยวกับงานช่าง งานเหล็ก ก็ ทำผลงานของตนเอง ถ่ายเป็นวิดีโอแนะนำสินค้าของตนเอง ขายผ่านยูทูป แต่บางคน แม้จะมีฝีมือในด้านนี้อย่างมาก แต่ไม่มีความรู้ในการใช้มือ ถือการใช้ยูทูป และปิดตัวเอง ไม่ยอมศึกษาเรื่องใหม่ จึงไม่สามารถทำได้ ทั้งๆ ที่มีความรู้ มีความสามารถเหมือนกัน
ความรู้ที่ใช้ได้ตลอดไปและต้องเรียนรู้ตลอดเวลา
ก่อนตัดสินใจศึกษาเรื่องหนึ่ง เรื่องใด อย่างจริงจัง ต้องทำความเข้าใจกับสิ่งที่ต้องเรียนรู้เสียก่อน ซึ่งอาจจะแยกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ก็คือ ความรู้ที่สามารถใช้ได้ตลอดไป ไม่เปลี่ยนแปลง และความรู้ที่ต้องเรียนรู้ใหม่แทบตลอดเวลา
1. ตัวอย่างความรู้ที่ใช้ได้ตลอดไป ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เช่น หลักธรรมชาติ สัจธรรม การประกอบอาชีพบางอย่าง อาชีพช่างต่างๆ ข้อเท็จจริง ความเป็นจริง ภาษา เรื่องที่มีความเกี่ยวข้องเป็นเหตุเป็นผลกัน เป็นต้น ความรู้เหล่านี้ ใช้การเรียนรู้เพียงครั้งเดียว ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้งาน ได้ ซึ่งในเน็ต ในยูทูป ก็มีเรื่องราวให้ศึกษามากมาย อาศัยการทุ่มเทศึกษาให้เต็มที่ ในเรื่องหนึ่งเรื่องใด เด็กก็สามารถเรียนรู้ทันผู้ใหญ่ได้ไม่ ยาก
2. ตัวอย่างความรู้ที่ต้องเรียนรู้ใหม่แทบตลอดเวลา เช่น การทำงาน การใช้ชีวิต การใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ทันสมัยต่างๆ รูปแบบการใช้ชีวิต ตาม เทคโนโลยี เป็นต้น เรื่องแนวนี้ ผู้ใหญ่หลายคนยากจะเรียนรู้ได้ทันเด็ก เพราะขี้เกียจเรียนรู้ เรื่องใหม่ๆ บางคนก็กลัวความรู้ใหม่ๆ กลัวเทคโนโลยี ไม่กล้าถามคนรอบข้าง กลัวคนจะมองว่าตัวเองโง่ โดยเฉพาะคนที่เคยเป็นคนเก่ง คนฉลาด เคยประสบความสำเร็จเหนือกว่าคนอื่น คนที่คิดว่าตัว เองเหนือกว่าคนอื่นมาโดยตลอด
การพัฒนาตนเองแบบก้าวกระโดดเป็นเรื่องสำคัญ โลกเปลี่ยนไปหลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในด้านอาชีพ การทำงาน การทำ มาหากิน ในทุกวันนี้ การเรียนในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย อาจจะไม่สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพได้อีกต่อไป เพราะรูปแบบการทำงาน แบบใหม่ มีช่องทางลัด หาเงินได้เร็ว และมาก โดยไม่จำเป็นจะต้องไปเรียนปริญญาตรี โท หรือ เอก ไม่ต้องจบสูง จากเมืองนอก เหมือนเมื่อก่อน แล้ว ขอเพียงเก่งภาษา เพื่อจะได้ศึกษาหาความรู้ได้หลากหลาย สามารถติดต่อค้าขายกับผู้คนได้ทั่วโลก และรู้จักวิธีทำหาค้าขาย หรือทำธุรกิจทั้ง ในประเทศ หรือทั่วโลก กับขาวต่างชาติ เพียงแค่นี้ ก็มีโอกาสหาเงินล้านได้สบายๆ แม้จะมีอายุยังน้อยก็ตาม
ส่วนคนรุ่นเก่า ที่ยังคงทำงานแบบเดิมๆ ก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง อย่างการขายของหน้าร้าน ก็ต้องปรับเปลี่ยนเพิ่มบริการขายออนไลน์ ผ่าน เฟสบุ๊ค มีบริการส่งถึงที่ เป็นต้น พยายามพัฒนา ปรับปรุงสินค้าของตนให้สามารถขายออนไลน์ได้ เผื่อไว้รับมือยามเกิดปัญหาวิกฤติต่างๆ เช่น ภัยธรรมชาติ น้ำท่วม โรคระบาด