Sponsored Ads

คอมพิวเตอร์เบื้องต้น

เป็นหนังสือ บทความ เรื่องน่ารู้ ในหมวดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เบื้องต้น ความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โปรแกรม คอมพิวเตอร์ การติดตั้งโปรแกรม ความรู้เกี่ยวกับโน้ตบุ๊ค แท็ปเล็ต สมาร์ทโฟน ฯลฯ

 


บทความรวมข้อมูลสถานที่เรียนคอมพิวเตอร์ แต่ปัจจุบัน ในอินเตอร์เน็ตอย่าง youtube.com นั้นก็มีวิดีโอสอนใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์สารพัดโปรแกรมให้ เลือกดูและศึกษาด้วยตนเอง
1. โรงเรียนเทคนิควิชาชีพคอมพิวเตอร์
สอนซ่อม ประกอบคอมพิวเตอร์ รับรองโดยกระทรวงศึกษาธิการ
http://www.doctor-it.co.th

2. Thai-eschool
เพื่อเผยแพร่ และจัดฝึกอบรมสมาชิกให้มีความรู้และความสามารถในการใช้ Computer และใช้ Internet ได้อย่างถูกต้อง และการสร้างโฮมเพจให้มีความเชี่ยวชาญ และเพิ่มพูนความรู้เพื่อนำไปประกอบ ธุรกิจ หรือเสริมกิจกรรมที่ทำอยู่ให้ดียิ่งขึ้น
http://www.thai-eschool.com/

3. traininghome
รับสอนคอมพิวเตอร์ โปรแกรมต่าง ๆ เช่น Windows 2000, Linux, Excel, Word, Internet มีบริการสอนถึงบ้าน
http://www.geocities.com/traininghome

4. จรัญญา ยุรชาติ
รายละเอียดประวัติส่วนตัว รับสอนคอมพิวเตอร์ ติดตั้งอินเทอร์เน็ต และรับเขียนโฮมเพจ
http://members.mweb.co.th/yurachart2000/index.htm

5. บริษัท ยูเทคโปรเฟสชั่นเนล จำกัด
เปิดฝึกอบรมหลักสูตรคอมพิวเตอร์ จำหน่ายและนำเข้าคอมพิวเตอร์ เครื่องจักรกล
http://www.utecthailand.com

6. บริษัท อเมริกัน อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็ม จำกัด [กรุงเทพฯ]
เปิดสอน แนะแนว และฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ให้บริการรับวางระบบและดูแล เครือข่าย รวมทั้งรับซ่อมคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์
http://www.cyberthai.com/

7. บริษัทสมองคอมพิวเตอร์ จำกัด [สงขลา]
จัดอบรมการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ จำหน่ายคอมพิวเตอร์ รับติดตั้งระบบเครือข่าย ซ่อม คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง
http://www.webalias.com/samong

8. ฟิวเจอร์คิดส์
ศูนย์ฟิวเจอร์คิดส์เมืองทองพัฒนาการ สอนการการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับเด็ก
http://www.geocities.com/fk_pattanakarn

9. โรงเรียนพัฒนบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ
ที่อยู่ ศูนย์ปฎิบัติการวิชาชีพอาชีวนครสวรรค์ ชั้น 2 ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 60000 โทรศัพท์ 056-224822
http://www.thai.net/bdit

10. โรงเรียนพัฒนาเทคนิค คอมพิวเตอร์
สอนซ่อม ประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ การเขียนโฮมเพจ
http://www.geocities.com/ptcschool


11. โรงเรียนพัทยาศึกษาและคอมพิวเตอร์
โรงเรียนสอนภาษาและคอมพิวเตอร์แห่งแรกในเมืองพัทยา ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวง ศึกษาธิการ
http://www.pecschool.com

12. โรงเรียนสยามบริหารธุรกิจ
เลขที่ 6/599 ซ.พหลโยธิน 52 (สะพานใหม่ ดอนเมือง) ถ.พหลโยธิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. 10220 โทร. (02) 972-6111-8 โทรสาร (02) 972-6125
http://www.sbac.ac.th/

13. โรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศ เชียงใหม่
ศูนย์สอนภาษาต่างประเทศ สอนหลักสูตรระยะสั้น สอนภาษาอังกฤษเพื่อวิชาชีพต่างๆ เช่น วิชาครู การโรงแรม การท่องเที่ยว ธนาคาร เลขานุการ การค้าปลีก ฯลฯ สอนคอมพิวเตอร์ ศูนย์อบรม คอมพิวเตอร์ทุกระดับ พรอวิเด้นซ์ธุรกิจ อีคอมเมิร์ช
http://chmai.loxinfo.co.th/~cfec/lac.htm

14. สถาบันไออีคิวไทยแลนด์
เว็บไซต์สถาบันสอนคอมพิวเตอร์ ธุรกิจ และภาษา สอนกราฟิกบนเครื่อง Mac และ PC
http://www.ieqthailand.com


15. สยามคอมพิวเตอร์โฮมเพจ
เป็นเว็บไซต์ของสถาบันสยามคอมพิวเตอร์และภาษา ภายในมีเนื้อหาเกี่ยวกับรอบเปิดสอนทั้ง หลักสูตรคอมพิวเตอร์และภาษาต่างประเทศ รวมทั้งบทความ วิชาการมากมาย
http://www.siamcom.co.th

16. เสริมวิทย์ กรุ๊ป
เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับหนังสือคอมพิวเตอร์และหลักสูตรประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์, การแก้ไข ปัญหาคอมพิวเตอร์และหลักสูตร Microsoft Office, Grapic Desing , Web Desing
http://sermvit.co.th

17. ไอคอนส์โปร สอนคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์, ซอฟท์แวร์ และอินเทอร์เน็ต
ไอคอนส์โปร สอนคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์, ซอฟท์แวร์ และอินเทอร์เน็ต รวมทั้งบริการอื่น ๆ เช่น แปลงม้วน VDO เป็น VCD พิมพ์ รายงาน บริการอินเทอร์เน็ต ฯลฯ
http://go.to/iconspro

หมายเหตุ
แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อสถาบันสอนคอมพิวเตอร์ เหล่านี้ผู้เขียนได้มาจาก www.sanook.com ผู้อ่านควรเข้าไปค้นหาเพิ่มเติม เพราะอาจมีรายชื่อสถาบันอื่นๆ เพิ่มเข้ามา หรือข้อมูล ใดๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลง

4. อินเตอร์เน็ต
บนอินเตอร์เน็ต คุณสามารถค้นหาเทคนิค วิธีใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ได้จากเว็บไซท์ต่างๆ หรือดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่าง หรือจากการสนทนาแลกเปลี่ยนกันกับ เพื่อนๆ ของคุณ ซึ่งคุณควรมี กลุ่มเพื่อนที่เล่นคอมพิวเตอร์ด้วย จะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น
แนะนำให้เข้าไปที่ www.sanook.com แล้วค้นหารายชื่อเว็บไซท์โดยพิมพ์คำว่า สอนคอม แล้ว คลิกปุ่ม Search เพื่อค้นหาเว็บไซท์ ซึ่งมีอยู่มากมาย

5. คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
อย่างน้อยที่สุด ขอให้มีเครื่องคอมพิวเตอร์สักเครื่อง ถ้ารักกันจริงก็อดทนอดออมเก็บเงินซื้อ สักเครื่อง เปิดๆ ปิดๆ ก็เก่งได้ ผู้เขียนเองก็เริ่มต้นด้วยการศึกษาด้วยตน เองเหมือนกัน


ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง
การศึกษาด้วยตนเอง เป็นวิธีที่ดีที่สุด เมื่อใจพร้อม อุปสรรคใดๆ ก็ยากขวางกั้น อาจศึกษา จากหนังสือหรือซีดีสอน สอบถามเพื่อน ถามผู้รู้ แต่การเป็นผู้ใฝ่ศึกษา ค้นคว้าด้วยตนเองจะเป็นการ ปลูกฝังนิสัยที่ดี เพราะศาสตร์ด้านนี้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การทำตัวเป็นมนุษย์คำถาม ถามตลอด ไม่เคยคิดจะศึกษาค้นคว้าเอง ไม่มีทางเจริญแน่ แต่ทั้งนี้เนื้อหาที่จะศึกษานั้นควรเป็นเนื้อหาที่สามารถ ศึกษาด้วยตนเองได้ เช่น การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ แต่หากเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างยาก และไม่ค่อย มีใครเขาเป็นกัน เช่น การติดตั้งระบบเน็ตเวิร์ค การแก้ปัญหาเกี่ยวกับเครื่อง ฯลฯ อย่างนี้ถามไปเถอะ ไม่เป็นไร เพราะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยมีในตำหรับ ตำราสักเท่าไหร่นัก ไม่ถามก็คงค้นกันตาเหลือกเหมือนกัน กว่าจะได้คำตอบ เพราะบางปัญหาร้อยวันพันปีจะเจอสักครั้ง แล้วก็หาสาเหตุไม่ได้ว่าเกิดจากอะไรกันแน่ ผู้เขียนเองก็เคยเป็น บางครั้งทำเครื่องพัง อ่านหนังสือแทบหมดห้องสมุดกว่าจะได้คำตอบเพียงคำตอบ เดียวเท่านั้น สะใจ!!! ดี

ศึกษากับสถาบันสอนคอมพิวเตอร์
ศึกษาจากสถาบัน เหมาะสำหรับเนื้อหาที่ค่อนข้างยาก และต้องใช้อุปกรณ์อื่นๆ ด้วย เช่น การ พัฒนาโปรแกรม การเรียนเกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์ค ซึ่งต้องมีเครื่อง คอมพิวเตอร์อย่างน้อย 2 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์เกี่ยวกับการเชื่อมต่อหรือการซ่อมประกอบเครื่อง เป็นต้น เนื้อหาเหล่านี้การเลือกเรียน กับสถาบันต่างๆ จะได้ผล มากกว่า ประกอบกับการอ่านหนังสือเพิ่มเติมด้วย ก็จะยิ่งได้ผลดีมากยิ่งขึ้น แต่หากมีเงินเหลือ ก็ไปเลือกซื้ออุปกรณ์มือสองมาลองเอง ไม่ยากหรอกครับ ผู้เขียนเอง ไม่เคยไปเรียน คอมพิวเตอร์ที่สถาบันไหนเลย ซื้อเครื่องมาตั้งแล้วก็ลูบๆ คลำๆ จนพบทางสว่าง ก็เก่งได้เหมือนกัน ขอเพียงมีความพยายาม

สรุปสิ่งที่จะต้องเรียนรู้
ก่อนที่จะสรุปว่า มีอะไรบ้างที่คุณควรเรียนรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ก็คงต้องพิจารณาเกี่ยวกับ งานของคุณก่อนว่า มีโอกาสในการใช้หรือมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ งานด้านใดบ้าง หรือน่าจะนำ คอมพิวเตอร์มาช่วยพัฒนางานให้สะดวกและรวดเร็วมากกว่าเดิม หรือตัวคุณเองมีความสนใจด้าน คอมพิวเตอร์หรือไม่ และบุตร หลานของคุณต้องเรียนด้านคอมพิวเตอร์หรือไม่ คราวนี้ก็มาดูกันว่ามีอะไร บ้างที่ต้องเรียนรู้ ซึ่งในที่นี้จะแบ่งเป็น 2 ประเภท

1. สรุปสิ่งที่ต้องเรียนรู้ในระดับพื้นฐาน
เป็นการศึกษาเพื่อให้มีความรู้ระดับพื้นฐานเท่านั้น เช่น ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทั่วๆ ไป Word, Excel, PowerPoint, Windows 98/ME, โปรแกรมดูหนังฟังเพลง, โปรแกรมเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต Internet Explorer หรือ Netscape , Pirch, mIRC, Winzip เป็นต้น (ไล่ไปไล่ มาก็ไม่ใช้น้อยๆ เลยนะเนี่ย เอาน่า สู้หน่อย อุจจาระสุกร อุจาระสุนัข ก็ขอให้รู้แต่เพียงว่าคอมพิวเตอร์ใช้ทำอะไรได้บ้าง ก็พอแล้ว เวลาที่ลูกๆ หรือเพื่อนๆ เขาพูดถึง คอมฯ จะได้มีเรื่องคุยกับเขาบ้าง )

2. สรุปสิ่งที่ต้องเรียนรู้ในระดับสูง
เป็นการศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติม เพื่อความชำนาญเฉพาะทางหรือให้ชำนาญ แทบทุกทางเท่าที่ สามารถจะทำได้ เพื่อประโยชน์ของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นการนำความรู้ ไปประกอบอาชีพหรือไปพัฒนา หน่วยงาน ฯลฯ

คำแนะนำเพิ่มเติม
1. ใจเย็นๆ ค่อยเป็นค่อยไป อย่าใจร้อน เพราะความรู้ด้านนี้ไม่สามารถเก่งได้ภายในเวลาไม่ กี่วัน ไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปี และคุณก็คงไม่อัจฉริยะขนาดนั้น ต้อง อาศัยประสบการณ์หรือชั่วโมงบิน พอสมควร
ในเรื่องของความเก่ง ก็อาจแบ่งได้ 3 แบบ ตัดสินใจเลือกเอาเอง

เก่งแบบแรก
ศึกษาเกี่ยวกับภาพรวมด้านคอมพิวเตอร์ทุกแขนง ทุกอย่าง เท่าที่จะทำได้ ไม่ต้องเจาะลึกศึกษา เพียงเปลือกนอก แต่เน้นการมองหาช่องทางทำธุรกิจเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ทุกทาง ให้มากที่สุดเท่าที่ จะคิดได้ วิเคราะห์ลักษณะงานนั้นๆ เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ในด้านใดสาขาใด คราวนี้ก็เริ่มศึกษา แบบเจาะลึก หรืออาจ จ้างผู้มีความเชี่ยวชาญด้านนั้นๆ มาจัดการและท้ายทึ่สุด ก็ผลิตผลงานหรือบริการ ออกสู่สาธารณชน
ด้านนี้จะเป็นมุมมองของนายทุนมากกว่า เป็นความสามารถเฉพาะตัว ในโรงเรียนไม่มีสอนและ ก็ไม่พยายามจะสอนสักเท่าไร อาจเป็นเพราะครูอาจารย์ส่วนใหญ่ ไม่ ได้เป็นนักธุรกิจ จึงไม่รู้ว่า จะต้อง ดำเนินการสอนไปด้านใด จบแล้วจึงเป็นลูกจ้างมากกว่าการเป็นนายของตัวเอง

เก่งแบบที่ 2
ศึกษาด้านคอมพิวเตอร์จนมีความเก่งกาจ แต่ขาดกึ๋นทางธุรกิจ เป็นได้ก็แค่ลูกจ้าง ใครที่คิด จะเก่งแบบนี้ขอให้ทบทวนความคิดเสียใหม่ อย่าเน้นศึกษาเจาะลึกอย่าง เดียว เจาะด้านธุรกิจด้วย ศึกษา ด้านอื่นๆ ด้วย เป็นรูปแบบความเก่งที่น่านับถือ แต่ไม่คุ้มค่าเท่าไรกับการทุ่มเท ทุ่มทุนเพื่อศึกษา

เก่งแบบที่ 3
เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เก่งแบบที่หนึ่งและสองรวมกัน คุณควรจะเป็นแบบนี้ จึงจะ สามารถเอาตัวรอดได้ ว่างๆ ก็อ่านหนังสือ เกี่ยวกับคนเก่งๆ ที่ประสบ ความสำเร็จด้านนี้ ศึกษารูปแบบ การทำธุรกิจของคนเหล่านี้ ก็จะช่วยให้เห็นแนวทาง เห็นช่องทางในการทำธุรกิจ

2. กำหนดจุดมุ่งหมายให้แน่นอน เลือกแนวทางที่ตัวเองถนัด หรือรีบหาจุดหมายให้พบว่า จะศึกษาคอมพิวเตอร์ไปเพื่อทำอะไร จะได้รีบฝึกฝนให้เกิดความ ชำนาญ และยึดเป็นอาชีพได้ ไม่ใช่เอา แต่แช็ต จีบสาวอยู่นั่นแหละ


ปัจจุบันสถาบันคอมพิวเตอร์ต่างๆ ได้เปิดหลักสูตรสอนคอมพิวเตอร์สำหรับเด็กๆ มีทั้งคอร์ส เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ และช่วงปิดเทอม เราจะมาวิเคราะห์วิจารณ์ หลักสูตรการสอนเหล่านี้กับความจำเป็น ในการเรียนของเด็กและแนวทางที่เด็กจะนำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริง เพื่อให้ผู้ปกครองหลายๆ ท่านได้เกิด ความเข้าใจกับ หลักสูตรเหล่านี้ ว่าดีอย่างไร จำเป็นแค่ไหนต้องเรียนคอมพิวเตอร์

หลักสูตรคอมพิวเตอร์สำหรับเด็กเล็กถึงประถมตอนต้น
เด็กในวัยนี้สถาบันหลายที่เน้นการสอนคอมพิวเตอร์มาช่วยเสริมสร้างความคิดเสริมความรู้และ พัฒนาการด้านต่างๆ เช่น
- ประสาทตา ประสาทมือในการทำงานกับแป้นพิมพ์ ช่างเป็นจุดประสงค์ที่ดูธรรมดาเสีย เหลือเกิน ไม่น่าส่งไปเรียนให้เสียเงินเลยนะเนี่ย แล้วจะให้เด็กได้อะไร มากไปกว่านั้น
- เสริมจินตนาการและการเรียนรู้จากเกมหรือโปรแกรมช่วยสอน เช่น เกี่ยวกับการผจญภัย วาดภาพระบายสี เกม พิมพ์ดีด
- เสริมการเรียนวิชาต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นวิชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ เช่นเกมผจญภัย ฝ่าด่านสัตว์ประหลาดที่เด็กจะต้องบวกเลขให้ถูกต้องจึงจะผ่านด่าน เกมจับคู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษกับ ภาพให้ถูกต้อง
- เสริมกระบวนการคิด ในเรื่องของเหตุและผล ส่วนใหญ่จะสอนด้วยการเขียนโปรแกรมโดย เฉพาะภาษาโลโก้ เป็นโปรแกรมช่วยสอนกระบวนการคิดการแก้ปัญหา ของเด็กได้ ทำให้เด็กเกิด

กระบวนการคิดเกี่ยวกับการจัดการกับปัญหา
อาจจะมีโปรแกรมอื่นๆ อีกมากมาย แต่ลักษณะของโปรแกรมโดยรวมๆ แล้วก็ไม่ต่างกันมากนัก บางทีหากมองอีกมุม เด็กแทบไม่ได้ อะไรนอกจากการเสริมเกี่ยว กับการเรียน กระบวนการคิดการเข้า สังคมกับเด็กอื่นๆ ถ้าเจออาจารย์ดีๆ หน่อยที่เน้นการสอดแทรก เนื้อหาด้านวิชาการ อารมณ์ สังคม ก็จะเป็นประโยชน์กับเด็ก อย่างแน่นอน แต่จะมีครูดีๆ แบบนี้สักกี่คน ก็ในเมื่อทุกอย่างเป็นธุรกิจ ทาง สถานที่เรียนบางทีก็จะพยายามจัดคอร์สหลายๆ ระดับเพื่อให้เด็กได้มาเรียนนานๆ จน กว่าจะ ไม่มีอะไรให้เรียน พ่อแม่ก็จะพาเด็ก เวียนไปเรียนที่อื่นๆ ไปเรื่อยๆ ซึ่งแต่ละที่ก็จัดหลักสูตรคล้ายๆ กัน แต่ชื่อหลักสูตรอาจต่างกัน ผู้ปกครองไม่รู้ก็หลวมตัว เสียเงินเหมือนเดิม
ก็อย่าไปคาดหวังอะไรกับเด็กมากนัก เพราะเป็นเพียงแค่การเรียนเสริมเท่านั้น ถ้ามีเงินมากพอ ซื้อคอมพิวเตอร์มาตั้งที่บ้านให้เล่น จะคุ้มค่ากว่า เด็กในวัยนี้ยังไม่ มีความจำเป็นต้องเรียนคอมพิวเตอร์ มากขนาดนั้น เพราะเรียนไปแล้วจะให้เอาความรู้ไปทำอะไร ในเมื่อหน้าที่หลักคือการเรียนหนังสือ และ ก็เล่นสนุกไปวันๆ ยัง ไม่ใช่วัยที่ควรจะยัดเยียดความรู้เข้าไปขนาดนั้น ถ้าเป็นการเรียนภาษาอังกฤษ ก็ว่าไปอย่างมีประโยชน์มากกว่า โดยเฉพาะการเรียนกับอาจารย์ชาวต่างชาติ การพูด สำเนียงการออกเสียง จะใกล้เคียงสำเนียงเจ้าของภาษามากกว่าการเรียนเมื่อมีอายุมากๆ เพราะเด็กจะไม่รู้สึกอายในการดัดเสียง ให้ถูกต้อง ทุกอย่างจะเป็นไปตาม ธรรมชาติ เหมือนตอนที่เด็กเขาเริ่มเลียนเสียงพูดของคุณนั่นแหละ เพียงแต่เป็นภาษาอังกฤษ เด็กทำได้ เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องสนุก เด็กจึงทำได้ดีกว่าผู้ใหญ่ที่รู้สึก อายกับ การออกเสียงให้ถูกต้อง และที่สำคัญก็คือไม้แก่ดัดยาก เมื่อเด็กเก่งภาษาอังกฤษแล้ว คอมพิวเตอร์ก็ ไม่ใช่เรื่องยาก หลายๆ ประเทศอย่างอินเดีย ที่มี โปรแกรมเมอร์เก่งๆ เพราะคนอินเดียได้ภาษาอังกฤษ แต่คนไทยไม่ใช่อย่างนั้น จึงเป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ส่งผลต่อการเรียนคอมพิวเตอร์

สรุปเกี่ยวกับการเรียนของเด็กในวัยนี้
เป็นไปในรูปแบบของความบันเทิง เน้นการเสริมสร้างความรู้ ความคิด เรื่องเหตุและผล ความรู้ ฯลฯ เพียงบางส่วนเท่านั้น หลักสูตร ที่ว่าเจ๋งๆ เด็กก็ไม่ได้อะไรไป มากกว่านี้ และถึงจะได้ จะได้สักกี่วัน กี่เดือน เก็บเงินซื้อคอมพิวเตอร์มาตั้งไว้ที่บ้านสักเครื่องดีกว่า แล้วซื้อแผ่นสอนต่างๆ มาให้เด็กไว้ศึกษา เองที่บ้าน คุณเองก็ได้ใช้ เด็กก็ได้ใช้


ขอแบ่งช่วงประมาณ ป.5 ขึ้นไป วัยประมาณนี้ ยังงัยก็ยังชอบเล่นเกมอยู่ดี แต่ก็มีสาระมากขึ้น และคอมพิวเตอร์ก็มีประโยชน์ ต่อเด็กมากขึ้น เพราะสามารถนำไป ประยุกต์ใช้งานได้จริง ทั้งเรื่องการ พิมพ์รายงาน การค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเพื่อทำรายงาน การใช้โปรแกรมวาดภาพต่างๆ ฯลฯ
ก่อนที่จะให้เด็กเรียนโปรแกรมอะไรบ้างนั้น อาจพิจารณาตัดสินจากปัจจัยต่างๆ เช่น


คุณตั้งความหวังให้เด็กอยากเป็นอะไร ศึกษาคอมพิวเตอร์ไปเพื่ออะไร
1. ต้องการให้เด็กสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้ เพื่อไว้ช่วยงานไม่เน้นให้เอาดีทางนี้ ก็ขอให้ วิเคราะห์เจาะลึกถึงความจำเป็นและแนวทาง ที่เด็กจะนำความรู้ไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ก็อาจให้ ลงเรียนวิชาต่างๆ ดังนี้
- ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ การเปิดปิดเครื่อง การใช้งานขั้นพื้นฐาน โปรแกรม Windows 98 หรือ ME การดูหนังฟังเพลง การพิมพ์ดีด


- การใช้โปรแกรมพิมพ์เอกสาร เช่น Microsoft Word เพื่อประโยชน์ในการพิมพ์รายงานของเด็ก และการใช้งานของคุณเอง เพราะอาจมีงานค้างจากที่ทำงานบ้างให้ เด็กได้ทำ ได้พิมพ์อยู่บ่อยๆ จะได้ไม่ลืม เพราะสิ่งนี้เป็นความสามารถที่เด็กต้องใช้ไปอีกนาน ทั้งในเรื่องการเรียนและการทำงานในอนาคตข้างหน้า


- การเล่นเกม ไม่ต้องสอนมากหาเกมมาแล้วสอนนิดๆ หน่อยๆ หรือหาหนังสือมาให้อ่านเดี๋ยว เป็นเอง นี่เป็นความสามารถพิเศษของเด็ก


- การใช้อินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับการค้นหาข้อมูล ก็เช่นเดียวกัน หาอะไรมาล่อหลอก เช่น รายชื่อ เว็บไซท์เกี่ยวกับกีฬาที่เด็กชอบการ์ตูน การ์ดอวยพร อาจเป็น หนังสือ


รวมเว็บไซท์ ประเดี๋ยวก็จะเป็นเอง เพราะถ้าเด็กเกิดความอยากรู้เมื่อไร ไม่ต้องบังคับ แกจะอ่านของแกเอง ซึ่งเป็นการฝึกที่ถูกต้อง การ เล่นคอมพิวเตอร์จะต้องฝึก การค้นคว้าด้วยตัวเองถึงจะรุ่ง การรับอย่างเดียวไม่รอด แต่คุณเองก็ต้อง ทำตัวเป็นโค้ชที่ดีด้วย คอยกระตุ้นและส่งเสริมให้ถูกทาง

เมื่อเด็กเริ่มเป็นแล้ว ใช้คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างที่เขาต้องการได้ คุณก็เพียงแค่คอยสอดส่อง ดูแลเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ของเขาห่างๆ เขาเล่นโปรแกรม อะไรบ้าง ยังอยู่ในกรอบดีหรือไม่ หรือ เริ่มออกนอกลู่นอกทาง ก็เข้ามาเตือนสักครั้ง และก็ควรหากิจกรรมที่คุณและเด็กจะได้เล่นร่วมกัน

2. ต้องการให้เด็กเรียนคอมพิวเตอร์เพื่อเป็นอาชีพในอนาคต เป็นการกำหนดจุดหมายที่น่าจะ สมบูรณ์ที่สุด (แต่เด็กต้องชอบด้วยนะ) เพราะในอนาคตเด็กจะ เอาไปใช้งานได้จริง และเด็กวัยประมาณ ป.5 ขึ้นไปจะเริ่มมีแรงขับเคลื่อนภายในเยอะ ความคิดความอ่านเริ่มแล่น อาจให้เรียนหลักสูตรต่างๆ ในระดับพื้นฐานใน ข้อแรก จากนั้นก็ให้ลงเรียนโปรแกรมต่างๆ ที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ และยังไม่ ต้องให้เรียนโปรแกรมอะไรต่อมิอะไรหลากหลายนัก เน้นเพียงบางอย่าง เช่น การ เขียนโปรแกรม ให้ เด็กได้เรียนและทำอย่างสม่ำเสมอ การซ่อมประกอบเครื่อง การเขียนเว็บเพจโฮมเพจ ส่วน โปรแกรมสำเร็จรูป เน้นให้ศึกษาเฉพาะบางตัวที่เด็ก จะเอามาใช้ประโยชน์ในขณะนั้นได้ เช่น Word ไว้พิมพ์รายงาน Photoshop ไว้แต่งภาพ

เหตุผลสำคัญที่ไม่เน้นให้เรียนโปรแกรมสำเร็จรูปหรือโปรแกรมเสริมมากเกินไปเพราะจะเกิน ความจำเป็นอย่าลืมว่างานหลักของเด็ก คือการเรียน ไม่ใช่ทำงาน เป็นพนักงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เรียนแล้วไม่ได้ใช้ก็ลืม และโปรแกรมเสริมส่วนใหญ่จะเรียนรู้ไม่ยากถ้า เด็กสามารถใช้โปรแกรมขั้น พื้นฐาน ได้แล้วก็สามารถ เรียนรู้เองได้ หาหนังสือมาตั้งไว้ก็พอ ไม่ต้องรีบร้อน ถึงแม้เด็กจะเก่งในตอนนี้ แล้วคุณจะให้แกออกไปทำงานหาเงิน รับงานหรือเปล่า ถ้าคิดว่าจะให้เด็กได้เริ่มทำ งานพิเศษเพื่อหาเงิน ใช้เอง ให้ได้รู้คุณค่าของเงิน ถ้าอย่างนี้ก็ลุยเลย

ส่วนเนื้อหาด้านการเขียนโปรแกรม การพัฒนาโปรแกรม การซ่อมประกอบเครื่อง วางระบบ เน็ตเวิร์ค เนื้อหาเหล่านี้ ที่เน้นให้ลงเรียน เพราะค่อนข้างยาก และ เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ไม่เหมือนกับการใช้งานโปรแกรมสำเร็จรูป เพราะการเขียนโปรแกรม จะมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาตลอดเวลา และต้องการระยะเวลาใน การฝึกฝนอย่างมาก ควรคุยกับผู้สอนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ใน การนำความ รู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมไปใช้งานจริง ให้ผู้สอนวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการ พัฒนาโปรแกรม ใช้ Visual Basic ดีหรือด้อยกว่า Delphi อย่างไร ภาษา C ควรเรียนหรือไม่ การพัฒนาเว็บไซต์ควรใช้ โปรแกรมอะไร เป็นต้น

มีหลายสถาบันที่มีคอร์สสอนเขียนโปรแกรมเปิดให้เด็กเรียน แต่ส่วนใหญ่ก็เน้นเพียงให้เด็ก ฝึกกระบวนการคิด (การเขียนโปรแกรมจะเป็นการฝึกกระบวนการ คิดในเรื่องการแก้ปัญหา) และได้เรียน กับสถาบันไปนานๆ บางทีก็ยัดเยียดให้เรียนเขียนโปรแกรมนู้นโปรแกรมนี้ เพื่อจะได้มีเงินเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ได้คิดจะปูทางให้ เด็กต่อไปในอนาคต เมื่อเรียนจบแล้วก็จบกัน สักพักก็ลืม ตรงจุดนี้ผู้ปกครองเอง ก็ต้องช่วยเด็กด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้สอน เราต้องรู้เท่าทันเด็ก แต่รู้ แบบกว้างๆ เช่น ให้เด็ก ลงเรียนโปรแกรม Visual Basic เราก็ควรจะศึกษาเกี่ยวกับโปรแกรมนี้ด้วยว่าทำอะไรได้บ้าง หาตัวอย่าง งานมาให้เด็กได้ลองฝึก อาจค้นหา จากอินเตอร์เน็ตหรือยกตัวอย่างงานง่ายๆ ให้เด็กได้พัฒนาเป็น โปรแกรมของเขาเอง หรือไม่ก็เอางานที่คุณทำนี่แหละมาเป็นตัวทดลอง ถามว่ายากเกินไปหรือไม่ ก็ ค่อน ข้างยาก แต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อเราหวังผลเพียงให้เด็กได้เรียนรู้ฝึกฝนไปเรื่อยๆ ยังมีเวลาอีกมากที่จะ เรียนรู้และอีกนานกว่าจะได้ใช้งานจริง แต่ถ้าเขาทำได้ ก็ เตรียมติดต่อหาร้านเพื่อจำหน่ายได้เลย อย่างนี้ มีโอกาสรุ่ง

นอกจากการเรียนด้วยตนเองหรือลงเรียนกับสถาบันต่างๆ แล้ว ถ้าหากที่โรงเรียนมีชมรม คอมพิวเตอร์ ก็จะเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ของเด็ก เพราะเขามี เพื่อนที่ชอบสิ่งเดียวกัน ก็จะมีกำลังใจ ที่จะเรียนรู้ต่อไป และถ้าเด็กได้เลือกเรียนด้านคอมพิวเตอร์ด้วยแล้ว คุณก็สบายใจได้ ภาระของคุณ ใกล้จะหมดลงแล้ว ที่เหลือ ก็คอยติดตามความเป็นไปของการทำงานด้านคอมพิวเตอร์ ทิศทางน่าจะ เป็นไปอย่างไร คุณก็ต้องอ่านต้องติดตามด้วย เพื่อจะได้ชี้แนะเด็กได้ เป็นเพื่อนปรึกษาได้ ไม่เช่นนั้น เขาก็จะหันไปปรึกษาเพื่อน ซึ่งอาจจะไม่ได้ปรึกษาเรื่องคอมพิวเตอร์เรื่องเดียว เขาเริ่มไกลตาคุณ แล้วต่อไป จะเป็นอย่างไร...

สรุปเกี่ยวกับการเรียนของเด็กในวัยนี้
ควรมีเครื่องตั้งไว้ที่บ้าน ให้เด็กได้เรียนรู้เนื้อหาขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และด้านที่เด็ก ชอบ ไม่ควรปล่อยให้เด็กเล่นเกมและสนทนาในอินเตอร์เน็ตมากเกิน ไป สิ่งสำคัญในการเรียนของเด็ก ก็คือ คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าต้องการให้เด็กเรียนไปเพื่ออะไร จุดมุ่งหมายอยู่ตรงไหนและตัวคุณเอง ก็ต้องคอยติดตามความ เคลื่อนไหวในวงการคอมพิวเตอร์ด้วย จะได้คุยกันรู้เรื่อง แนะนำได้