ในโรงเรียนหรือสถานศึกษาจะมุ่งเน้นสอนในเรื่องวิชาการเป็นหลัก เน้นความรู้เพื่อเตรียมตัวทำงาน เพื่อประกอบอาชีพ เพื่อหาเงินเป็นหลัก แต่ความรู้ที่จำเป็นต้องใช้ เพื่อดำรงชีวิตอยู่ในสังคม เพื่อใช้ชีวิตให้มีความสุขอย่างแท้จริง ยังมีหลายเรื่องและสำคัญกว่าด้วยเช่นกัน ซึ่งมักจะเป็นประสบการณ์ที่ต้องเรียนรู้เอง ผ่านคนรอบข้าง การ ลองผิดลองถูก ความสำเร็จ หรือความผิดพลาด
ตัวอย่างสิ่งที่ควรเรียนรู้นอกเหนือจากการเรียนในสถานศึกษา
ความรู้เหล่านี้มีความสำคัญ เพราะเมื่อขาดความรู้เหล่านี้ การใช้ชีวิตจริงหลังจากเรียนจบและเริ่มทำงาน แม้จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างมาก แต่ก็อาจ จะประสบปัญหาในด้านต่างๆ ที่เงินไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้
การเรียนรู้จักตัวเอง ทำความรู้จักตัวเอง
การไม่รู้จักตัวเอง สุดท้ายมักจะทำให้ชีวิตมีแต่ความทุกข์ ไม่ว่าขณะนั้นจะกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว หากไม่รู้จักตัวเอง ก็อาจจะหลงทาง ทำในสิ่งที่ สุดท้ายตัวเองอาจจะไม่ชอบ และต้องหยุดในที่สุด ทำให้เสียเวลา หรือบางคนแม้จะประสบความสำเร็จ ร่ำรวย มีชื่อเสียง เงินทอง เป็นที่อิจฉาของคนรอบข้าง แต่ในใจลึกๆ กลับมีแต่ความทุกข์ เพราะไม่ รู้จักตัวเอง เบื่อหน่ายกับงานหรือความสำเร็จ เรื่องน้อยใหญ่ ก็ผ่านมาหมดแล้ว หมดความท้าทาย เริ่มเบื่อหน่าย บางคนอาการสาหัสกระทั่งมีความคิดอยากจะฆ่าตัวตาย
คนเรานั้น เมื่อได้ทำในสิ่งที่ชอบ ทำแล้วมีความสุข แม้ว่าจะเหนื่อย หรือผลตอบแทนอาจจะไม่ได้มากมายนัก แต่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ทั้งยังได้ทำสิ่งที่ชอบ ชีวิตก็มี ความสุขมากแล้ว แต่กว่าที่จะมาถึงจุดนี้ บางทีจุดมุ่งหมายก็ยังไม่ชัดเจน อย่างช่วงแรก อาจจะตั้งจุดมุ่งหมายต้องประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ซึ่งความจริงแล้ว ไม่ได้ ชอบ แค่ต้องการประสบความสำเร็จ ร่ำรวย เด่นกว่า เหนือกว่าคนอื่น ครั้นได้สิ่งนั้นมาแล้ว ผ่านมาหมดแล้ว จึงเริ่มรู้ถึงความต้องการที่แท้จริง เริ่มพบว่า ลาภ ยศ ชื่อเสียง สรรเสริญ ก็แค่นั้นเอง ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตมีความสุขอย่างแท้จริง
การรู้จักตัวเอง ไม่ว่าจะกำลังทำอะไร ทำงาน หรืออยู่ในสภาพการณ์อย่างไรก็ตาม ก็จะไม่มีความทุกข์ เพราะรู้จักตัวเอง ต้องการอะไร อยากเป็นอะไร อยากมีชีวิตแบบใด ก็ลงมือทำอย่างที่ชอบ แต่เรื่องที่มักทำให้หลายคนเสียเวลา ก็คือ ประสบการณ์ กว่าจะทำให้คนเรารู้จักตัวเอง ต้องผ่านเรื่องราว หลากหลายมากมาย จนเกิดประสบการณ์ และค่อยๆ ทำให้รู้จักตัวเองมาก แต่ก็มีทางลัด ให้รู้จักตัวเองเร็วขึ้น อย่างการ ศึกษาธรรมะ ข้อคิดต่างๆ การเข้าหาธรรมชาติ การลงมือทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้รู้ว่า ชอบหรือไม่ ชอบสิ่งเหล่านั้น และจะเริ่มรู้ว่าจะต้องเลือกอะไร เลือกทางเดินทางไหน
การรู้จักตัวเอง ต้องศึกษาเอง การเข้าหาธรรมะ เข้าหาธรรมชาติ พยายามทำความเข้าใจกับตัวเอง คิดอะไร อยากเป็นอะไร ตามความคิดตัวเอง หมั่นวิเคราะห์ตัวเอง เป็นวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้รู้จักตัวเอง แต่การเรียนในสถานศึกษาเน้นให้เรารู้จักคนอื่น เพื่อให้รู้วิธีทำงานร่วมกับคนอื่น หรือบริหารจัดการคนรอบข้าง เพื่อประโยชน์ในการทำ งาน หรือ ทำธุรกิจ เราจึงรู้จักคนรอบข้าง แต่ไม่ค่อยจะรู้จักตัวเอง
แต่เมื่อรู้จักตัวเองแล้ว ก็จะมีความสุขในการทำงาน หรือทำอะไรก็ตาม และการอยู่คนเดียว ก็ไม่ทำให้เป็นทุกข์ แต่อย่างใด
ความรู้เรื่องการ บริหารเงิน แก้ปัญหาการเงิน
เรื่องนี้ในโรงเรียนไม่ได้สอน หรือสอนบ้าง แต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งหรือตรงกับสิ่งที่จะต้องไปเจอในชีวิตจริง เช่น การบริการเงินที่มีอยู่อย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิต การแก้ ปัญหาการเงิน การซื้อรถ ผ่อนรถ การแแก้ปัญหาที่ตามมาหากผ่อนไม่ไหว การบริหารเงินเพื่อให้มีเงินเพิ่มมากขึ้น การนำเงินไปลงทุน การซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน กับดักการเงิน ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการเงิน
การมีประสบการณ์เรื่องการเงิน จึงมักจะเป็นประสบการณ์ตรงที่เจอกับตนเอง ซึ่งบางทีก็สายเกินไป เพราะได้พาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางปัญหาเสียแล้ว ต้องเดือดร้อน อย่างหนัก เพราะไม่เคยมีปประสบการณ์มาก่อน อย่างเรื่องการบริหารเงิน เมื่อเริ่มทำงาน มีเงินเดือน มีรายได้ ส่วนใหญ่จะใช้เงินสร้างความสุขให้ตัวเอง หมดไปกับสิ่งที่จะ สร้างปัญหาในอนาคต แต่หากเน้นน้ำเงินไปลงทุนก่อน จะมีโอกาสรวยเร็วขึ้น มีเงินเก็บในอนาคต มีชีวิตที่มั่นคงมากกว่าคนอื่น ตัวอย่างเมื่อได้รับเงินเดือนแต่ละเดือนก็ เน้นนำเงินไปออมไว้ ซึ่งมีหลายแบบ ทั้งฝากธนาคาร ลงทุน ซื้อหุ้น บางคนซื้อบ้าน ในอีกสิบปีข้างหน้า บ้านมีราคาสูงขึ้น ขายทำกำไรได้ ในขณะที่คนที่บริหารเงินไม่เป็น นำ เงินไปซื้อรถป้ายแดง ในอีกสิบปีข้างหน้า เงินหลักแสน หลักล้านบาท ก็จะหายไป เหมือนไม่กี่หมื่นบาท ต่างจากการลงทุนกับการซื้อบ้านเพื่อหวังขายทำกำไรในอนาคต เป็น ต้น
การบริหารเงินยังมีอีกมาก รวมทั้งปัญหาการเงินก็ยังมีอีกมากเช่นกัน แต่หากรู้จักใช้ชีวิต รู้จักตัวเอง รู้ว่าชอบแบบไหน อย่างไร การใช้จ่ายจะน้อยลง เช่น เป็นคนเรียบง่าย ก็ ไม่ซื้อรถยนต์ เพราะไม่จำเป็น หรือไม่คิดจะซื้อเพื่อโอ้อวดใคร แต่คนไม่รู้จักตัวเอง ตามสังคม คนอื่นมีก็อยากจะมีเหมือนเขาบ้าง เงินก็หมดไปกับสิ่งที่ไม่ได้ชอบอย่างแท้จริง ทำไปตามคนอื่น
สอนในเรื่อง คน ทำความรู้จักคน และสังคมรอบตัว
ประสบการณ์เรื่องคน มักจะเป็นประสบการณ์ตรง ต้องโดนหรือได้รับความเดือดร้อนจากคนรอบข้าง จึงจะเริ่มรู้ว่าคนรอบตัวนั้น จะต้องคบอย่างไร บางคนระหว่างเรียนไป ด้วย ก็ทำงานไปด้วย ทำให้มีประสบการณ์ หรือการรับน้อง ก็มีส่วนทำให้รู้จักคนมากขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแต่การรับน้องจะต้องมีการวางแผน ไม่ใช่ทำตามอารมณ์ของ รุ่นพี่ แต่ต้องวางแผนว่า จะรับน้องเพื่ออะไร สถานศึกษาบางแห่งจะเน้นใช้การรับน้อง โดยใช้สถานการณ์ต่างๆ เพื่อบีบให้แต่ละคนได้แสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมา เพื่อให้ แต่ละคนได้เห็น ใครดี เห็นแก่ตัว นิสัยอย่างไร การวางแผนรับน้อง ก็จะมีบททดสอบให้แต่ละคนแสดงสันดานที่แท้จริงออกมา ทำให้รู้ว่า เพื่อนแต่ละคนเป็นอย่างไร นิสัย เป็นอย่างไร เพื่อออกไปผจญกับสังคมภายนอก ก็จะรู้วิธีรับมือกับคนสารพัดที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ สถานศึกษาบางแห่งจะมีการออกไปทำกิจกรรมนอกสถานที่ การออกค่าย ก็จะทำให้มีประสบการณ์เรื่องคนหลายระดับ
บางคนเรียนอย่างเดียว เมื่อเรียนจบแล้วออกมาทำงาน ก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องการคบคน การเข้าสังคม ตามไม่ทันคนไม่ดี บางคนเรียนจบมาแล้ว ต้องทำงานใน ตำแหน่งหัวหน้า ในขณะที่ลูกน้องแต่ละคนเขี้ยวลากดินทั้งนึ้น ทำให้ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ เพราะไม่มีประสบการณ์ ไม่สามารถคุมลูกน้องได้
ประสบการณ์เรื่องคน ใครเป็นอย่างไร นิสัยดีไม่ดี อย่างไร หากสามารถอ่านคนได้ดี ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง บางทีไม่จำเป็นต้องคบให้เสียเวลา คนละสไตล์ คนละ แบบ เคมีไม่ตรงกันไปกันไม่ได้ ไม่ต้องคบให้เสียเวลา
การหาประสบการณ์เหล่านี้ใส่ตัวเอง เช่น คบคนหลายกลุ่ม หลายวัย อย่างการ คบผู้ใหญ่ หรือคนที่อายุมากกว่า เพื่อดูว่า มีวิธีคิดอย่างไร ได้ศึกษาถึงนิสีัยว่าเป็นอย่างไร บางคนอายุไม่มากนัก แต่คบคนหลายสไตล์ ทำให้มีความรู้ รู้ว่าคนอายุเท่านั้น เท่านี้ นิสัยเป็นอย่างไร ดูออก ไม่เสียเวลาคบ หากไม่ใช่คนในสไตล์เดียวกัน
การคบคนนั้น คนเรามักจะมีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้ ก็ต่อเมื่อมักจะถูกกระทำให้ได้รับความเจ็บปวดใจ จึงจะมองคนออก ไม่ว่าจะเพื่อนสนิทมิตรสหาย เพื่อนรวมงาน หรือแม้แต่คนในครอบครัวก็ตาม โดยเฉพาะคนใกล้ตัวด้วยแล้ว ยิ่งต้องระวัง อย่างปัญหาพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน แย่งสมบัติกัน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลายครอบครัว หากรู้จักการดูคน ก็จะรู้วิธีรับมือได้ก่อน ไม่เสียเปรียบ เพราะบางเรื่องก็สร้างความทุกข์กายทุกข์ใจให้อย่างมาก อย่างการค้ำประกันการกู้ยืมให้พี่น้อง แล้วโดนเบี้ยว ตัวเอง ต้องมารับผิดชอบแทน
คนในครอบครัวนั้น ยิ่งต้องศึกษาอย่างมาก ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร นิสัยเป็นอย่างไร อย่างความเห็นแก่ตัว จะเริ่มแสดงออกชัดเจนมากขึ้นเมื่อเริ่มอายุมากขึ้น โดย เฉพาะเมื่อต่างคนต่างมีครอบครัว จะเห็นได้ชัดถึงความเห็นแก่ตัว หากครอบครัวมีผลประโยชน์ มีการแบ่งมรดก เมื่อนั้น พี่น้องกัน ก็มักจะทะเลาะกัน และเกิดความแตก แยก หากมองออกว่า พี่น้องแต่ละคน เป็นอย่างไร ลูกหลานเป็นอย่างไร และเตรียมรับมือก็จะไม่ลำบาก
บางคนเห็นว่าพี่น้องของตนมีนิสัยเห็นแก่ตัว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะยังไม่รู้ว่า อนาคตจะส่งผลเสียอย่างไร จนกระทั่ง ฝ่ายนั้นได้วางแผนฮุบสมบัติไว้คนเดียวทั้งหมด หรือทำเรื่องเลวร้ายอย่างที่สุด ทำให้คนในครอบครัวต้องเดือดร้อน จึงเริ่มรู้ว่า ความเห็นแก่ตัว ความขี้โกง นิสัยไม่ดีของพี่น้องในครอบครัวนั้น ส่งผลร้ายในอนาคตอย่างไร การเรียนรู้เรื่องคน นิสัยใจคอ ฯลฯ จึงมีความสำคัญเช่นกัน และในโรงเรียนก็ไม่มีสอน มีบ้าง แต่บางส่วนเท่านั้น
การใช้ชีวิตในสังคม
วิธีใช้ชีวิตในสังคมแบบต่างๆ การใช้ชีวิตเรียบง่าย การใช้ชีวิตไฮโซ ติดวัตถุ ฯลฯ เรื่องนี้เมื่อไม่มีความรู้ ก็จะทำให้ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร จะอยู่ตรงจุดไหนของสังคม เพราะ การพยายามตามกระแสวัตถุ กระแสสังคม สุดท้ายมักจะนำปัญหามาให้อยู่เสมอ แต่หากเข้าใจการใช้ชีวิต ก็จะมีความสุขมากกว่า หาสไตล์ของตัวเองให้พบ จะพบความสุข เร็วกว่าคนอื่น
อย่างการใช้ชีวิตเรียบง่่าย ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาน้อยมาก เมื่อเทียบกับการใช้ชีวิตซับซ้อน หรือเรื่องมาก ต้องมีทรัพย์สิน ชื่อเสียง เน้นยกระดับขีวิตให้สูงขึ้น ยกไปยก มา จนลอยอยู่บนฟ้า ไม่รู้จะไปทางไหน ลอยอยู่อย่างนั้น
การไม่มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องนี้นี้ เมื่อเรียนจบ หรือการใช้ชีวิต ก็จะพยายามมีทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียงเงินทอง ตามคนอื่น ไม่รู้จักตนเอง สุดท้าย ก็อาจจะพาชีวิตไป เจอปัญหา
ตัวอย่าง การผ่อนทุกอย่างเพื่อให้มีสิ่งต่างๆ ทัดเทียมหรือเหนือกว่าคนรอบข้าง หากวันใดมีปัญหาการเงิน การงาน ก็จะทำให้เกิดความทุกข์ และการมีทรัพย์สมบัติ หรือ สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้ทำให้มีความสุขอย่างจีรัง วันใดที่เกิดความเบื่อหน่าย เพราะอะไร ก็ผ่านมาหมดแล้ว ต่างประเทศก็ได้ไปแล้ว ไอโฟน ของหรูๆ ก็ใช้มาหมดแล้ว เมื่อใดที่เกิด ความเบื่อหน่ายก็จะเกิดความทุกข์
ในขณะที่คนใช้ชีวิตเรียบง่าย เข้าใจตนเอง สามารถวางตัวเองอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข อย่างการใช้รถยนต์ บางคนเน้นรถรุ่นใหม่ ตลอดเวลา เปลี่ยนรถทุก 5 ปี ต้อง รุ่นไหม่เท่านั้น เพื่อเสริมภาพลักษณ์ของตัวเอง แต่บางคนเลือกใช้รถธรรมดา รถเล็กประหยัดที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้กัน ไม่เด่น แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ วางตัว วางตำแหน่งตัวเอง ได้ดี ปัญหาก็จะน้อยกว่า เพราะการใช้ชีวิตเรียบง่าย รายจ่ายจะไม่มาก ใช้ชีวิตหรู ซับซ้อน รายจ่ายก็จะมาก หากไม่รวย แต่เน้นผ่อนอย่างเดียว อาจจะมีปัญหาการเงินได้ ถ้า งานมีปัญหา
เพราะเราต้องอยู่ในสังคม แต่การวางตัว วางตำแหน่งตัวเองว่าจะอยู่ตรงจุดไหนของสังคมนั้นๆ เป็นเรื่องสำคัญ วางตัวดี เรียบง่าย ปัญหาชีวิตจะน้อยลง เพราะคนที่ติดใน เรื่องชื่อเสียง ลาภ ยศ สรรเสริญ หากมีปัญหาชีวิต แล้วลงไม่ได้ ความทุกข์ก็จะหนักหนาสาหัสมาก เพราะจนไม่ลง แต่คนใช้ชีวิตเรียบง่าย เหมือนคนที่ อยู่เป็น รู้จักวางตัว เองได้ดี ชีวิตจะไม่ค่อยมีปัญหารบกวน
สอนในเรื่องความรัก ครอบครัว
ความรักเป็นอีกเรื่องที่ในโรงเรียนไม่มีสอน และมีแนวโน้มป้องกัน อย่างเรื่องเพศศึกษา การคบกัน ปัญหาการใช้ชีวิตคู่ จริงๆ แล้วก็มีหนังอยู่เรื่องหนึ่งที่ถ่ายทอดกรณีศึกษา ในเรื่องความรักได้ดีมาก ก็คือ กว่าจะรู้เดียงสา เรื่องนี้ดีมาก แต่ก็อย่างว่า เรื่องอะไรที่ไม่เกิดกับตัวเอง ก็จะไม่เชื่อ ยิ่งทุกวันนี้ การเข้าถึงสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อลามก ยาก จะปิดกัั้น ทำให้เด็กบางคนแม้จะเพิ่งเรียนในระดับประถมศึกษา แต่ก็เริ่มไปไกลแล้ว เริ่มมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว เพราะอยากลองเมื่อได้ดูสื่อต่างๆ ในเน็ต
ดังนั้นการสอนในเรื่องนี้จึงมีความสำคัญ เพื่อให้เด็กได้รู้ว่าจะต้องเตรียมรับมืออย่างไร พ่อแม่บางคนเมื่อลูกหลานเริ่มมีแฟนตั้งแต่อายุยังน้อย ก็จะพยายามห้าม บังคับ ซึ่งยิ่งเป็นการผลักใสให้เด็กไปไกลตัวเอง ไปทำอะไรกันบ้าง ก็ยากจะรู้ แต่พ่อแม่ โดยเฉพาะแม่บางคน จะไม่ห้ามแต่ให้พามาเข้าบ้าน ให้อยู่ในสายตา มีอะไรผิดพลาดจะได้ หาทางป้องกันได้เร็วกว่า เปิดใจยอมรับความจริง และพยายามสอนทั้งคู่ ทั้งลูกตนและแฟน ให้รู้ถึงปัญหาที่จะตามมา หากเกิดความผิดพลาด เช่น ท้อง มีลูกระหว่างเรียน หรือสอนแม้กระทั้งการป้องกัน ทำอย่างไรจะไม่ท้อง สอนกันขนาดนั้นเลยทีเดียว เพราะเรื่องแบบนี้เมื่อห้ามไม่ได้ แล้วก็ต้องสอนวิธีป้องกัน
ประสบการณ์ในเรื่องเหล่านี้ จึงมีความสำคัญที่จะต้องเรียนรู้ ซึ่งคนใกล้ตัว ต้องเปิดใจกว้าง แต่เด็กทุกวันนี้ ก็ไม่น่าห่วง อย่างนักศึกษา หลายแห่ง ก็อยู่กันเป็นผัวเมีย เวลาคุยกันก็ตรงๆ ชัดเจน ผัวไปไหน วันนี้ทะเลาะกับผัว เมียไม่ว่างหรือ เมียกลับบ้าน ฯลฯ พูดจา เรื่อง ผัวๆ เมียๆ กันอย่างเปิดอก
สำหรับเด็กรุ่นใหม่จึงไม่น่าห่วง เพราะไม่น้อย ก็มีประสบการณ์ที่โชกโชนตั้งแต่ระดับมัธยมต้นด้วยซ้ำไป ในระดับอุดมศึกษาด้วยแล้ว มักจะอยู่กันเป็นคู่ บางคู่ก็พลาด มี ลูกก่อนจะเรียนจบ ทำให้เสียอนาคตก็มี
ความสามารถในเรื่องอาชีพ
ความรู้ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย อาจจะใช้ไม่ได้แล้วในอนาคต เพราะเทคโนโลยีสามารถช่วยงาน ทำงานแทนคนเราได้ ความสามารถเฉพาะตัว ในการทำอาชีพ ต่างๆ จึงเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ต้องมีความสามารถเฉพาะตัว เรียนรู้หลายๆ ด้านเป็นอาชีพเสริม หลายอาชีพเริ่มล้มหายตายจาก เรียนจบออกมาก็ไม่มีงานรองรับ บางอาชีพ ก็ไม่รู้ว่า จะรองรับไปได้อีกนานแค่ไหน เช่น งานบัญชี งานโรงงาน หากมีการนำหุ่นยนต์มาใช้ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น ต้องเรียนรู้ในเรื่องนี้ เพื่อเตรียมรับมือ จะไปหวัง ว่า เรียนจบด้านนั้น ด้านนี้ จะมีงานรองรับ อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด
สอนให้รู้จักธรรมชาติ
ทุกวันนี้มีแนวโน้มการทำธุรกิจที่เน้นโฆษณาในเรื่องการใช้วัตถุสร้างความสุข ในโรงเรียนก็เน้นวัตถุเช่นกัน แต่ไม่ได้เน้นให้เข้าหาธรรมชาติ รู้จักสร้างความสุขจาก ธรรมชาติ ผลเสีย ก็คือ เด็กไม่รู้วิธีสร้างความสุขจากธรรมชาติ บางคนไม่เอาเลย กลัวลำบาก ไม่ยอมเข้าหาธรรมชาติ เน้นพาลูกหลาน ไปทางหรูๆ ต้องมีข้างของเครื่องใช้ แพงๆ ไปที่หรูๆ อย่างเดียว ต้องเที่ยวต่างประเทศไปสถานที่หรูๆ แต่การเที่ยวแบบธรรมชาติ นั้นไม่เอาเลย
เมื่อไม่รู้จักธรรมชาติ ยามที่ชีวิตประสบปัญหา ก็จะทำให้เกิดความทุกข์ แต่หากรู้จักธรรมชาติ เข้าใจ และรู้วิธีสร้างความสุขจากธรรมชาติ รู้ว่า เป็นความสุขที่ยิ่งยืน ชีวิต ก็จะมีความสุขมากขึ้น เพราะการเข้าหาวัตถุอย่างเดียวนั้น สุดท้ายแล้วก็จะถึงทางตัน
การสอนในเรื่องต่างๆ ดังที่กล่าวมานั้น หากในโรงเรียนมีการสอน หรือพ่อแม่มีการสอนลูกหลาน เด็กก็จะมีความรู้ ไว้รองรับการใช้ชีวิตในอนาคต แต่เรื่องนี้ คนเรามัก จะต้องศึกษาเอง ทุกวันนี้เราสามารถศึกษาเรื่องเหล่านี้ได้จาก ยูทูป แม้ว่าโรงเรียนจะไม่สอน แต่หากสละเวลาศึกษาก่อน ศึกษาให้รอบด้าน ก็จะรู้จักขีวิต ก่อนคนอื่น มี ความสุขก่อนคนอื่น ที่สำคัญเป็นความสุขในการใช้ชีวิตบนโลกนี้ อย่างมีความสุขมากกว่าคนอื่น
เพื่อนผู้เขียนบางคนอายุมาก 60 70 80 แต่ยังไม่รู้เลยว่า ตัวเองต้องการอะไร เพราะไม่รู้จักตัวเอง ที่ผ่านมาก็ทำแต่งาน จนเกษียณ ส่วนบางคนก็ได้แต่บอกว่า อยู่เพื่อ รอวันตายไปอย่างนั้น กลายเป็นคนสูงวัยที่มีชีวิตทีน่าหดหู่ หากมองอีกมุม เงินก็มี ทรัพย์สมบัติ ก็มี แต่ไม่มีเข็มทิศชีวิต ก็ไม่มีความสุข ไม่รู้ว่าความสุขอยู่ไหน และต้องสร้าง อย่างไร