รวมบทความทั้งหมดในหมวดโปรแกรมวาดภาพ ตกแต่งภาพ ผลิตสิ่งพิมพ์

โปรแกรมวาดภาพ ตกแต่งภาพ ผลิตสิ่งพิมพ์

รวมบทความเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมช่วยในการวาดภาพ ตกแต่งภาพ ออกแบบ ทำสื่อสิ่งพิมพ์ จัดการกับภาพ เช่น วิวหรือแสดงภาพเป็นแบบแคตตาล็อก แต่งภาพด้วย Photoshop วาดภาพด้วย Illustrator เป็นต้น

1. เลือกลักษณะการจับภาพตามปกติ เช่น เลือกเป็นแบบ Star แล้วคลิกปุ่ม Capture เพื่อ เริ่มจับภาพ
2. เมื่อได้ภาพแล้ว ในหน้าจอที่ให้เลือกการจัดการกับภาพ ให้คลิกคำสั่ง E-Mail Image แล้ว คลิกปุ่ม EMail It

Details: Category: Capture Express; Hits: 1180

โปรแกรมพิมพ์เอกสาร
เป็นโปรแกรมสำหรับพิมพ์ข้อความส่วนที่เป็นเนื้อหาของหนังสือ โปรแกรม Word เป็นโปรแกรม ที่นิยมใช้กันมากกว่าตัวอื่นๆ ส่วนโปรแกรม NotePad ก็เป็นโปรแกรมย่อยตัวหนึ่งของ Windows เป็น โปรแกรมเล็กๆ แต่ก็ใช้งานได้ดี

โปรแกรมวาดภาพ
สำหรับวาดภาพเพื่อนำไปประกอบในหนังสือ อาจใช้โปรแกรม Auto CAD, CorelDRAW, 3D Studio MAX ฯลฯ ขึ้นอยู่กับว่าจะวาดภาพประเภทใด ออกแบบ โลโก้ เครื่องหมาย การค้าต่างๆ ใช้ CorelDRAW จะง่ายกว่าใช้โปรแกรมอื่น แต่ถ้าหากเป็นภาพสามมิติคงต้องยกให้ 3D Studio MAX

โปรแกรมตกแต่งภาพ
โปรแกรมสำหรับตกแต่งภาพ เพื่อนำไปประกอบในหนังสือ ภาพที่นำมาตกแต่ง อาจเป็นภาพที่วาด ในโปรแกรมอื่นหรือเป็น ภาพถ่ายที่สแกนด้วยเครื่องสแกนเนอร์หรืออาจเป็นภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือ เป็นภาพที่สร้างจากโปรแกรมวาดภาพโดยเฉพาะ การตกแต่งภาพในโปรแกรม Photoshop เป็นวิธีสร้างภาพ ประกอบที่นิยมใช้กันมาก

โปรแกรมจับภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์
เป็นโปรแกรมช่วยในการจับภาพจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ สำหรับการเขียนหนังสือ คอมพิวเตอร์ ScreenCam จับภาพเคลื่อนไหว Hypersnap จับภาพนิ่ง ซึ่งอาจจะจับภาพหน้าจอโปรแกรมใดโปรแกรม หนึ่ง นอกจากโปรแกรมเหล่านี้ ก็ยังมีโปรแกรมอื่นๆ อีกหลายโปรแกรม เช่น Snapit, CorelCapture และอาจใช้การจับหน้าจอแบบ พื้นฐานที่สุด โดยการกดปุ่ม Print Scrn ที่ แป้นพิมพ์

โปรแกรมจัดรูปเล่มหนังสือ
เป็นโปรแกรมช่วยจัดหน้า จัดรูปแบบเล่มของหนังสือ ในบ้านเรานิยมใช้โปรแกรม PageMaker โดยนำข้อความที่ได้พิมพ์ ไว้ในโปรแกรม Word หรือ Notepad หรือโปรแกรมพิมพ์เอกสารตัวอื่นๆ และนำ ภาพจากโปรแกรมวาดภาพและตกแต่งภาพ มาประกอบเข้าด้วยกัน ในการพิมพ์เนื้อหาบางคนก็พิมพ์ลง ในโปรแกรมนี้เลย การพิมพ์อาจจะยุ่งยากกับการตัดคำภาษาไทย แต่เมื่อคล่องแล้ว ก็ไม่ยากอะไรเลย

โปรแกรมจัดการกับข้อมูล
หนังสือหนึ่งเล่มประกอบไปด้วยไฟล์ต่างๆ มากมายทั้งไฟล์ข้อความที่เป็นเนื้อหาของหนังสือ ไฟล์รูป ภาพ โดยเฉพาะหนังสือ คอมพิวเตอร์ จะใช้ภาพประกอบค่อนข้างมาก บางเล่มใช้ภาพประกอบเป็นพันๆ ภาพ หากขาดการจัดระบบการจัดเก็บไฟล์ที่ดี ก็ค่อน ข้างวุ่นวายพอสมควรเหมือนกัน
Windows Explorer ก็เป็นโปรแกรมประเภทไฟล์เมเนเจอร์ที่ดีมากโปรแกรมหนึ่ง โปรแกรมนี้จะถูก ติดตั้งมาพร้อมกับ Windows อยู่แล้ว มีอยู่แล้วในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง
ภาพหน้าจอโปรแกรม Windows Explorer และตัวอย่างการสร้างโฟลเดอร์เพื่อจัดเก็บไฟล์ที่ถูก สร้างขึ้นมาในงานผลิตหนังสือ

โปรแกรมบีบย่อข้อมูล
ไฟล์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ก็จะทำให้ฮาร์ดดิสก์เต็ม ซึ่งเป็นเรื่องปกติ โปรแกรมประเภทบีบย่อข้อมูล เช่น Winzip, Pkzip, Norton Commander เป็นโปรแกรมที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ หนังสือบางเล่มขนาด ของไฟล์เนื้อหาและไฟล์รูปภาพรวมๆ กัน อาจมากกว่า 1 Gb โดยเฉพาะหนังสือคอมพิวเตอร์ สำหรับ ฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบันราคาค่อนข้างถูก ซื้อไว้หลายๆ ตัวก็จะเป็นการดี ตัวหนึ่งไว้ติดตั้งโปรแกรมอีกตัวหนึ่ง ไว้สำรองข้อมูล แต่แนะนำให้เพิ่มเงินอีกหน่อยซื้อเครื่องเขียนซีดี จะดีกว่า เพราะสามารถบันทึก ข้อมูลลง แผ่นซีดีหรือดีวีดีได้ด้วย มีประโยชน์มากกว่าการซื้อฮาร์ดดิสก์มาต่อเพิ่ม

โปรแกรมบันทึกข้อมูลลงเก็บในแผ่นซีดี
เมื่อซื้อเครื่องบันทึกซีดีหรือดีวีดี ก็จะได้รับโปรแกรมสำหรับบันทึกข้อมูลให้มาด้วยอยู่แลัว จึงไม่น่า มีปัญหาอะไร ในการใช้งาน ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ เช่น Nero Burn

โปรแกรมสารพัดประโยชน์อื่น
เป็นโปรแกรมช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ เช่น
- ACDSee หรือ Thumbplus สำหรับวิวหรือดูไฟล์รูปภาพ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของภาพ ก่อนนำไปใช้งานจริง

- โปรแกรม Web Browser สำหรับใช้บริการต่างๆ เกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต เช่น ค้นหาข้อมูล ผู้เขียนบางท่านก็สร้างโฮมเพจไว้ บริการ ลูกค้าด้วย อาจตอบคำถามเกี่ยวกับการใช้หนังสือหรือกรณีที่เป็น หนังสือคอมพิวเตอร์ อาจมีไฟล์ให้ดาวน์โหลด เพื่ออัพเดท ข้อมูล หรือเป็นเนื้อหาเพิ่มเติม โปรแกรมประเภท นี้ เช่น โปรแกรม Internet Explorer, Netscape, Firefox เป็นต้น

ภาพหน้าจอโปรแกรม Internet Explorer และ Netscape
- โปรแกรม QBarcode เป็นโปรแกรมช่วยสร้างบาร์โค้ด

Details: Category: คอมพิวเตอร์กับการผลิตหนังสือ; Hits: 2701

อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับงานไอทีราคาค่อนข้างแพงพอสมควร ซื้อแพงขายถูก เมื่อซื้อมาแล้ว จึงต้อง พยายามศึกษา เพื่อใช้งานให้คุ้มค่าที่สุด

1. คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันรองรับการทำงานกับงานผลิตหนังสือได้สบายๆ แต่ควรเลือกเครื่องที่ใช้ การ์ดจอแบบแยกและฮาร์ดดิสก์ความจุสูง เพราะไฟล์ที่ได้จะมีขนาดใหญ่มากๆ โดยเฉพาะหนังสือที่มีภาพ ประกอบจำนวนมาก

2. เครื่องพิมพ์
เครื่องพิมพ์มีหลายรุ่น หลายแบบ ควรมีไว้อย่างน้อย 1 เครื่อง สำหรับพิมพ์เนื้อหา เพื่อตรวจสอบ ความเรียบร้อย เครื่องพิมพ์ แบบ เลเซอร์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เลือกซื้อรุ่นที่สามารถพิมพ์ได้ที่ความละเอียด 600 x 600 dpi ขึ้นไป สำหรับท่านใดที่อยู่ต่างจังหวัด ที่ไม่มีร้านทำเพลทแยกสีด้วยคอมพิวเตอร์ ก็จำเป็น ต้องมีเครื่องพิมพ์แบบนี้มากที่สุด เพราะสามารถพิมพ์งานลงบนกระดาษทำ เป็นอาร์ตเวิร์ค แล้วนำไปใช้ใน กระบวนการทำเพลทได้

สำหรับท่านใดที่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์อาจไม่จำเป็นต้องใช้ เลือกซื้อ เครื่องพิมพ์อิงเจ็ตราคาประหยัดสักตัว 3,000-4,000 บาท ก็เพียงพอแล้ว พิมพ์ได้ทั้งสีและขาวดำ เลือกรุ่น ที่มีหมึกสำหรับเติมด้วย ควรเป็นยี่ห้อที่หัวพิมพ์ติด อยู่กับตลับหมึก ไม่ใช่หัวพิมพ์กับตลับหมึกแยกกัน เพราะหมึกประเภทเติม คุณภาพหมึกจะไม่เทียบเท่าหมึกพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ รุ่นนั้นๆ โดยตรง โอกาสหมึก อุดตันหัวพิมพ์จึงเป็นไปได้สูง แต่กรณีที่เป็นตลับหมึกพิมพ์ที่มีหัวพิมพ์ติดอยู่ด้วยจะไม่มีปัญหา หัวหมึก อุดตันก็เอาไปแช่น้ำอุ่น หากยังใช้ไม่ได้อีก ก็โยนทิ้งซื้อใหม่ก็ใช้ได้ แต่โอกาสที่จะเกิดปัญหานี้ค่อนข้างยาก ตลับหมึกของแท้ราคาพันกว่าบาท

ในขณะที่หมึกไว้เติมราคาไม่กี่ร้อยบาท เติมได้ประมาณ 3 - 4 ครั้ง บางรุ่นใช้ได้ 10 กว่าครั้ง ค่อนข้างคุ้ม เพราะงานที่พิมพ์จะเป็นการพิมพ์ออกมาเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ของเนื้อหาเท่านั้น อาจพิมพ์เฉพาะข้อความเพียงอย่างเดียว เลือกโหมดการพิมพ์ เป็นพิมพ์แบบประหยัดหมึก แค่นี้ก็ประหยัดเงินไปได้ตั้งเยอะ

3. Scanner
เป็นอุปกรณ์ช่วยแปลงภาพให้เป็นไฟล์รูปภาพ สำหรับนำไปประกอบในหนังสือ ซึ่งอาจจะเป็นภาพ ถ่าย ภาพวาดหรือฟิล์ม สไลด์ เครื่องแสกนเนอร์มีหลายแบบ คุณภาพแตก ต่างกันไป พิจารณาที่งานพิมพ์ หนังสือของคุณเป็นหลักว่าต้องการคุณภาพของภาพ อยู่ในระดับใด สำหรับงานเขียนหนังสือทั่วๆ ไปที่ไม่เน้น การนำเสนอภาพเหมือนจริงหรือภาพที่ต้องการความคมชัดสูง เครื่อง แสกนเนอร์ที่มีจำหน่ายทั่วๆ ไปก็เพียงพอแล้ว แต่กรณีที่ใช้ ภาพถ่ายหรือฟิล์มสไลด์ อาจใช้การแสกนด้วยเครื่องดรัมแสกนหรือเครื่อง แสกนฟิล์ม ภาพที่ได้จะมีความคมชัดมากกว่า
อาจแบ่งลักษณะการใช้เครื่องแสกนเนอร์กับงานหนังสือดังนี้
1. เครื่องแสกนเนอร์ทั่วไป
สำหรับการผลิตหนังสือที่เน้นข้อความเป็นหลักมีภาพประกอบบ้าง อาจเป็นภาพที่วาดเอง หรือเป็น ภาพที่ไม่เน้นความคมชัด มากนัก เช่น หนังสือคอมพิวเตอร์ นวนิยาย
2. เครื่องแสกนฟิล์มและเครื่องดรัมแสกน
เป็นเครื่องแสกนเนอร์สำหรับแสกนภาพที่ต้องการความคมชัดสูง เพื่อผลิตหนังสือ ประเภท นิตยสารการท่องเที่ยว การถ่ายภาพ เป็นเครื่องที่ราคาค่อนข้างแพงประมาณครึ่งแสนขึ้นไป หากต้องการ แสกนภาพ ก็นำฟิล์มสไลด์หรือภาพไปใช้บริการกับ ร้านประเภทนี้ แก้ขัดไปก่อนก็แล้วกัน จนกว่าจะมีเงินซื้อ เป็นของตนเอง ซึ่งก็มีร้านล้างรูปบางร้านบริการ แสกนฟิล์มสไลด์ โดยคิดเป็น ม้วนๆ ละร้อยกว่าบาท

4. เครื่องบันทึกข้อมูลลงแผ่นซีดีหรือดีวีดี
กว่าจะเป็นหนังสือแต่ละเล่ม ใช้เวลารวบรวมข้อมูลและเขียนอยู่เป็นแรมเดือน หากมีวันหนึ่งวันใด ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์เกิดสิ้นอายุขัย พังเอาดื้อๆ ขึ้นมา ข้อมูลอาจหายไปในพริบตา จึงควรหมั่นสำรองข้อมูลลงเก็บในแผ่นดิสก์ไว้ด้วย แต่แผ่นดิสก์เก็บข้อมูลได้ค่อนข้างน้อย การบันทึกข้อมูล ลงแผ่นซีดีหรือดีวีดี จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

5. กล้องถ่ายภาพ
เป็นอุปกรณ์ที่อาจไม่จำเป็นเท่าไรนัก ขึ้นอยู่กับลักษณะของหนังสือ จ้างนักถ่าย ภาพมืออาชีพ น่าจะดีกว่าถ่ายภาพเอง กล้อง ถ่ายภาพแบบดิจิตอลก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ไม่เปลืองฟิล์ม ถ่ายภาพเสร็จ แล้ว ก็ถ่ายไฟล์ลงเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ่ายไม่ดีก็ถ่าย ใหม่ จนกว่าจะพอใจ

6. สื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ
สื่อบันทึกข้อมูลมีหลายแบบ ลักษณะการใช้งานราคาแตกต่างกันไป แผ่นดิสก์เก็ตเป็นสื่อบันทึก ข้อมูลแบบดั้งเดิม มาแต่ โบราณกาล แต่คุณภาพกลับแย่ลงทุกวัน ใช้ได้ไม่กี่ครั้งก็เริ่มแย่ เหมาะสำหรับงาน ผลิตหนังสือที่เน้นข้อความมากว่าภาพประกอบ เพราะเมื่อ แปลงงานที่ได้พิมพ์ใน PageMaker เป็นไฟล์แบบ Pdf ไฟล์ที่ได้จะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ก็อปปี้ลงแผ่นดิสก์ได้สบายๆ ส่วนหนังสือที่มีภาพประกอบ ตลอดจน มีรายละเอียดต่างๆ ค่อนข้างมาก อาจใช้สื่อบันทึกข้อมูลประเภทซิพไดรว์หรือแจ๊สไดรว์ ถ้าใหญ่มากๆ ก็บันทึกลงแผ่นซีดีอาร์หรือก็อปปี้ลงฮาร์ดดิสก์สำรอง เพื่อนำไฟล์ไปยิงฟิล์ม แยกสี อัดเพลทต่อไป

7. เครื่องมือวาดภาพ
สำหรับหนังสือบางเล่มที่มีภาพประกอบเป็นภาพวาด เช่น หนังสือสำหรับเด็ก ควรจะมีเครื่องมือ สำหรับวาดภาพไว้ด้วย อาจไปใช้บริการร้านวาดรูป ง่ายดีเหมือนกัน หรือไม่ก็ค้นหาภาพในอินเตอร์เน็ต

8. เครื่องมืออื่นๆ
- เครื่องคอมพิวเตอร์มือถือหรือพ็อกเก็ตพีซี สำหรับนักเขียนที่อารมณ์ไม่อยู่กับที่ต้องได้ บรรยากาศดีๆ ความคิดจึงจะแล่น ข้อดีของปาล์มก็คือไม่ต้องใช้ไฟฟ้า สามารถพิมพ์ข้อความเข้าไปเก็บไว้ได้ จากนั้นก็ถ่ายโอนข้อมูลลงเก็บในเครื่องคอมพิวเตอร์อีกที คุณจะอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร ก็ยังสามารถ ใช้คอมพิวเตอร์ได้

- คอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้วหรือโน้ตบุ๊ค ( Notebook ) สำหรับการทำงานนอกพื้นที่ อยู่ที่ไหนก็ทำงาน ได้
- มือถือเลือกรุ่นที่รองรับระบบ Edge เพื่อความเร็วในการใช้งานอินเตอร์เน็ต พร้อมซิมสำหรับใช้ งานอินเตอร์เน็ต มีให้เลือกหลายแบบเช่น 20 ชั่วโมงต่อเดือน 99 บาท เป็นต้น คราวนี้ก็ทำงานได้ทุกที่ อัพเดทข้อมูลได้ตลอดเวลา

Details: Category: คอมพิวเตอร์กับการผลิตหนังสือ; Hits: 1902

การกำหนดเรื่องที่จะเขียน ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการผลิตหนังสือ หนังสือเพื่อสาธารณชนก็เน้น เรื่องที่มีประโยชน์
สำหรับหนังสือที่เน้นเพื่อจำหน่าย เช่น นวนิยาย เรื่องสั้น โดยเฉพาะหนังสือคอมพิวเตอร์ อาจ พิจารณาด้านต่างๆ ดังนี้
- ทิศทางตลาด ผู้คนสนใจเรื่องใด หากเป็นหนังสือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ค่อนข้าง จะหาหัวข้อใน การเขียนได้ง่ายกว่า เพราะ มีอะไรใหม่ๆ เข้ามาตลอด โดยเฉพาะโปรแกรม คอมพิวเตอร์และข่าวสารเกี่ยว กับไอที แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ามีสำนักพิมพ์หรือนักเขียน อีกมาก ที่คิดเหมือนที่เราคิด การกำหนดหัวข้อจึงต้อง รอบคอบ แหวกแนวแต่สร้างสรรค์และมีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ หนังสือเกี่ยวกับโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยิ่งจะต้องเลือกเฟ้นหัวข้อและประเด็นที่จะเขียน หากซ้ำซ้อนกับสำนักพิมพ์ใดๆ จะขายลำบาก เพราะเราไม่มีทาง รู้เลยว่า ในขณะที่เรากำลังซุ่มผลิตผลงานอยู่นั้น มีนักเขียนคนใดกำลังเขียนเรื่องเดียว กับเราอยู่บ้าง และหาก ออกวางจำหน่ายก่อนหน้าที่หนังสือของเราจะแล้วเสร็จ ก็จบกันพอดี อุตส่าห์ทำมา แทบตายกลับขายไม่ค่อยออก แต่ไม่แน่เสมอไป อาจนำจุดอ่อนของหนังสือ เล่มอื่นๆ มาเติมเต็ม ให้กับ เนื้อหาของหนังสือที่เราผลิต วางตลาดทีหลังก็มีโอกาสดังกว่า แต่ก็นึกถึง จรรยาบรรณนักเขียนบ้าง การลอก เลียนแบบไม่ดี แต่การนำเสนอเรื่องเดียวกัน ด้วยเนื้อหาที่แน่นกว่า ได้สาระกว่า และเป็นสไตล์ของตนเอง มันก็ไม่ผิดอะไร

- สำรวจหนังสือยอดนิยมในท้องตลาด จะช่วยให้สามารถหาหัวข้อหรือประเด็นที่จะเขียนได้ง่ายขึ้น

- ค้นหาช่องว่างทางการตลาดเกี่ยวกับหนังสือ ความสามารถด้านนี้เป็นสิ่งที่สอน กันไม่ได้ เป็นกึ๋น ทางความคิดเฉพาะตัวของ ใครของมัน คนเก่งที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจมักจะเป็นคนประเภทนี้ คิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน เป็นพวกแกะดำทำอะไร ไม่เหมือนใคร หนังสือในท้องตลาดแม้จะมีวางจำหน่าย มากมาย แต่ก็ยังมีช่องว่างหรือประเด็นให้เขียนอีกตั้งมากมาย

- หัวข้อหรือประเด็นที่นำมาเขียนที่ดี ควรเป็นเรื่องที่ไม่ตกยุค อาจเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมนุษย์ เป็นเรื่อง ทางวิชาการที่จะคง อยู่ไปได้อีกนานเท่านาน และเรื่องราวเหล่านั้นเป็น สิ่งที่คนทุกยุคทุกสมัย จำเป็นต้อง เรียนรู้ หนังสือประเภทนี้จะคงอยู่และขายได้อีก นานเท่านาน เขียนครั้งเดียว แต่ก็ขายได้อีกหลายปี ส่วน ใหญ่จะเป็นหนังสือประเภทนวนิยาย เรื่อง สั้น ด้านวิชาการก็มีบ้าง เช่น ตำราเรียน ส่วนหนังสือคอมพิวเตอร์ อายุค่อนข้างสั้น มีให้ เลือกเขียนหัวข้อเรื่องตั้งแต่อายุ 1 เดือนขึ้นไป แต่น่าสนใจที่ผลตอบแทน เพราะคุณ อาจจะรวยภายในเวลาไม่กี่เดือน หากหนังสือโดนใจใครหลายคน นักเขียนส่วนใหญ่ไม่จำเป็น ต้องไต่เต้า สร้างชื่อตัวเอง เหมือนนักเขียนเรื่องสั้น นวนิยาย ที่เริ่มต้นจากการเขียนบทความ หรือเนื้อเรื่องเป็นตอนๆ ลงนิตยสาร จนกระทั่งมีชื่อติดตลาด จึงเริ่มเขียนเป็นเรื่องเป็นราว ของตนเอง แนวนั้นยาก ต้องเจ๋งจริง แต่แนวเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ขอให้เนื้อหาดี เป็นที่น่าสนใจ มีประโยชน์ รับรองว่าไปได้ดีแน่นอน