รวมบทความทั้งหมดในหมวดโปรแกรมวาดภาพ ตกแต่งภาพ ผลิตสิ่งพิมพ์

โปรแกรมวาดภาพ ตกแต่งภาพ ผลิตสิ่งพิมพ์

รวมบทความเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมช่วยในการวาดภาพ ตกแต่งภาพ ออกแบบ ทำสื่อสิ่งพิมพ์ จัดการกับภาพ เช่น วิวหรือแสดงภาพเป็นแบบแคตตาล็อก แต่งภาพด้วย Photoshop วาดภาพด้วย Illustrator เป็นต้น

การเย็บเล่มหรือเข้าเล่มจะมีผลต่อต้นทุนของหนังสือด้วย การเข้าเล่มจะใช้วิธีใดก็ขึ้นอยู่กับความ หนาของหนังสือ และความต้องการความคงทนในการปิดเปิดบ่อยๆ
1. เย็บอก (Saddle Stitch) เหมาะสำหรับหนังสือหรือเอกสาร จุลสารที่ไม่หนา มีไม่กี่หน้าไม่เกิน 60 หน้า แต่ก็ขึ้นอยู่กับ ความหนาของกระดาษที่ใช้ด้วย อาจสอบถามโรงพิมพ์ ว่าหนังสือเล่มนั้นๆ สามารถ เย็บอกได้หรือไม่ หนังสือที่ใช้การเข้าเล่มลักษณะนี้ จะเป็นหนังสือบางๆ เช่น หนังสือคู่มือการใช้อุปกรณ์ต่างๆ หนังสือการ์ตูนเล่มละบาท ฯลฯ

2. ใสกาว (Perfect Bound) เป็นการเข้าเล่มโดยใช้กาว เป็นวิธีที่นิยมมากราคาถูก สะดวก รวดเร็ว แต่ความคงทนอาจไม่ดีนัก เปิดสัก 180 องศา ก็หลุดเป็นแผ่นๆ แล้ว ตัวอย่างหนังสือที่เข้าเล่มแบบนี้เช่น หนังสือเพลง หนังสือคอมพิวเตอร์ หนังสือคู่มือประกอบ การเรียน นิตยสารบางฉบับ

3. เย็บกี่ (Consecutive) เป็นการนำหนัาหนังสือมาเป็นชุดๆ มาเย็บหรือร้อยด้วยเชือกเข้าด้วยกัน ก่อนทากาวที่สันเพื่อ ติดปกหนังสือ เป็นหนังสือที่ค่อนข้างทน ราคาแพงกว่าการเข้าเล่มแบบอื่นๆ หนังสือ คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะเข้าเล่มแบบนี้

จะเลือกลักษณะการเข้าเล่มแบบใด ก็ดูที่รูปแบบของหนังสือ เป็นหนังสือบางๆ ก็เย็บอก หนาขึ้นมา อีกหน่อย แต่ไม่เน้น คุณภาพมากก็ใสกาว ถ้าต้องการคุณภาพและทนมือ ในการเปิดอ่านบ่อย ๆ ก็เลือกเย็บกี่ ราคาก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก

Details: Category: คอมพิวเตอร์กับการผลิตหนังสือ; Hits: 4637

ตำแหน่งการวางภาพประกอบ ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ออกแบบสิ่งพิมพ์แต่ละท่าน แต่ส่วนใหญ่ จะมีตำแหน่งในการ วางภาพคล้ายกัน เช่น
1. ปกหน้า หลัง อาจเป็นภาพวาด หรือภาพที่ตกแต่งด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือภาพถ่าย ความ ยากง่ายในการผลิต ก็แตกต่างกันไป แต่ลักษณะการทำปกที่นิยมกัน ในปัจจุบันจะเป็นการออกแบบใน โปรแกรม Photoshop หาภาพประกอบมาตกแต่ง พิมพ์ ข้อความส่วนที่เป็นชื่อหนังสือ แล้วนำภาพที่ได้ไปใช้ ในโปรแกรม PageMaker โดยพิมพ์รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังสือ ลงไปอีกที
รูปปกหนังสือแบบต่าง ๆ

2. ส่วนสารบัญ คำนำ และหน้าแรกของแต่ละบท สำหรับหน้าแรกของแต่ละบท อาจใช้ภาพที่สื่อ ความหมายเกี่ยวกับเนื้อหา ในบทนั้น ๆ

3. ส่วนหัวหรือท้ายกระดาษของแต่ละหน้า นักออกแบบบางท่านอาจออกแบบเหมือนกันทั้งเล่ม หรือแยกเป็นบท แต่ละบท ภาพประกอบจะไม่เหมือนกัน

4. ภาพประกอบเนื้อหาของหนังสือ เป็นภาพที่ใช้ประกอบเนื้อหา เพื่อช่วยเสริม การอธิบายการสอน ให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาของ หนังสือมากยิ่งขึ้นสำหรับหนังสือทั่วๆ ไป เช่น นิยาย เรื่องสั้น ปรัชญา อาจไม่ใช้ภาพ ที่มีลูกเล่นอะไรมากนัก ใช้เพียงภาพวาดหรือ ภาพสำเร็จรูป หากเป็นหนังสือบางประเภท เช่น หนังสือเกี่ยว กับไอที คอมพิวเตอร์ ภาพประกอบต้องดูน่าสนใจ สื่อความหมาย เป็นภาพที่ใช้เทคนิคในการสร้างยุ่ง ยากกว่าภาพประเภทอื่น ส่วนหนังสือบางแบบ เช่น นิตยสาร แฟชั่น นิยมใช้ภาพถ่ายมากกว่า

Details: Category: คอมพิวเตอร์กับการผลิตหนังสือ; Hits: 1536

ในที่นี้ขอแบ่งเป็น 2 แบบ ดังนี้
1. ภาพถ่าย ภาพจากฟิล์มสไลด์ ภาพวาด
2. การสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์

ภาพถ่ายหรือภาพจากฟิล์มสไลด์
เป็นการสร้างภาพประกอบที่ค่อนข้างง่าย โดยนำภาพถ่ายหรือฟิล์มสไลด์มาแสกนด้วยเครื่อง แสกนเนอร์ และตกแต่งภาพที่ได้ด้วยโปรแกรมตกแต่งภาพ ก่อนนำไปใช้งานจริง
ท่านใดที่ไม่มีเครื่องแสกนเนอร์ ก็อาจไปใช้บริการร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ บางร้านจะมีเครื่อง แสกนเนอร์ไว้บริการด้วย หาก ไม่มีก็อาจใช้บริการผ่านอินเตอร์เน็ต โดยการส่งภาพทางไปรษณีย์ไปยังผู้รับ บริการไปที่เว็บไซต์ชื่อ www.pantip.com คลิกเลือก หัวข้อ Classified ไปค้นหาที่นี่ จะมีผู้ให้บริการ หลายคนเหมือนกัน

กล้องดิจิตอลก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง ในการสร้างภาพ เพียงแต่ถ่ายภาพที่ต้องการแล้วถ่ายโอน ไฟล์ภาพที่ได้ลงเครื่อง คอมพิวเตอร์ นำไปตกแต่งอีกที ก่อนใช้งานจริง เรื่องคุณภาพของภาพอาจด้อยกว่า การแสกน ลองเปิดอ่านหนังสือเกี่ยวกับการ ถ่ายภาพ บาง เล่มจะมีภาพตัวอย่างที่ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอล ดูว่าภาพเหล่านั้นมีความละเอียด ความคมชัด อยู่ในเกณฑ์ที่คุณรับได้ หรือไม่

Details: Category: คอมพิวเตอร์กับการผลิตหนังสือ; Hits: 1289

การแสกนด้วย Photoshop จะดีกว่าการแสกนด้วยโปรแกรมที่มาพร้อมกับเครื่องแสกนเนอร์ เพราะ เมื่อแสกนเข้ามาแล้วก็ สามารถทำการตกแต่งภาพได้เลย ส่วนจะตกแต่งอย่างไรนั้น คุณคงต้องศึกษา หาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมนี้

วิธีการแสกนภาพ
1. เข้าโปรแกรม Photoshop
2. คลิกเมนู File>>Import>>Twain 32...
3. จะเข้าสู่หน้าจอโปรแกรมสำหรับสแกนรูป ให้ทำการแสกนรูปตามต้องการ โดยใส่ภาพลงใน เครื่องแสกนเนอร์ แล้วคลิกปุ่ม Prescan... สักครู่จะปรากฏภาพเข้ามา ลากเมาส์ครอบส่วนของภาพที่ต้องการ แล้วคลิกปุ่ม Scan... ถ้าจะแสกนภาพอื่นๆ ก็นำภาพ ใหม่ใส่เข้าไป คลิกปุ่ม Prescan... เลือกภาพและคลิกปุ่ม Scan.. และเมื่อแสกนครบทุกภาพแล้ว ให้คลิกปุ่ม Close เพื่อออกจากโปรแกรมแสกนภาพ ซึ่งก็จะกลับ ไปที่โปรแกรม Photoshop ให้บันทึกแต่ละภาพเก็บไว้ด้วยคำสั่ง File>>Save As และบันทึกเป็นไฟล์ภาพ แบบ Tiff

4. การแสกนภาพเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าต้องการนำภาพนั้นๆ ไปใช้ทำสิ่งพิมพ์หรือหนังสือ สี่สีให้แสกนภาพด้วยความ ละเอียดประมาณ 300-350 dpi และหากจะนำภาพไปใช้ในหนังสือสีเดียว เช่น ขาวดำ ให้กำหนดความละเอียดในการแสกนประมาณ 150 Dpi ก็พอ กำหนดชนิดของภาพเป็นแบบ *.Tif (แนะนำให้แสกนที่ 300 Dpi ทุกภาพ)

ตัวเลือกต่างๆ
Color Image สำหรับการแสกนภาพสี
Gray Scale สำหรับการแสกนภาพขาวดำ
Line Art Drwing สำหรับภาพวาดแบบลายเส้น
Size ขนาดของภาพ
Resolution เป็นความละเอียดในการแสกน
5. ภาพที่ได้นั้นยังไม่สามารถนำไปใช้งานได้ ต้องตกแต่งเพิ่มเติม เช่น เพิ่มความ คมชัด ปรับความ มืด-สว่าง อาจสร้างเป็นภาพขอบฟุ้ง เพิ่มเงา ฯลฯ

ในการแสกนภาพ คุณภาพของภาพที่ได้จากเครื่องแสกนเนอร์ทั่วๆ ไป ยังไม่ดีนัก เหมาะสำหรับ หนังสือที่ไม่เน้นภาพประกอบ ที่คมชัดมาก เน้นภาพเป็นเพียงส่วนขยายหรืออธิบาย เนื้อหาให้เป็นที่เข้าใจ มากยิ่งขึ้น แต่หนังสือที่เน้นการนำเสนอภาพโดยเฉพาะ เช่น นิตยสาร แฟชั่น ต้องแสกนภาพด้วยเครื่องดรัม แสกนหรือเครื่องแสกนฟิล์มจึงจะได้ภาพที่ มีความละเอียดสูง พิมพ์ออกมาแล้ว คมชัด สวยงาม แต่เครื่องแสกนแบบนี้ราคาค่อนข้างแพง ค่าจ้างแสกนก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน ตกภาพละ 50 กว่าบาท แต่ละ ที่ราคาไม่เท่ากัน